NBA: Salary Cap & Exceptions อันชวนมึน
หลังจากคราวก่อนพูดถึงเส้นภาษี Luxury Tax ไปในกระทู้นี้
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2455861
วันนี้จะมาอธิบายเรื่อง กฎกติกาเกี่ยวกับเพดาค่าเหนื่อย(Salary cap) ของ NBA ที่หลายๆคนอาจเคยสงสัย ว่าทำไมทั้ง ๆที่ลีกกำหนดเพดานค่าเหนื่อยไว้แค่ $140 ล้าน แต่ทีมใน NBA มันกดค่าเหนื่อยกันไป $180 -190 ล้านได้ วันนี้จะมาอธิบายให้ฟัง ทำหัวให้โล่งๆ เพราะมันชวนงงมาก
NBA จะกำหนดเรื่องค่าเหนื่อยของแต่ละทีมไว้ในแต่ละฤดูกาลคือ
-
Salary floor คือเงินเดือนขั้นต่ำที่แต่ละทีมต้องจ่ายให้ถึง ,
Salary Cap คือเพดานเงินเดือนสูงสุดที่ทีมจะเซ็นได้ด้วยวิธีการเซ็นปกติ และ
Luxury Tax คือจุดกำหนดหากทีมไหนใช้เงินเกินนี้ต้องเสียภาษีฟุ่มเฟือย แต่จาก Collective Bargain Agreement 2023 ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ 100% ในฤดูกาลหน้า ได้เพิ่มฉากกั้นหรือ Apron ขึ้นมาอีก 2 ขั้น คือ
1st Apron และ
2nd Apron เข้ามา เพื่อลงโทษเพิ่มเติมกับทีมที่ไม่ควบคุมการใช้เงินของตัวเองโดยเฉพาะ
สำหรับฤดูกาลหน้า ทางลีกมีข้อกำหนดเรื่องค่าเหนื่อยต่างๆไว้ดังนี้
Salary Floor $127 ล้าน ทุกทีมต้องจ่ายเงินเดือนไม่ต่ำกว่านี้
Salary Cap $141 ล้าน
Luxury Tax $171.3 ล้าน
1st Apron $178.6 ล้าน
2nd Apron $ 189.4 ล้าน
Salary Cap ทำงานยังไง
Salary Cap ของ NBA เป็นแบบ Soft Cap คือทีมสามารถใช้ค่าเหนื่อยได้เกิน Cap ได้ แต่ไม่ใช่วิธีการเซ็นสัญญาปกติ การจะเซ็นสัญญาผู้เล่นให้เกิน Salary Cap ต้องอาศัยข้อยกเว้น (Exception) ตามที่ลีกกำหนด ซึ่ง NBA มี Exception มากมาย ที่เหมือนเครื่องมือให้ GM ของแต่ละทีมเอาไปใช้ในการสร้างทีมในฝันของตัวเอง
สูดหายใจลึกๆ ทำสมองให้โล่งๆ เพราะเรากำลังจะไปดูกันว่า Exception ของ NBA มีอะไรบ้าง
1.Rookie Exception คือการเซ็นสัญญารุกกี้ที่มาจากการดร๊าฟท์รอบแรกโดยทีมสามารถเซ็นสัญญารุกกี้ได้แม้ว่าค่าเหนื่อยจะทะลุ Cap ไปเท่าไหร่ก็ตาม
2.Minimum Salary exception คือทีมที่ Cap เต็มสามารถเซ็นผู้เล่นได้ โดยให้สัญญาขั้นต่ำตามที่ลีกกำหนด ซึ่งสัญญาขั้นต่ำที่ผู้เล่นจะได้ในปี 2024นี้ จะขึ้นกับจำนวนปีที่ผู้เล่นเล่นใน NBA ตั้งแต่ $1.1 ล้านในผู้เล่นที่ไม่มีประสบการณ์ไปจนถึง $3.3 ล้านในผู้เล่นประสบการณ์ 10+ปี
