สวัสดีครับเพื่อนๆชาว SS วันนี้ผมจะมาเล่าประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
เป็นช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่อังกฤษและฝรั่งเศสทำสงครามกันเป็นร้อยปี
จะเล่าแบบง่ายๆ ตามสไตล์ของผมนะครับ ที่เอาเรื่องที่สมัยเรียนเป็นวิชาที่น่าเบื่อให้มาเป็นเรื่องสนุก(มั้ง)
ก่อนอื่นขอเริ่มเกริ่นจากความเป็นมาของสองประเทศนี้ที่มีเพียงช่องแคบกั้น
ฝรั่งเศสเดิมที่เป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าชาร์ลเลอมาญที่สร้างไว้ในปี 800 (ค.ศ.)
(ต่อไปนี้ปีจะเป็น ค.ศ. หมดนะครับ จะไม่พิมพ์ ค.ศ. บอกปีไปเลย)
จะเห็นได้ว่าในปี 800 นั้น ชาร์ลเลอมาญได้สร้างจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมายิ่งใหญ่มาก
กินเนื้อที่ ฝรั่งเศส,เบลเยี่ยม,เนเธอร์แลนด์,เยอรมัน,สวิส,ออสเตรีย,เชค และตอนเหนือของอิตาลี ในปัจจุบัน
แต่พอปี 843 หรืออีก 43 ปีต่อมา ในรุ่นหลานของชาร์ลเลอมาญ ได้แบ่งดินแดนกันเป็นสามส่วนใหญ่ๆ
คือ
- East Francia ที่กลายไปเป็นรัฐเยอรมัน โดยลุดวิก
- Middle Fracia ที่กลายไปเป็นรัฐเยอรมัน รัฐออสเตรีย และ รัญอิตาลีตอนบน โดยจักรพรรดิโลธาร์
- West Fancia ที่กลายมาเป็นฝรั่งเศส โดย ชาร์ลที่ 2
ปี 843 นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในยุโรปเลย ที่กำเนิด เยอรมัน ฝรั่งเศส ออกจากกันอย่างชัดเจน
ส่วนชาร์ลที่ 2 ที่เป็นหลานปู่ของชาร์ลเลอมาญ ก็ถือได้ว่าเป็นกษัตริย์คนแรกแห่งฝรั่งเศส
จบบทเริ่มต้นของฝรั่งเศส
แล้วอังกฤษล่ะ ในปี 843 นี่อังกฤษเป็นอย่างไร
ในช่วงเวลานั้น อังกฤษยังไม่มีครับ ยังเป็นอาณาจักรของชาวแองโกลและแซ็กซั่น อยู่หลายอาณาจักร
เช่น เวสเซกซ์(หมายถึง เวสต์-แซกซั่น), ซัสเซ็กซ์,เอสเซ็กซ์,เค้นท์,อีสต์แองเกลีย,เมอร์เซีย,นอร์ทธัมเบรีย
ที่รบกันเองบ้าง รบกับพวกไวกิ้งที่รุกรานเข้ามาปล้นบ้าง แต่ละรัฐก็มีกษัตริย์เป็นของตัวเอง
คนพวกนีี้คือ พวกชาติพันธุ์เจอแมนิคที่อพยพมาจากตอนเหนือของเยอรมันติดกับตอนใต้ของเดนมาร์กในปัจจุบัน
(สรุปง่ายๆครับ พวกที่อยู่ในเกาะอังกฤษก็เป็นชาวเยอรมัน อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ก็ก่อตั้งโดยคนเยอรมัน)
(พวกเยอรมันสมัยยุคโรมัน พวกนี้คนบาเบเรี่ยนหรือคนป่า แต่คนป่าเหล่านี้ก็โค่นกรุงโรมแล้วครองยุโรปแทน)
และใน 7 อาณาจักรนี้ เวสเซกซ์ เป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด กษัตริย์หลายๆคนเป็นผู้นำทัพในการต่อต้านไวกิ้ง
จนกษัตริย์หนุ่มชื่อ อัลเฟรด ขับไล่ไวกิ้งออกไปได้และรวมเอา เค้นท์,ซัสเซกซ์,เอสเซกซ์และเมอร์เซียบางส่วน
