นักเตะอบจ.
Status:
![](http://www.soccersuck.com/img/rp_image/yellow.png)
: 0 ใบ
![](http://www.soccersuck.com/img/rp_image/red.png)
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 1421
ที่อยู่: ฝากเอาไว้ในกายเธอ
โพสเมื่อ: Tue Jul 02, 2024 04:33
มันแล้วแต่ครอบครัวจริงๆ สำหรับผมโชคดีที่มีบ้านอยู่ มีข้าวกิน อยู่แล้ว แต่เป็นคนค่อนข้างใส่ใจในการเงิน(หลังจากผ่านวิกฤต) ตอนนั้น cash flow ไม่มีเลย โดนตัดบัตรเครดิต เพราะเรียนจบแล้ว พ่อปล่อยให้เคลียร์เองด้วยยอดประมาณ 200,000 ไอ้เราก็เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ คิดว่า คชจ ปกติ เขาใช้กันเดือนละ 100,000-200,000 ทั้งกดเงินสด เพราะไม่มีเงินสดไว้ซื้อของข้างทาง กับ รูดทุกที่ที่รูดได้ มีเงินอยู่ก้อนนึงไม่ถึง 50,000 ได้แค่จ่ายขั้นต่ำ ทำมาหากินก็ยังไม่ได้ไม่มีงานทำ สุดท้ายที่ต้องยอมให้ญาติปิดให้(ได้เพื่อนดีแนะนำว่า บอกตรงๆสภาพนี้มึงไม่มีทางออกได้ด้วยตัวเองเลย) ตอนนั้นรู้เลยว่าคนติดวงจรบัตรเครดิต จ่ายแค่ขั้นต่ำมันเป็นยังไง คือ โงหัวไม่ได้เลย เรียกว่าพ่อลากไปทิ้งไว้ในจุดที่หนักที่สุดเลย เอาแบบหมดหนทาง จากนั้นผมตัดบัตรเครดิตทิ้งไม่ใช้มา 5-6 ปี จนตอนนี้ รู้สึกว่าความรับผิดชอบการเงินเริ่มดีแล้ว พึ่งกลับมาใช้ แต่ เปิด credit limit ไว้ต่ำมากๆ แค่พอใช้ต่อเดือน เอา cash back กับ benefit มากกว่า สิ้นเดือนปิดยอดให้หมดใช้เป็น Charge card เลย หลักๆวินัยการเงินได้มาจากตอนนั้น บวกกับพอทำธุรกิจเอง ตอนสร้างมาก็ไม่มีต้นทุน ทำให้ต้องตัดพวกค่า entertainทั้งหมด รถ เที่ยว เหล้า เสื้อผ้า เสื้อผ้าผมใช่เสื้อยืดตัวละ 99 กางเกงตัวละ 99 เพราะเงินได้มามาลงทุนเพิ่มต่อ ลืมคิดเรื่องกิเลศไปเลย ต่อมาพอมาเจอตอนช่วงโควิด อยู่กับเมียสองคน เหลือเงินหมุนเดือนๆนึง แค่ เดือนละ 5000-6000 เพราะลูกค้าเบี้ยว ลูกค้าจ่ายช้าบ้าง ปิดร้านหนี เติมน้ำมันทีละ300 รถคันไหนประหยัดน้ำมันสุด ก็ขับคันนั้น น้ำตาตกในนั่งสอย ก๋วยเตี้ยวหน้า 7 กันสองคน รู้สึกแย่มากๆพาเมียมาลำบากขนาดนี้ ตอนนั้นโคตรมืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำไง แต่มองbright side ก็โชคดีกว่าคนอื่นอีกเยอะแยะมากมาย เลยหาทางแก้มาเรื่อย