หลังจากจบนัดชิง เข้าสู่ช่วงปิดฤดูกาล หลายทีมเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ แต่บางทีมก็มีภาระที่ต้องจ่ายภาษีฟุ่มเฟือย คือค่าปรับสำหรับทีมที่จ่ายค่าเหนื่อยรวมเกินเส้นที่ NBA กำหนด สำหรับปีที่ผ่านมาเส้นภาษีฟุ่มเฟือยอยู่ที่ $165.3 ล้าน ล่าสุดลีกได้ประกาศออกมาแล้วว่าปีนี้มีทีมทีต้องเสียภาษีฟุ่มเฟือย 8 ทีมด้วยกัน ได้แก่

*Golden State Warriors: $176.9 ล้าน
*Los Angeles Clippers: $142.4 ล้าน
*Phoenix Suns: $68.2 ล้าน
*Milwaukee Bucks: $52.5 ล้าน
*Boston Celtics: $43.8 ล้าน
*Denver Nuggets: $20.2 ล้าน
*Miami Heat: $15.7 ล้าน
*Los Angeles Lakers: $6.9 ล้าน

เงินส่วนนี้บางส่วนจะหักเข้าไปสนับสนุนโครงการต่างๆของ NBA อีกบางส่วนจะมาหารให้ทีมที่ไม่ได้เสียภาษี ซึ่งปีนี้ 22 ทีมที่ไม่ได้เสียภาษี จะได้ตังกินหนมทีมละ $11.9ล้าน

แต่รู้หรือไม่ ทีมที่เสียภาษีสูงสุดอย่าง Warriors ที่ $176.9 ล้าน มีค่าเหนื่อยของรวมทีม $206.8 ล้าน (เกินเส้นภาษี $41.5 ล้าน) หรือเสียภาษีฟุ่มเฟือยมากกว่าส่วนที่เกินถึง 5 เท่า คิดเป็น 85.7% ของค่าเหนื่อยเลย

ขณะที่ทีมที่เสียน้อยที่สุดอย่าง Lakers มีค่าเหนือย $168.1ล้าน (เกิน $2.8 ล้าน) โดนภาษีไปถึง 2.5 เท่าของส่วนที่เกิน

เพราะการคำนวณภาษีฟุ่มเฟือยของ NBA ใช้การคำนวณแบบอัตราก้าวหน้า ยิ่งเกินไปเยอะ ยิ่งต้องเสียสัดส่วนเยอะ โดยในการคำนวณภาษี จะใช้ค่าเหนื่อยรวมในวันสุดท้ายของฤดูกาลปกติเป็นตัวนำไปคำนวณ โคยมีอัตราดังนี้


* 0 ถึง $5ล้านแรกที่เกิน เสียภาษีอัตรา 150% (เกิน 1 เหรียญ เสียภาษี 1.5 เหรียญ)
* เกิน $5ล้านถึง $10ล้าน เสียภาษีอัตรา 175%
* เกิน $10ล้านถึง $15ล้าน เสียภาษีอัตรา 250%
* เกิน $15ล้านถึง $20ล้าน เสียภาษีอัตรา 325%
หลังจากนั้นอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นทุกๆ $5ล้าน โดยบวกเพิ่มช่วงละ 50% ไปเรื่อยๆ เป็น 375% > 425% > 475% ไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ยังมีกฏลงโทษบรรดาทีมที่มือเติบ ใช้เงินเปลืองไม่หลาบไม่จำ คือถ้าทีมมีค่าเหนื่อยเกินเส้นภาษี 3 ใน 4 ฤดูกาลหลังสุด จะโดนบวกอัตราภาษีแต่ละขั้นไปอีกขั้นละ 100% จาก 150 > 175 > 250 > 325 เป็น 250 > 275 > 350 > 425 เช่นทีมที่ขึ้นต้นด้วยตัว G ในเมืองซานฟรานซิสโก

