ตอนนี้อยู่ในช่วงทดลองงานกำลังเข้าเดือนที่ 3 ตำแหน่ง Sales Manager แต่ตอนนี้ องค์กรที่อยู่ภายในมันแย่มาก เจ้านายไม่ชัดเจน ไม่มี Direction รวมถึงเจ้านาย โดนคนอื่นๆในองค์กร มองว่าอ่อน ไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึง เพื่อนรวมทีมก็เป็นที่รู้กันว่า อ่อนเช่นกัน ผมเลยโดนเหมารวมไปด้วย

แล้วตอนนี้ จุดยืนคือ เจ้านายไม่มีอะไรสั่งมาเลย ผมต้อง Deliver งาน ตามสถานการณ์ และตามที่ตัวเองเข้าใจ และ มีประโยชน์ เพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง

แล้วด้วยความที่ ปัญหาภายในเยอะ ทำให้ผมไม่สามารถ ออกตลาดไปขายงานลูกค้าได้

เลยกำลังคิดว่า ระหว่างนี้จะหางานใหม่ โดยจะถามว่า

1. ถ้าเราจะไปสมัครงานใหม่ เราควรใส่ที่ปัจจุบันใน Resume มั้ย

2. ตอนเราไปสมัครงานใหม่ เราจะใช้ฐานเงินเดือนจาก บรืษัทปัจจุบัน หรือ บรืษัทก่อนหน้านี้

3. ตอนไปสมัครงานใหม่ ถ้าเขาถามว่าทำไมออก ผมสามารถแจ้งไปตามตรงได้มั้ยว่าออกเพราะ อะไร

รบกวนมาแชร์กันทีนะครับ ผมแผล่บให้

ขออภัยนะครับ ท่านก็เป็นถึง manager แล้ว เรื่องแค่นี้น่าจะตัดสินใจเองได้แล้วนะครับ

ถ้าพูดตรงไปขออภัยจริงๆ

1.ผมคิดว่าไม่ควรใส่ หรือ ตำแหน่งที่เดิม ท่านไม่ใช่ ผจก เลยออยากใส่อันนี้ให้ดูดี

2.คำถามนี้มันสอดคล้องกับข้อแรก ถ้าใส่ฐานใหม่ แล้วเค้าขอสลิป ท่านก็มีให้
แต่ถ้าข้อแรกท่านไม่ใส่ แต่ใช้ฐานเงินเดือนที่ใหม่ แล้วเค้าขอสลิป ท่านจะทำไง

3.ควรบอกเหตุผลอ้อมๆ แบบไม่โจมตีมากเกินไป ไม่งั้นมันจะเหมือนการสาวไส้ให้กากินนะครับ

ปล.ขออภัยถ้าผมเม้นตรงๆไปบ้าง

1.ถ้าใส่ที่ทำงาน ปจบ ไป แล้วอยุ่ไม่นาน ผมว่าจะดูแย่มากกว่าดีนะ

2.พอไม่ใส่ที่ทำงาน ปจบ ก็ควรอ้างอิงเงินเดือนที่เก่ากว่านั้น เว้นแต่ว่า ถ้าเงินเดือนที่นี่มันมากกว่าที่เก่าเยอะจนมีผลต่อการเรียกเงินเดือนที่ใหม่ ก็ต้องใส่ที่ใหม่ ละย้อนไปใส่ข้อมูลข้อ 1 ด้วย

3.ถ้าข้อ 1-2 ใส่ข้อมูลที่ ปจบ ก็คงต้องอธิบายเหตุผลให้ดูดีหน่อย

สรุปคือ ข้อ 1-2-3 มันเกี่ยวข้องกันหมดอะ ถ้าอ้างอิงข้อทูลที่เก่าหรือที่ ปจบ ก็ควรรันตามนั้นให้หมด

ส่วนตัวผม เคยไม่ผ่านโปรที่นึง ทำ 3 เดือนละเขาไม่จ้าง ผมไปสมัครที่ใหม่ ผมก็ไม่ใส่ที่นั้นลงไปเลย ทั้งๆ ที่เงินเดือนแพงกว่าที่ก่อนหน้าอยุ่ 4-5 พัน สรุปได้เงินจากที่ใหม่น้อยกว่าที่ไม่ผ่านโปร 2 พัน 555+

1. ไม่ควรใส่

2. ทางเดียวที่จะใช้ฐานล่าสุดคือ ใช้อ้างจาก offer letter อย่าเอาสลิปเงินเดือนให้ดู