เข้ามาเป็นอาณาจักรเดียวกัน โดยที่ยังมีเขตของชาวเดน(ไวกิ้ง) อยู่ในเกาะ
อัลเฟรดถือว่าเป็นกษัตริย์คนแรกแห่งอังกฤษ แถมยังเป็นมหาราชคนแรกและคนเดียวของอังกฤษด้วย
โน่นจนปี 927 ในยุคของ พระเจ้าแอเทลสแตน จึงได้ขับไล่พวกไวกิ้งออกจากเกาะอังกฤษได้หมด
แล้วเปลี่ยนชื่อจาก อาณาจักรเวสเซกซ์มาเป็น England หรืออังกฤษจนถึงปัจุบัน
อ่อ เมืองหลวงของอังกฤษตอนนั้นไม่ใช่ลอนดอนนะ แต่เป็นที่เมืองวินเชสเตอร์ที่เป็นเมืองหลวงของเวสเซกซ์นั่นล่ะ
(ในสมัยนั้นเรียก "วินสตัน" ก่อนจะเรียกวินเชสเตอร์ในแบบปัจจุบัน)
จบที่มาของอังกฤษ
นี่แค่เกริ่นยังไม่ได้เข้าเนื้อเรื่องเลย ตอนนั้นอังกฤษกับฝรั่งเศส ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะปัญหาของทั้งคู่อยู่ที่พวก "ไวกิ้ง" ต่างหาก
ในช่วงที่อังกฤษกำลังพยายามไล่พวกไวกิ้งออกจากเกาะ ในปี 911 ไวกิ้งกลุ่มนึงที่มีผู้นำชื่อ Rollo
ได้พบคิงชาร์ลที่ 3 แห่งฝรั่งเศส และได้รับดินแดนของฝรั่งเศสให้ครอบครองเพื่อเป็นรัฐกันชนจากไวกิ้งกลุ่มอื่นๆ
ดินแดนแห่งนี้คือ นอร์มังดี หมายถึงดินแดนของชาวเหนือ รอลโล่กลายเป็นท่านเคาท์แห่งรูอ็องและดยุคแห่งนอร์มังดีในเวลาต่อมา
ซึ่งนอร์มังดีแห่งนี้เป็นแคว้นของฝรั่งเศสในระบบศักดินาสวามิภักดิ์ มีสิทธิ์ปกครองตัวเองเต็มที่ แต่ต้องยอมรับอำนาจของฝรั่งเศส
แผนที่ตั้งของแคว้นนอร์มังดี
ทำไมผมต้องกล่าวถึง รอลโล่ กล่าวถึงไวกิ้งในนอร์มังดี??
เพราะ ลูกหลานของรอลโล่อีก 5 รุ่น ชื่อ วิลเลี่ยม ดยุคแห่งนอร์มังดี
ในปี 1066 วิลเลี่ยมได้ยกกองทัพชาวนอร์มันข้ามช่องแคบอังกฤษแล้วรบชนะกษัตริย์อังกฤษ
แล้วยึดครองเกาะอังกฤษ สร้างหอคอยลอนดอนและตั้งลอนดอนเป็นเมืองหลวงนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
เค้าลางความยุ่งยากเริ่มบังเกิด ลองคิดดูครับ
วิลเลี่่ยมผู้เป็นกษัตริย์อังกฤษ แต่อีกสถานะหนึ่งก็เป็นขุนนางของฝรั่งเศสด้วย
คือนอร์มังดีเป็นแคว้นปกครองตัวเองของชาวนอร์มันมา 6 รุ่นแล้ว อยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศสแต่ก็มีอิสระปกครองตัวเอง
ดังนั้นการยึดทรัพย์สมบัติอะไรย่อมเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับการยึดอังกฤษ ดยุคแห่งนอร์มังดี ก็ไม่ต้องยกอังกฤษให้ฝรั่งเศส
ปัญหาเรื่องดินแดนก็ไม่รู้จะยังไง ว่านอร์มังดีเป็นของอังกฤษหรือของฝรั่งเศสกันแน่
ตอนนั้นก็เลยสรุปกันว่า นอร์มังดีเป็นของฝรั่งเศส และอังกฤษเป็นของนอร์มังดีโดยที่ไม่ใช่ของฝรั่งเศส ฮ่าๆๆๆ งงดี
ในรูปจะเห็นได้ว่าปี 1066 อังกฤษได้มีพื้นที่ในภาคพื้นยุโรปแล้วเป็นครั้งแรก(สีเทา ที่เดียวกับที่อังกฤษ)