สำหรับฤดูกาล 24-25 นี้ เส้น Luxury Tax จะปรับเพิ่มเป็น $171.3 ล้าน ซึ่งหากนับเฉพาะผู้เล่นในทีมปัจจุบัน จะมีถึง 10 ทีมที่จะมีค่าเหนื่อยรวมเกินเส้นภาษี ก็มารอดูกันว่าแต่ละทีมจะปรับทีมกันยังไง อย่าง Warriors เองก็เริ่มมีข่าวเจ้าของทีมไม่อยากมาจ่ายภาษีปีละ 100 กว่าล้านแล้ว

คราวหน้าจะมาเล่าเรื่อง Salary Cap กับ Apron ที่ 1 และ 2 ให้ฟังนะ

โคตรน่าเอามาใช้กับบอลเลย

แบบนี้สิเท่ทเทียมจริง รวยมากก้เอามาทุ่มให้ทีมน้อยๆได้ตังด้วย

รอๆครับ อยากรู้ว่าติด 2nd apron โดนจำกัดอะไรบ้าง ขี้เกียจไปอ่านเอง 5555

จริงครับ คนคิดกฎพวกอเมริกันเกมส์นี่มันสุดจริง แล้วทำให้เห็นผลชัดเจน

ความสนุกของเมกันเกมที่โลกฟุตบอลไม่มีวันทำได้ ฝั่งของ NBA ยังมีเรื่อง Super Max , Max , Min , Vet Contract อีก โคตรสนุก

อยากให้บอลมีแบบนี้โคตรๆ

สะพานทองยังพอคุ้มอยู่ แต่ คลิปเปอร์ นี้เหมือนเอาเงินโยนลงทะเล แต่เจ้าของเขาแมร่งโคตรรวยยยยยย รวยแบบตะโกนนนนนนนนน!!!

คงชิวๆแหละ จ่ายเงินแค่นี้

ผมละโคตรอึ้งที่พวกทำงานด้านการเงิน จำกฎหยุมหยิมพวกนี้ได้หมด
อยากรู้จริงๆว่ามันได้เงินเท่าไหร่ต่อปี

สะพาน curry ค่าเหนื่อยก็ 1ใน3 แล้ว
แต่ก็เข้าใจและรับได้จากผลงานที่ผ่านมา
Wiggin 26ล้าน น่าจะยังพอเทรดได้
แต่ cp3 นี้สิ 30ล้าน ใครจะเอา

กฏผมว่าจำไม่ยาก ถ้าตามเรื่องพวกนี้บ่อยๆก็จะเข้าใจเอง แต่ที่ยากคือการวางโครงสร้างสัญญาผู้เล่น และการเจรจาต่างๆ ทั้ง base salary , practice bonus , signing bonus และอีกมากมาย รวมทั้งการการันตีสัญญาที่ต้องดีลกับพวกเอเย่นที่โคตรเคี่ยว ตรงนี้แหละที่โคตรยากเลย แต่บาสยังง่าย แค่ 10 กว่าตัว ของพวก nfl แม่มล่อไป 55++

เพราะทีมมันมีจำกัดนั่นแหละถึงทำระบบนี้ได้ นึกสภาพฟุตบอลดิวิชั่นละ 20 ทีม อย่างน้อยชาติละ 3 ดิวิชั่น แถมมีแข่งกันข้ามประเทศ ข้ามทวีป ความยากในการจัดการมันเยอะกว่ามาก

ใช่เลย เพราะมันไม่ได้มีแค่ลีกเดียว มันเลยตกลงกันยาก
จะให้มีแค่ลีกใดลีกหนึ่งมันก็จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เมื่อเทียบกับลีกที่ไม่มีอีก

ขอทำใจก่อน ข้อมูลรายละเอียดเยอะมาก อีCBA ใหม่นี่คือเปลี่ยนเรื่อง salary cap ไปเลย

ถึงว่า Heat จะปล่อยบัตเลอร์ ปล่อยได้จบ tax

บอลนี่เคลียร์​กันลงตัวยาก บาสไม่มีตกชั้นด้วยแหละเลยทำได้