3. ไม่ต้องพูดถึงจะดีกว่า ถึงแม้ บ.เก่าจะเละเทะแค่ไหน ก็ไม่ควรไปพูดแง่ลบต่อที่เก่า ให้ตอบกลางๆไปว่าสนใจงานที่ใหม่ ต้องการความท้าทาย บลาๆ

สุดท้ายนี้การออกในช่วงโปรไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรือร้ายแรงอะไร อยากให้คิดซะว่า ไม่ใช่แค่ บ.ดูเราเท่านั้น แต่เราก็ดู บ.เหมือนกัน

โชคดีกับงานใหม่ครับ

1.ใส่ได้ครับ
2. 1ใส่ก็้เบสออนข้อ 1 ครับ
3. ตอบได้ครับ ไม่ต้องอินดีเทลมาก แต่ควรให้เหตุผลที่ดีด้วย

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับ

ผมตัดสินใจเองได้และครับ แต่คนเราบ้างที่แค่มาหาความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจ ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจ คุณสามารถเลี่ยงไม่ตอบผมได้นะครับ เพราะโดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยถนัดในแง่ของการเปลี่ยนงาน

ขออภัยที่สอบถามตรงๆนะครับ ผมขอสอบถามความเห็น

ทำไมถึงคาดหวังว่าคนเป็น "Manager หรือ Director Level" ต้องรู้ทุกอย่าง ตัดสินใจได้ทุกเรื่องรึครับ ทำไมถึงไม่มองว่าบางคนอาจจะเก่งแต่งานที่ทำ หรือ ไม่รู้อะไรในบางอย่างที่ไม่เคยทำ ต้องการความรู้ความเห็นจากผู้อื่น ผู้มี ปสก อื่นๆหรือคนที่ชำนาญกว่า ความคาดหวังของคนอื่นที่มองมาเป็นยังไงรึครับในมุมคนไทย

พอดีผมเห็นข้อความประมาณนี้ในสังคมไทยค่อนข้างเยอะ แต่ฝั่งสิงโปร์ จีน ไม่รู้มีการถามเป็นเรื่องปกติ แลกเปลี่ยนความเห็นกันเป็นปกติ แล้วคำถามประมาณนี้ผมก็เคยได้ยินจาก เลเวลบนๆของสองชาตินี้ รวมมาเลเซียด้วยเป็นปกติครับ

ตอบ จขกท
1. ถ้าเราจะไปสมัครงานใหม่ เราควรใส่ที่ปัจจุบันใน Resume มั้ย
- ใส่ก็ได้ถ้าคิดว่าสามารถตอบคำถามได้ดีถึงสาเหตุที่หางานใหม่ โดยที่ไม่ถูกสงสัยว่าโดนไล่ออก ส่วนมากไม่ใส่เพราะจะโดนมองว่าโดนไล่ออก หรือ ไม่ผ่านโปร ไม่ทนงานครับ แต่ก็มีหลายคนที่เตรียมคำตอบดีๆได้ว่าลองแล้วไม่ fit องค์กรเลยออกก็มี

2. ตอนเราไปสมัครงานใหม่ เราจะใช้ฐานเงินเดือนจาก บรืษัทปัจจุบัน หรือ บรืษัทก่อนหน้านี้
- ขึ้นอยู่กับข้อ 1 ปกติถ้าไม่ใส่จะอิงจาก บ ก่อนหน้า

3. ตอนไปสมัครงานใหม่ ถ้าเขาถามว่าทำไมออก ผมสามารถแจ้งไปตามตรงได้มั้ยว่าออกเพราะอะไร
- แล้วแต่ บ แต่ส่วนใหญ่จะตอบเชิงลบเป็นบวก เชฟๆหน่อย อารมณ์แบบจากกันด้วยดีได้ลองไปทำแล้วพบว่ามีวัฒนธรรมการทำงานบางอย่างที่เห็นไม่ตรงกัน ลองไปถามๆ AI ดูครับผมว่ามันแต่งสวยๆได้

ผมคิดว่าคนที่เป็น ผจก น่าจะผ่านอะไรมาเยอะ อย่างน้อยๆ ก็การเป็นผู้นำ การตัดสินใจ

ครับผม เรื่องที่ ผจก อาจจะไม่ได้รุ้ไปทุกเรื่องก็จริงครับ อาจจะเช่นเรื่องเชิงลึกที่เฉพาะจริงๆ

แต่ที่ผจก ต้องเก่งแน่ๆ คือเรื่อง บริหารจัดการครับ

สิ่งที่ จขม ถาม ผมมองว่า คำถามออกแนวที่ต้องตัดสินใจ หรือ เป็นคำถามที่น่าจะมาจาก คนประสบการณ์น้อย