อังกฤษเป็นของนอร์มังดี แต่ในทางปฏิบัตินอร์มังดีเป็นส่วนนึงของอังกฤษไปแล้ว
จากนั้นอังกฤษก็มีกษัตริย์มาหลายรุ่น หลายๆคนเลือกที่จะอยู่นอร์มังดีมากกว่าอยู่ลอนดอน
บางคนก็ไปๆมาๆ กษัตริย์บางคนมีน้องชาย ก็ตั้งน้องชายเป็นดยุคแห่งนอร์มังดี
แต่กษัตริย์หลายๆคนก็ยอมรับในอำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศส เพราะตัวเองมีบรรดาศักดิ์ขุนนางของฝรั่งเศสอยู่นั่นเอง
จนปี 1154 คิงเฮนรี่ที่ 2 ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์อังกฤษ ด้วยความที่แม่เป็นราชินีอังกฤษ แต่พ่อเป็นขุนนางของฝรั่งเศส
จึงใช้นามสกุลพ่อตามธรรมเนียมโบราณ จากชื่อราชวงศ์นอมังดี มาเป็นราชวงศ์ อ็องชู โอ้ย ชื่อยิ่งฝรั่งเศสไปกันใหญ่
แต่มันทำให้เฮนรี่ที่ 2 ได้มรดกจากพ่อเป็นที่ดิน ทั้งแคว้นอ็องชู นอร์มังดี และแคว้นเล็กๆที่เป็นบริวารของอ็องชู
ทำให้พื้นที่ของอังกฤษใหญ่ขึ้นมากเพราะไปได้ดินแดนของฝรั่งเศสแบบไม่ต้องรบ (สิทธิ์โดยชอบธรรม)
อังกฤษ(สีเทาฟ้า) ได้ดินแดน นอร์มังดี อ็องชู และอื่นๆ จนฝรั่งเศสหดเหลือแค่นี้
ตอนนั้นเป็นยุคของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเริ่มเป็นรอยร้าวของอังกฤษและฝรั่งเศส
เพราะอ็องชูนั้นเป็นขุนนางฝรั่งเศสแต่มีใจออกไปทางอังกฤษมากกว่า และท้ายสุดก็เข้ากับอังกฤษ
ถึงแม้คิงเฮนรี่ที่ 2 จะมีพ่อเป็นขุนนางฝรั่งเศส จะเกิดที่ฝรั่งเศส เป็น ดยุคแห่งนอร์มังดี เป็นเค้าท์แห่งอ็องชู
แต่มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะครองบัลลังค์อังกฤษตามสายเลือดแม่ที่เป็นราชินีอังกฤษ
เรื่องมันก็เข้าใจไม่ยาก เป็นกษัตริย์อังกฤษยังไงก็ดีกว่าเป็นแค่ขุนนางฝรั่งเศส
แต่เฮนรี่ที่ 2 ก็ลากเอาเนื้อที่ภาคพื้นยุโรปไปควบรวมกับอังกฤษที่ตัวเองปกครอง
(ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะทั้งนอร์มังดีทั้งอ็องชูมันเป็นสมบัติของเฮนรี่ตามกฏหมายอยู่แล้ว)
และในท้ายสุดแคว้น Brittany ก็เข้ากับอังกฤษอีกแคว้น ในปี 1166
ครบรอบ 100 ปี ตั้งแต่วิลเลี่ยมพิชิตอังกฤษ ตอนนี้ลูกหลานของวิลเลี่ยมได้ครอบครองดินแดนมากกว่าฝรั่งเศสไปแล้ว
คิงเฮนรี่ที่ 2 แห่งอังกฤษปกครองอยู่ 34 ปีก็สวรรคต ลูกชายคือ ริชาร์ด ขึ้นครองราชย์แทน
คิงริชาร์ดครองราชย์ก็ไม่ค่อยได้อยู่เกาะอังกฤษ ส่วนใหญ่จะอยู่ในอ็องชูกับไปทำสงครามครูเสด
รบเก่ง จนได้รับฉายา ริชาร์ด เดอะไลออนฮาร์ท (ใจสิงห์)
แต่ครองราชย์อยู่แค่ 9 ปี ริชาร์ดก็ตายตอนอายุแค่ 41 ปี
(ในหนังส่วนใหญ่ชอบเอาคนอายุเยอะๆ 50-60 มารับบทเป็นคิงริชาร์ด ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้แก่ขนาดนั้น)
