มาต่อกันให้จบ เมื่อวานอธิบายเรื่อง Salary Cap & Exception ไป ตามกระทู้นี้

https://www.soccersuck.com/boards/topic/2456416

วันนี้เลยมาต่อในส่วนที่เปลี่ยนแปลงของ Collective Bargain Agreement (CBA) ฉบับล่าสุด และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในเรื่องเพดานเงินเดือน คือ 1st Apron & 2nd Apron

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลักๆใน CBA ฉบับนี้

- การเปลี่ยนแปลงของ Salary Cap ในแต่ละปีจะห้ามเกิน 10% ป้องกันกรณีแบบปี 2016 ที่ลีกได้ดีลถ่ายทอดสดใหม่ ทำให้ Cap ขยายพรวดเดียว 36% และนักบาสที่เป็น Free Agent ปีนั้นได้ค่าเหนื่อยมากกว่าปีอื่นอย่างชัดเจน (ทำให้สะพานมีตังเซ็น KD ได้ด้วยนะ)

- การต่อสัญญาผู้เล่น Veteran ที่ไม่เข้าเกณฑ์ Max contract สามารถเสนอเพิ่มจาก 120% เป็น 140 % ของสัญญาเดิมได้ ทำให้ทีมสามารถเสนอสัญญาใหม่ที่สูงขึ้นกับผู้เล่นก่อนหมดสัญญา โดยไม่ต้องรอให้หมดสัญญาเป็น Free Agent แล้วค่อยเสนอสัญญาที่สูงได้

การปรับเรื่อง Salary Cap -> มีการเพิ่มเส้นภาษีที่ 1 (1st Apron) และ เส้นภาษีที่ 2 (2nd Apron) เข้ามา เพื่อลงโทษทีมที่ใช้เงินเกินมากขึ้น โดยกำหนดดังนี้


Salary Cap $141 ล้าน
Luxury Tax $171.3 ล้าน
1st Apron $178.6 ล้าน
2nd Apron $ 189.4 ล้าน

ในการข้าม Apron แต่ละระดับจะมีการกำหนดบทลงโทษ หรือข้อจำกัดบางอย่างไว้ นอกจากนี้ การใช้ Exception บางตัวจะทำให้ตัวของ Apron กลายเป็น Hard Cap คือทีมจะไม่สามารถใช้เงินเกินที่กำหนดใน Apron นั้นๆได้เลย มาดูลายละเอียดแต่ละอันกัน (เรื่องข้อ Exception ตัวไหนจำไม่ได้กลับไปดูกระทู้เก่าผมได้นะ)

1. First Apron เส้นภาษีที่ 1 $178.6 ล้าน

จะกลายเป็น Hard cap ถ้า
* ทีมใช้ Non-Taxpayer Mid-level exception (NTMLE)
* ทีมใช้ Bi-Annual Exception (BAE)
* ทีมได้ตัวผู้เล่นด้วยวิธี Sign and trade

ข้อจำกัดเมื่อทีมข้าม 1st Apron
* ไม่สามารถใช้ BAE ได้ ส่วน MLE จะใช้ได้เฉพาะ Taxpayer Mid-level exception (TMLE) เท่านั้น
* ไม่สามารถเซ็นสัญญากับผู้เล่น Buy-out ที่สัญญาก่อนที่จะ Buy-out สูงกว่า NTMLE ได้
* จำกัดการเทรดผู้เล่น โดยค่าเหนื่อยของผูเล่นที่เทรดเข้าต้องไม่เกิน 100% ของค่าเหนื่อยผู้เล่นที่เทรดออกไป (จากปกติ 125%)
* ใช้ Traded Player Exception จากฤดูกาลที่แล้วไม่ได้