ควรใส่หรือไม่ใส่ดี ประสบการณ์ในที่ทำงาน ที่พึ่งได้มาทำงาน 2-3 เดือน
ควรใส่เงินเดือนไหนดี
ต้องบอกที่ใหม่ไหม ถึงปัญหาที่เราออกจากที่เก่า เพราะอยุ่มาแค่ 2-3 เดือน

ดูเค้าถามแบบซีเรียสด้วย ถ้าออกแนวพูดคุยขำๆ ก็พอเข้าใจได้

การที่มาโพสถามนี้ ผมคนนอก อาจจะมองเรื่องการไม่กล้าตัดสินใจรึป่าว

และเรื่องที่ จขม พิม ก็ถูกมองว่าอ่อนตามทีมรึป่าว อันนี้ผมก็พูดจากมุมคนนอกนะครับ

ก็พอทราบแหละว่าผมอาจจะพิม ตรงๆไปนิด แต่ผมไม่ได้พิมหาเรื่อง ถ้า จขม ลองเอาที่ผมพิม

ไปลองปรับความคิดตัวเองซักนิด น่าจะช่วยได้

ยังไงก็ขออภัยอีกครั้ง ถ้าไม่ถูกใจใคร ไม่ได้มีเจตนาไปเชิงลบ

ขอเพิ่มข้อมูลให้นะครับ

ปัจจุบัน ผมอายุแค่ 30 ยังผ่านโลกมาไม่เยอะ ทำงาน บริษัทมาแค่ 5 ปี เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเรียนจบ ผมไปเรียนตัดผม แล้วเป็นช่างตัดผมอยู่ 3 ปี จนอายุ 25 แล้วจึงกลับเข้าสายบริหารมาทำงานครับ

ผมเลยเป็นคนที่ไม่มีความรู้ หรือความมั่นใจในการเปลี่ยนงานมากนัก เพราะผมย้ายงานมาแค่ 2 รอบเท่านั้น

แล้วที่ตอนนี้เป็น Sales Manager เพราะโดนซื้อตัวมา แต่ถ้าถามว่าประสบการณ์ในด้านการย้ายงานนั้นน้อยมากครับ เรียกว่า ไม่ค่อยรู้กติกา มารยาทมากนัก

เลยอยากเข้ามารบกวนพี่ๆ ที่อาจจะอยู่สาย HR หรือ ผ่านการเปลี่ยนงานมาเยอะ มาชี้แนะ เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ

ขอโทษถ้าทำให้มีความเข้าใจผิด คิดว่าผมต้องอายุเยอะ หรือ ผ่านอะไรมาเยอะ ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ ในวัย 30

ไม่ต้องขออภัยผมเน้อ ผมแค่สงสัยเพราะไม่ใช่แค่ท่านแต่หลายๆคนในไทย โดยเฉพาะคนที่ย้ายมาจาก บ ไทยล้วน เป็นแบบนี้แหละจากที่ผมสังเกตุ ท่านแค่ตรงกลุ่มที่ผมสงสัยพอดี เลยแอบสงสัยว่าเพราะวัฒนธรรมการทำงาน รึอะไรของเราซักอย่างรึเปล่าทำให้เป็นแบบนี้

ก่อนหน้าผมทำ Start up โรงงานนรก ที่มักมีคนเอเชียเปลี่ยนงานเยอะตำแหน่งขึ้นไว อายุน้อยก็ Manager เยอะ ซึ่งผมก็เห็นคำถามนี้มีในวงตอนกินข้าวปกติเลยสงสัย

แทบไม่เจอการตำหนิหรือคอมเม้นอะไรทำนองนี้มาจาก กลุ่มนั้นเลยทั้งๆที่พวกนี้น่าจะต้องการคนมืออาชีพ จริงจังในการทำงาน ไม่ชอบคำถาม Non sense ข้ออ้าง ชอบการพูดตรง กลับกันดันเป็นกลุ่มคนไทยที่ได้ชื่อว่าใจเปิดกว้าง ตำหนิซะงั้นผมเจอหลายคนแบบท่านเลยครับแต่เป็น Line MGR คนละสายงาน

พวกจีน สิงโปร์ มาเล ที่ผมเจอใน บ Start Up ถามเป็นเรื่องปกติเลย เหมือนเขาเข้าใจว่า บางคนก็ทำงานที่แรก แล้วปรับตำแหน่งเลยเขาก็จะมีความรู้แค่ในงานตัวเองตัวเอง กล้าตัดสินใจในขอบเขตงานที่ตัวเองอยู่ แต่เรื่องความรู้รอบตัว โลกภายนอกติดลบก็มี เพราะมัวแต่โฟกัสงาน