แล้วอังกฤษก็มาถึงยุคตกต่ำ เพราะน้องชายขอคิงริชาร์ดขึ้นครองราชย์เป็น คิงจอห์น (Lackland) ผู้เสียแผ่นดิน
จอห์นเป็นกษัตริย์ที่เลวร้ายที่สุดของอังกฤษ ทั้งอ่อนแอ ขี้โกง โง่เขลา
ขนาดตอนคิงริชาร์ดยังอยู่เคยคิดลอบฆ่าพี่ชายเพื่อตัวเองจะได้ขึ้นครองราชย์แทน
ตอนพี่ชายโดนจับเป็นเชลย โดนเรียกค่าไถ่ก็ไม่ยอมช่วย แถมยังรีบตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์อีก
พอได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ก็ขูดรีดภาษีจากประชาชน ทะเลาะกับขุนนาง รบกับขุนนางตัวเองจนแพ้
ต้องยอมทำสนธิสัญญาแมกนา คาร์ตา ในปี 1215 ที่เป็นต้นแบบกฎหมายรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน
นอกจากแพ้ในประเทศกับประชาชนและขุนนางของตนแล้ว นอกประเทศยังเสียดินแดนนอร์มังดีกับอ็องชูคืนให้ฝรั่งเศสอีก
จนสุดท้ายดินแดนของอังกฤษในยุโรปก็หดหายเหลือแค่แคว้นอากีแตน ที่เป็นดินแดนของแม่ทั้งริชาร์ดและจอห์นเท่านั้น
ส่วนแคว้นบริตตานี่ก็หันไปสวามิภักดิ์กับฝรั่งเศสแทนอังกฤษ หมดกันดินแดนที่ได้มามาเสียเพราะจอห์นแท้ๆ
จอห์นเลยเป็นกษัตริย์ที่คนอังกฤษเกลียดที่สุด กษัตริย์อังกฤษรุ่นหลังๆไม่มีใครใช้ชื่อว่าจอห์นเพราะเหตุนี้นี่เอง
เล่ามายาวแระ ยังไม่ถึงจุดเริ่มสงครามร้อยปีเลย ที่ต้องเล่าเพราะมันเริ่มมีรอยร้าว ค่อยๆร้าวมาเรื่อยๆ
ตั้งแต่คิงวิลเลี่ยมพิชิตอังกฤษได้ปี 1066 อังกฤษกับฝรั่งเศสก็มีรบกันบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ใช่สงครามใหญ่อะไร
เป็นความขัดแย้งกันเล็กน้อยของระหว่างแคว้นที่ปกครอง รบกันอย่างมากก็แค่หลักร้อยนาย ไม่ถึงพันนายซักสงคราม
และการเสียดินแดนของคิงจอห์นนี่คนอังกฤษมีความเจ็บช้ำมาก เพราะคนที่อยู่แคว้นนอร์มังดีและอ็องชูไม่น้อยที่อพยพมาอยู่ที่เกาะอังกฤษ
คนเหล่านี้ถือว่าดินแดนส่วนนั้นเป็นของอังกฤษ เป็นของขุนนางเจ้าของพื้นที่เดิมไม่ใช่ของกษัตริย์ฝรั่งเศส
หลังจากจอห์นตาย ลูกชายคือ เฮนรี่ ขึ้นครองราชย์เป็น เฮนรี่ที่ 3 แห่งอังกฤษ ตั้งแต่อายุแค่ 9 ขวบ
คนนี้ดีหน่อยไม่เหมือนพ่อ อีกทั้งขุนนางยังสนับสนุนเพราะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ(แมกนา คาร์ตา)
ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจเหมือนรุ่นก่อนๆ ทำอะไรต้องปรึกษากับเหล่าบรรดาขุนนางก่อน
เฮนรี่ที่ 2 ครองราชย์ถึง 56 ปี จากนั้นลูกชายคือ เอ็ดเวิร์ด ขึ้นครองราชย์แทน
เอ็ดเวิร์ดที่ 1 (เอ็ดเวิร์ด ลองแชง) ที่หนังเรื่อง เบรฟฮาร์ท เอามาเป็นตัวร้ายในเรื่อง
แต่ใน ปวศ.จริง เป็นกษัตริย์ที่ดีและเก่งของอังกฤษพระองค์หนึ่ง สามารถยึดเอาไอร์แลนด์ไว้ได้