2. Second Apron เส้นภาษีที่ 2 $189.4 ล้าน

จะกลายเป็น Hard Cap ถ้า

* ทีมใช้ TMLE

ข้อจำกัดสำหรับ 2nd Apron

* ห้ามเทรดผู้เล่นออกมากกว่า 1 คนในการเทรดแต่ละครั้ง คือไม่สามารถเอาค่าเหนื่อยของผู้เล่นหลายๆคนมารวมกันเพื่อเทรดได้, แต่ยังสามารถเทรดผู้เล่นออก 1 คนแลกผู้เล่นเข้ามามากกว่า 1 คนได้ โดยต้องมีค่าเหนื่อยรวมเท่ากัน
* ห้ามเพิ่มเงินเข้าไปในการเทรด (บางทีมชอบเอาเงินไปเทรดแลกสิทธิ์ดร๊าฟท์รอบสอง อันนี้โดนห้าม)
* ห้ามใช้ Traded Player Exception ที่สร้างในการ Sign & Trade ก่อนหน้าในการเซ็นผู้เล่น
* ห้ามใช้สิทธ์ดร๊าฟท์รอบแรกของทีมในอีก 7 ปีข้างหน้าในการเทรด
* ถ้าทีมติดที่ 2nd Apron 3 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด สิทธ์ดร๊าฟท์รอบแรกของทีมจะถูกย้ายไปอันดับสุดท้ายของรอบแรก (อันดับ 30) โดยอัตโนมัติ


จะเห็นว่าทีมที่ทะลุ 2nd Apron จะทำได้แค่ ต่อสัญญา Free Agentตัวเอง, เซ็นสัญญาผู้เล่นขึ้นต่ำ, เซ็นสัญญารุกกี้ และการเทรดผู้เล่นที่จำกัดตามข้อบังคับเท่านั้น คือไม่สามารถเซ็นสตาร์เพิ่มได้เลย ทำได้แค่รักษาทีมปัจจุบันเอาไว้ ซึ่งล่าสุดก่อนเปิดฤดูกาล มี 4 ทีมที่ค่าเหนื่อยเลย 2nd Apron แล้ว คือ Celtics, Suns, Nuggets และ Timmberwolves ต้องมาดูว่าแต่ะทีมจะขยับตัวกันยังไงในช่วงปิดฤดูกาล

เมืองใหญ่ยังคุ้มพอที่จะวัดดวง เรื่องที่จ่าย tax เหมือน gsw
ปีหน้า celtic คงไหววัดดวงทีมเดิมอีกปี
พอสัญญาใหม่ tatum 50++ คงต้องระเบิดทีม แยกย้าย

อนาคตทีมคงเป็นแบบ เตรียมตัวลุ้นแชมป์ ดึงสตาร์มาจนทะลุ 2nd Apron พยายามลุ้นแชมป์ซัก 2 ปี ถ้าไม่ได้ต้องลดค่าเหนื่อยลงให้หลุด 2nd Apron แต่ปัจจุบันอย่าง Celtics, Nuggets, T-Wolves แกนหลัก ทรงทีมมันชัดแล้วไง มันก็พอปรับนิดๆหน่อยๆแล้วลุยได้ แต่ Suns นี่จะเอายังไงดี

2nd apron ข้อจำกัดปวดหัวจริงแหะ

หนักสุดน่าจะ Suns ทีมไม่ค่อยเวิร์คแถมขยับยากอีก ทีมอื่นยังประคองตัวได้

Suns นั่น 5 ตัวจริงก็จะ 200 ล้านแล้วเหอะ 3 ตัว KD, Booker, Beal ก็ตัวละ 50+ ล้าน สัญญาใหม่ Grayson Allen ก็ 15 ล้านกว่าจะเริ่มปีนี้

ขนาดว่าต่อให้ปล่อยพวก Free Agent อย่าง Royce O'neil , Bol Bol ทิ้งหมด ยังกดไม่ลงเลย คงหวังว่าไอ้ 3 ตัวหลักปีนี้จะไม่มีใครเจ็บ และเล่นได้เข้าขากันกว่าปีก่อนนะ เอาจริงทะลุ 2nd Apron นี่เหมือนโดนจับแช่แข็งทีมอ่ะ ขยับไม่ได้เลย เซ็นตัว Role Player เพิ่มยังยาก

ขอบคุณครับผม