3.Qualifying Veteran Free Agent Exception หรือที่รู้จักกันในชื่อ
Bird’s rights (ตั้งชื่อตาม Larry Bird ตำนานของ Celtics ที่เป็นคนแรกของลีกที่ต่อสัญญาด้วยสิทธิ์นี้) คือข้อยกเว้นในการต่อสัญญา Free Agent ของทีมตัวเอง แม้ว่าทีมจะมีค่าเหนื่อยทะลุ Salary Cap ไปแล้ว โดยแบ่งตามระยะเวลาที่ผู้เล่นอยู่กับทีม คือ
3.1)Bird’s right ใช้กับผู้เล่นที่อยู่กับทีมมาอย่างน้อย 3 ปีก่อนหมดสัญญา โดยทีมสามารถเสนอสัญญาสูงสุดได้ถึง Max contract ที่ 25%/30%/35% ของ Salary cap ยาวได้ถึง 5 ปี ซึ่ง Max contract จะได้กี่เปอร์เซ็นต์ของ Salary Cap ก็ขึ้นกับว่าผู้เล่นได้รางวัลอะไรบ้างเช่น ติด All NBA, MVP หรือ DPoY ตัวอย่างเช่น Celtics ที่ค่าเหนื่อยทะลุ Cap ไปสุดกู่ ยังสามารถต่อสัญญา Max ให้ Jalen Brown ในปีนี้ และ Jason Tatum ในปีหน้าได้ ก็อาศัย Bird’s right นี่แหละ
3.2)Early-Bird’s right ใช้กับผู้เล่นที่อยู่กับทีมมาอย่างน้อย 2 ปีก่อนหมดสัญญา ทีมสามารถเสนอสัญญาให้สูงสุดคือ 175% ของสัญญาเก่าปีสุดท้าย หรือ105% ของค่าเฉลี่ยสัญญาผู้เล่นปีล่าสุดขึ้นกับอันไหนสูงกว่า ให้สัญญายาวได้ 2-4 ปี
3.3)Non-Bird’s right ใช้กับผู้เล่นที่ไม่เข้าเกณฑ์ของ 2 ข้อข้างต้น ทีมสามารถเสนอสัญญาให้สูงสุดคือ 120% ของสัญญาเก่าปีสุดท้าย หรือ 120% ของสัญญาขั้นต่ำของผู้เล่นตามที่ผู้เล่นจะได้ขึ้นกับอันไหนมากกว่า
4.Trade player Exception คือการเพิ่มค่าเหนื่อยจากการเทรดผู้เล่น คือถ้าจะอธิบายเรื่องการเทรดทั้งหมด คงต้องตั้งกระทู้ใหม่เลยและคงยาวใกล้เคียงกับกระทู้นี้แหละ แต่หลักๆคือ ทีมสามารถเทรดโดยที่ผู้เล่นที่ได้กลับมามีค่าเหนื่อยมากกว่าผู้เล่นที่เทรดออกไปได้ แม้ว่าทีมจะ Cap เต็มแล้ว โดยแบ่งเป็น
4.1)ทีมที่ค่าเหนื่อยหลังการเทรดเกิน Cap แต่ยังไม่ถึง Luxury Tax ผู้เล่นที่ทีมเทรดเข้ามาจะมีค่าเหนื่อยได้ไม่เกินตัวเลือกที่ต่ำที่สุดจาก 2ทางเลือกนี้
1) 175% ของค่าเหนื่อยของผู้เล่นที่ทีมเทรดออกไป + $100,000เหรียญ
2) ค่าเหนื่อยของผู้เล่นที่ทีมเทรดออกไป + $ 5 ล้านเหรียญ
4.2)ทีมที่ค่าเหนื่อยหลังเทรดจะเกิน Luxury Tax ค่าเหนื่อยของผู้เล่นที่เทรดเข้ามา ต้องไม่เกิน 125% ของผู้เล่นที่เทรดออกไป