และขยายเนื้อที่ในแคว้นอากีแตน และยังคงเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสไว้ ถือว่าทั้งรบเก่งและการทูตก็เก่ง
และเอ็ดเวิร์ดก็ได้หาลูกสะใภ้ให้ลูกชายตัวเองที่ชื่อเอ็ดเวิร์ดเหมือนกัน เป็นเจ้าหญิงฝรั่งเศส
ชื่อเจ้าหญิง อิซาเบลล่าแห่งฝรั่งเศส ที่เป็นลูกสาวกษัตริย์ฝรั่งเศสตอนนั้นคือ คิงฟิลิปส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส
(ที่ในหนังเรื่อง เบรฟฮาร์ท เป็นนางเอก ส่วนที่ได้กับพระเอกแล้วมีลูกนั้นเป็นเรื่องแต่ง)
แต่ในปวศ.จริง เจ้าหญิงอิซาเบลล่าได้เป็นราชินีอังกฤษของคิงเอ็ดเวิร์ดที่ 2
แล้วมีลูกชายของทั้งคู่ชื่อ เอ็ดเวิร์ด (อีกแล้ว สงสัยขี้เกียจตั้งชื่อ ตั้งตามชื่อตัวเองเลย)
แล้วเอ็ดเวิร์ดคนนี้ขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษชื่อ คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (1327-1377)
ดังนั้น คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 มีสายเสื้อกษัตริย์อังกฤษจากทางพ่อ และสายเลือดกษัตริย์ฝรั่งเศสจากทางแม่
ในปี 1327 เอ็ดเวิร์ดแห่งวินเซอร์ ขึ้นครองราชย์เป็น คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ด้วยวัย 15 ปี
หลังจากครองราชย์อยู่ 1 ปี ทางฝรั่งเศสก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่กษัตริย์ฝรั่งเศส คิงชาร์ลที่ 4 สวรรคต
คิงชาร์ลที่ 4 มีศักดิ์เป็นลุงของเอ็ดเวิร์ดที่ 3 คือเป็นพี่ชายแท้ๆของอิซาเบลล่าแม่ของเอ็ดเวิร์ดที่ 3
แล้วคิงชาร์ลที่ 4 แห่งฝรั่งเศสไม่มีลูกชาย เกิดวิกฤตการสืบบัลลังค์ฝรั่งเศสขึ้น
พอคิงชาร์ลที่ 4 ของฝรั่งเศสสวรรคตหลังจากที่คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษขึ้นครองราชย์ (มีศักดิ์เป็น ลุง-หลาน แท้ๆ)
ชาร์ลที่ 4 ไม่มีลูกชาย ทางฝรั่งเศสจึงสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาเป็นกษัตริย์
คราวนี้หวยไปออกที่ ฟิลิปแห่งวาลัว ที่มีพ่อเป็น ชาร์ลเค้าท์แห่งวาลัว ซึ่งชาร์ลคนนี้เป็นน้องชายคิงฟิลิปที่ 4 (ตาของเอ็ดเวิร์ด)
เดี๋ยวจะงง สรุปง่ายๆว่า ฟิลิปคนนี้ ไม่ใช่สายตรงพ่อไม่ใช่กษัตริย์ แต่เป็นน้องชายของกษัตริย์คนก่อนๆ
พอฟิลิปที่ 6 ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศส ทางกษัตริย์อังกฤษต้องแสดงการถวายบังคม(เพราะมีเลือดฝรั่งเศสอยู่)
แต่ทางคิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ของอังกฤษปฏิเสธ เพราะถือว่าเป็นกษัตริย์เหมือนกัน
ทางฝรั่งเศสเลยตอบโต้โดยการยึดเอาที่ดินแคว้นอากีแตนที่เป็นของอังกฤษ (จำอากีแตนได้นะครับ ดินแดนอังกฤษที่เหลืออยู่ในยุโรป)
