27%

ยังไงก็คิด SJR น่าจะหาทางทำให้มันลงตัวได้ภายในเวลาแหละ ดูจากที่ทวีตที่ยกมานั่นเขียนไว้

อันนี้ไม่เกี่ยวตรงๆนะ แต่ผมคิดเล่นๆ เคสแมนซิตี้ ถ้าสมมติโดนยาแรงโทษหนักให้ตกชั้น ถ้าผมเป็นเจ้าของ ละมันมีช่องว่างพอ อยากเอานักเตะหลักเรือยืมไปเล่นให้กิโรน่า แล้วเอานักเตะกิโรน่าส่วนนึงสลับมาเล่นกับเรือก็น่าจะเพียงพอให้เลื่อนชั้นขึ้นมาเตะพรีเมียร์ลีกในปีเดียวได้ละ 55

เดี่ยวๆ SJR ถือหุ้นไม่ถึงอยู่แล้วนิ

ไลซิป กับ ซัลบวก ยังเตะ UCL เลย

แถมเจอกันด้วย

ผมว่ายังไงก็ได้เตะ แถม SJR ถือหุ้นแมนยูแค่ 30% เองนะ

เซอร์จิมมีหุ้นในแมนยูแค่ 27% เอง หุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือพวกตระกูลเกลเซอร์ซึ่งมีหลายคน เซอร์จิมไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าของแมนยูเต็มตัวนะ แต่ถ้ามันวุ่นวายมากใช้วิธีโอนหุ้นที่สโมสรนีซให้บริษัทนอมินีที่มีชื่อคนอื่นเป็นผู้บริหารถือครองแทนก็น่าจะรอดแล้วมั้ง

ถ้าเป็นแบ่งกลุ่มแบบเก่าก็อย่างที่ท่านว่า

แต่ฤดูกาลหน้าบอลถ้วยยุโรปเปลี่ยน Format แล้วนี่ครับ ไม่มีรอบแบ่งกลุ่มแบบ4ทีมอีกแล้ว ทุกนัดมีความหมายหมด

เว้นแต่ความบังเอิญ 2 ทีมที่เจ้าของเดียวกัน ดันมาเจอกันในนัดที่ 8 แบบทั้ง 2 ทีมต้องการผลร่วมกัน แล้วเล่นแบบนัดกันเข้ารอบ ซึ่งจะมีโอกาสน้อยมากๆ คาดเดาได้ยากอีก

ไม่มีผลครับ เพราะหุ้นมันต้อง 30%

แต่เซอร์จิมแค่ 27% ถ้าได้จ่ายซื้อเพิ่มตามสัญญามันก็ 29% มั้ง

เจ้าของเดียวกัน เจอกันเอง มันดูไม่โปร่งใส เวลามีปัญหาขึ้นมาแม้เล็กน้อย แฟนบอลก็ไม่เชื่อมั่นในระบบที่จัด

สมมติลีกแบบใหม่ทีม A ชนะมารวด 4 นัดเข้ารอบสูง มาเจอทีมลูกทีม B นัดที่ 5 ที่แพ้มาแล้วทีม A แพ้ คนก็มองว่าช่วยเหลือกันหรือป่าว ไม่จำเป็นต้องนัดสุดท้าย ทั้งๆที่จริงๆไม่ได้ช่วย ก็สู้ตัดปัญหาไปเลยตั้งแต่ต้นดีกว่า

นึกภาพ คนรวยเป็นเจ้าของ 5 ทีม 5 ลีค
ได้ไป UCL หมด

สมติเข้ารอบ 8 ทีม ได้ 4 ทีมเลย
แล้วไปชนกัน
เจ้าของจิ้มให้ทีม A ไปต่อ ให้ทีม B ตกรอบ

มันก็แปลกๆ

ผมเข้าใจในมุมความแฟร์กับผลการแข่งขันนะ แต่แค่

รู้สึกไม่แฟร์กับตัวนักบอล ใครๆก็อยากเตะบอลยุโรป เต็มที่ในฤดูกาล

พอถึงเวลา อันดับได้แต่อดไปเพราะเจ้าของมี 2 ทีม 3 ทีมในเครือ

งั้นก็ไม่แปลกใจที่ทำไมตอบแบบนั้นออกมาก่อน
เพราะไม่ได้คิดถึงอะไรที่ตามมา
ก็โอเคแหละ

ผมก็แค่มาบอกความ "เมคเซ้น" ของกฎนี้
ว่าทำไมถึงมี มีเพราะอะไร
ไม่อย่างนั้นในอนาคตคนรวยๆ
อาจจะมาทำลายเกมฟุตบอลบางเกมลงได้

ครับลูกพี่

ยินดีครับ