5.Mid-Level exception (MLE) เป็นข้อยกเว้นเพิ่มเติม ที่ช่วยให้ทีมสามารถใช้ในการเซ็น Free Agent หรือต่อสัญญาผู้เล่นที่หมดสัญญาของตัวเองได้ แม้ว่าค่าเหนื่อยจะเต็ม Cap แล้ว ซึ่งมูลค่าของ MLE ที่ทีมจะได้ขึ้นกับค่าเหนื่อยรวมของทีม ซึ่งมูลค่าของ MLE จะมีการกำหนดล้อตาม Salary Cap ในแต่ละปี
5.1)Standard MLE หรือ Non-Taxpayer MLE (NTMLE)ให้สิทธิ์กับทีมที่ค่าเหนื่อยเกิน Cap แต่ยังไม่เกิน 1st Apron และหากทีมเลือกจะใช้ NTMLE ทีมจะติด Hard Cap ห้ามค่าเหนื่อยเกิน 1st Apron ตลอดฤดูกาล สำหรับปี 2024 NTMLE มีมูลค่า $12.8 ล้าน เซ็นสัญญาได้ 4 ปี
5.2)Room MLE ให้สิทธิ์กับทีมที่ค่าเหนื่อยไม่เกิน Cap ซึ่งปีนี้มีมูลค่า $8ล้าน เซ็นสัญญาได้ 3 ปี
5.3)Taxpayer MLE(TMLE) ให้สิทธิ์กับทีมที่ค่าเหนื่อยเกิน 1st Apron แต่ยังไม่เกิน 2nd Apron และหากทีมเลือกจะใช้ TMLE ทีมจะติด Hard Cap ห้ามค่าเหนื่อยเกิน 2nd Apron ตลอดฤดูกาล สำหรับปี 2024 TMLE มีมูลค่า $5.1 ล้าน เซ็นสัญญาได้ 2 ปี
6.Bi-Annual Exception (BAE) ตามชื่อเลยคือราย 2 ปี เป็น Exception ที่ใช้ในการเซ็นสัญญาผู้เล่นได้ยาวไม่เกิน 2 ปี และห้ามใช้ 2 ปีติดต่อกัน ในปี 2024 กำหนด BAE ไว้ที่ $4.6 ล้าน และมี 3 ทีมคือ Cavaliers, Raptors และ Lakers ที่ใช้ BAE ไปในปีที่แล้วทำให้ไม่สามารถใช้ได้ในปีนี้
7.Disable player exception ใช้ในการเซ็นสัญญาทดแทนผู้เล่นที่บาดเจ็บจนปิดฤดูกาล โดยต้องเป็นผู้เล่นที่บาดเจ็บก่อนวันที่ 15 มค. และคาดว่าหายกลับมาไม่ทันวันที่ 15 มิย. ของฤดูกาลนั้นๆจึงจะสามารถขอใช้สิทธิ์ได้ โดยค่าเหนื่อยขอผู้เล่นที่จะเซ็นเข้ามาแทนต้องไม่เกิน 50% ของผู้เล่นที่บาดเจ็บและไม่เกิน NTMLE ของปีนั้นๆ
ทั้งหมดนี้คือ Exception ที่ทีมสามารถใช้ได้ในการเซ็นผู้เล่นและสร้างทีมข้าม Salary Cap ขึ้นไปได้ ถ้าให้เปรียบเทียบ มันก็คือเครื่องมือของ GM และ Front office ที่จะหยิบมาใช้ในการรังสรรค์ทีมขึ้นมานั่นเอง หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้ทุกๆท่านติดตาม NBA ได้อย่างสนุกสนานและได้อรรถรสมากขึ้น
ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่อง 1st Apron กับ 2nd Apron ให้ฟังนะครับ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว