แต่ผมว้าวกับเครื่องคิดเลข ipad มากเลยนะ

เอามาสอนเอามาอธิบายอะไรง่ายขึ้นเยอะ

ไม่มีใครว้าวแบบผมบ้างเหรอ

ถ้าเอาในเชิง Market Cap Apple Watch ก็เยอะสุดจริงครับ แต่ถ้าเทียบกับ effect จากโปรดักค์ของ Apple ในยุคจ๊อบส์อย่าง iPod+iTunes iPhone iPad อะไรพวกนี้ที่ค่อนข้างสร้างรายได้และส่งผลกระเทือนถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ถือว่าเทียบไม่ติด

ส่วนเรื่องเป็นเจ้าแรกนี่ก็ไม่ใช่ครับ Samsung ตัดหน้าออก Galaxy Gear มาก่อน หรือบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Pebble ก็ทำ Smart Watch ออกมาก่อนหลายปี

ยุคทิม คุกนี่ดูง่ายๆ พอมีข่าวว่า Apple จะทำอะไร จะมีบริษัทอื่นทำของออกมาก่อนเป็นปี ซึ่งก็ดูเหมือนว่า Apple ก็จะไม่รีบร้อน มักจะออกตามหลังชาวบ้านมาอีกสักระยะ ขณะที่ยุคจ๊อบส์มักจะออกโปรดักค์ที่มีรูปแบบและฟังก์ชั่นที่ยังไม่เคยมีใครทำออกมาก่อน

ถ้าจะมีของที่ค่อนข้างปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคทิม คุกจริงๆ ผมยกให้ Airpods ที่ทำให้หูฟังทุกวันนี้เป็นหูฟังไวร์เลสเกือบหมดทั้งตลาด แต่ก็นั่นแหละครับ มันไม่ใช่โปรดักค์ที่มีนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอะไรขนาดนั้น

ไม่ใช่ Apple รอให้คนอื่นทำก่อนครับ แต่พอมีข่าวลืออะไรหลุดมาคนอื่นก็ชิงทำเหมือนตัดหน้าไปก่อน

เหมือนตอนรอยบาก iphone ที่พอมีข่าวลือก็มีค่ายจีนกากๆแบรนด์ที่แทบไม่มีใครรู้จักก็รีบทำ Smartphone จอบากแบบลวกๆออกมา เพื่อให้ได้ชื่อว่าทำก่อน หรือตอน Apple watch นี่คือมีข่าวว่า Apple กำลังพัฒนา Smartwatch ก็มีค่ายอื่นๆทำตัดหน้าออกไป แต่ใช้งานจริงแทบไม่ได้ แต่พอทำออกมาแล้วคนตามกันอีกพรึ่บ

เรื่องรอยบากนี่เป็นเทรนขนาดที่ว่า Samsung เคยล้อเรื่องนี้ในโฆษณาถึงกับต้องไปไล่ลบโฆษณาทิ้งเพราะตัวเองก็จะทำเหมือนกัน ส่วนดีไซน์ Apple watch นี่ตอนออกมาใหม่ๆก็โดนด่า ตอนนี้กลับมีคนทำตามเพียบเลย ขนาด Huawei แบรนด์ที่ออกข่าวโครมๆว่าจะโค่น Apple ยังก๊อปดีไซน์ Apple watch เลยครับ รุ่นล่าสุดนี่ชัดเลย ก๊อปทั้งดีไซน์เครื่องและ ui ภายใน

แบบนี้ไม่เรียก effect ก็ไม่รู้จะยังไงแล้วครับ

เรื่องชิงตัดหน้าก็เพราะก่อนหน้านี้ Apple สามารถออกโปรดักค์ที่กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมได้อย่าง iPod iPhone iPad ทำให้ค่ายอื่นพยายามทำสิ่งที่มีข่าวว่า Apple จะทำ

Effect ระดับเปลี่ยนอุตสาหกรรมหรือพฤติกรรมคนนี่มันไม่ใช่แค่การก๊อปปี้ฟีเจอร์หรือหน้าตางานออกแบบครับ

อย่างที่ยกตัวอย่างว่า ผมยกให้ Airpods คือสิ่งที่สร้าง Effect ในยุคทิม คุกจริงๆ แบบนี้คือแทบไม่มีใครผลิตหูฟังมีสายออกมาอีกหรือแม้กระทั่งตัดช่องหูฟังออกตามในมือถือ

ส่วนตัวผมยังคิดว่า Apple Watch ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบขนาดนั้น ตอนแรก Apple กะจะตีตลาดนาฬิกาหรูด้วยซ้ำ สุดท้ายก็ต้องถอยเลิกทำ Apple Watch Edition บริษัทขายนาฬิกาดั้งเดิมก็ไม่มีใครต้องปิดกิจการเพราะการมาของ Apple Watch มันเป็นโปรดักค์ประเภทที่มีก็ดีไม่มีก็ได้ ไม่ได้จำเป็น

Vision Pro นี่ก็ดำเนินรอยตาม Apple Watch คือเป็นโปรดักค์ที่ออกมาแล้วคนถามว่าวัตถุประสงค์ของมันคืออะไร ซึ่ง Apple Watch ใช้เวลาประมาณ 4-5 ปีกว่าจะตอบคำถามนี้ได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่เน้นเรื่องสุขภาพ แต่ Vision Pro ยังมีโจทย์ยากๆ ระดับพื้นฐานอีกหลายอย่างที่ต้องแก้และยังไม่แน่ชัดด้วยซ้ำว่า Apple จะผลักดันอุปกรณ์แบบนี้ให้คนเห็นว่าเป็นของที่มีประโยชน์ในการใช้งานจริงจังได้

ซึ่งไอ้คำถามว่า "เอาไว้ใช้ทำอะไร" ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคจ๊อบส์เวลาเปิดตัวผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่าง อันนี้คือความแตกต่างที่ชัดเจนของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในยุคจ๊อบส์และทิม คุก

ต้องถามว่าควรออกโปรดักส์อะไรมากกว่าครับ เพราะทุกวันนี้คู่แข่งเต็มไปหมด เยอะกว่ายุคจ๊อบอยู่สิบเท่าได้ และยิ่งแข่งขันสูงแต่ละเจ้ายิ่งขยันออก product ใหม่ๆเพื่อมาแข่งกัน

อย่างตอน ipod นั่นมี effect ก็จริง แต่มันก็คือการต่อยอด product เครื่องเล่นเพลงแบบเทป/แผ่น มายังยุค network ซึ่งมันก็คือการปรับตามยุคเทคโนโลยี

ยุคทิมนั้นมันก็จริงส่วนนึงตามที่คุณบอกว่าทำของที่เน้นใช้งาน ไม่เน้นว้าวแต่เจ๊ง คือ product ทุกตัวต้องขายได้ละมีประโยชน์ ทั้ง hardware และ software เพราะมันคือคุณค่าของผลิตภัณฑ์ กลับกันยุคจ๊อบก็มี product หลายตัวที่เจ๊ง แต่ในยุคที่คู่แข่งไม่ได้เยอะและมูลค่าบริษัทไม่ได้มากเหมือนปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ก็มองข้ามจุดนั้น กลับกันถ้าเป็นตอนนี้บริษัทอาจจะแย่ไปเลยก็ได้