เอ็ดเวิร์ดที่ 3 ก็ตอบโต้โดยการอ้างสิทธิ์ในบัลลังค์ฝรั่งเศสซะเลย โดยอ้างว่าตนเองมีสายเลือดใกล้ชิดมากกว่าฟิลิปที่ 6
เพราะตัวเอง เป็นหลานตา และ หลานลุง ของกษัตริย์ฝรั่งเศสมาหลายรุ่น ส่วนฟิลิปนั้นสืบเชื้อกษัตริย์ขึ้นไปหลายรุ่นกว่าห่างกว่าเอ็ดเวิร์ดมาก
ส่วนฟิลิปก็กางกฎหมายโบราณออกมาโต้ว่า กฏชาวแฟรงค์มาตั้งแต่โบราณกษัตริย์ต้องสืบเชื้อสายทางผู้ชายเท่านั้น เอ็ดเวิร์ดที่ 3 สืบสายจากทางแม่หมดสิทธิ์อ้าง
(((นั่นล่ะครับจุดเริ่มต้นของสงครามร้อยปี)))
อารัมภบทมาตั้งยาวพึ่งจะมาถึงจุดเริ่มของสงคราม คืออยากให้รู้ที่มาที่ไปก่อนน่ะครับ
เอาเข้าจริงๆกษัตริย์อังกฤษกับกษัตริย์ฝรั่งเศสก็ญาติๆกันส่งลูกส่งหลานไปแต่งงานข้ามกันไปมา
สงครามร้อยปีนี่ ไม่ใช่รบกันทั้งร้อยปีนะครับ รบกันเป็นพักๆ คือพักรบไปรบกันเองในประเทศบ้าง
รบกันเองในประเทศเสร็จก็มารบกันต่อ ประมาณนี้ มา มาเข้าเรื่อง
สงครามเทอมแรก
เอ็ดเวิร์ดที่3 ก็จะเอาฝรั่งเศสให้ได้ ส่วนฝรั่งเศสก็ไม่ยอมจะบุกเอาอังกฤษให้ได้เหมือนกัน
จนเริ่มทำสงครามกันจริงในปี 1337 ตอนนั้นเอ็ดเวิร์ดที่ 3 อายุ 25 ปี / ส่วน ฟิลิปที่ 6 อายุ 44 ปี
สงครามร้อยปีครั้งแรกกินเวลาถึง 23 ปี (1337-1360) การรบเต็มรูปแบบต่างฝ่ายก็มีพันธมิตรเข้าร่วมรบ
ฝ่ายอังกฤษมีทั้ง เวลส์ และแคว้นที่ตั้งอยู่บนพื้นทวีปอย่าง แกสโกนี,อากีแตนและบริตตานี่ เป็นพันธมิตรร่วมรบ
ส่วนฝรั่งเศสก็ไม่น้อยหน้า มีพันธมิตรอย่างสก็อตแลนด์,โบฮีเมีย,มอยอร์ก้า,และเจนัว(ทหารรับจ้าง)
รบยังไม่จบในปี 1350 คิงฟิลิปที่ 6 แห่งฝรั่งเศสก็ป่วยตายในวัย 57 ปี ลูกชายขึ้นครองราชย์เป็น คิงจอห์นที่ 2 แห่งฝรั่งเศส
(จอห์น John ในภาษาฝรั่งเศสคือ Jean หรือ ฌ็อง ต่อไปนี้จะเรียก ฌ็องที่ 2 นะครับ)
ผลของสงครามร้อยปีเทอมแรก 23 ปี จบด้วยชัยชนะของอังกฤษ มีการเซ็นสนธิสัญญาเบรตีญี
ทำให้อังกฤษได้ดินแดนเพิ่มาไม่น้อยเลยทีเดียว
เอ็ดเวิร์ดที่ 3 นอกจากรบเก่งแบบอย่างจากปู่คือ เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แล้ว เอ็ดเวิร์ดก็มีลูกชายที่รบเก่งสุดๆคนหนึ่ง
คือเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (ชื่อนี่อีกแล้ว) ฉายาคือ เอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำ (Edward the Black Prince)
เจ้าชายองค์นี้เป็นแม่ทัพอยู่หลายศึกเอาชนะฝรั่งเศสได้มาก จนชื่อเสียงระบือไปทั่วยุโรป
ส่วนคิงฌ็องที่ 2 แห่งฝรั่งเศสด้วยที่ไม่ค่อยเก่ง บรรดาขุนนางก็ไร้สามารถ เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในยกแรก
สงครามเทอมที่สอง
แต่สันติภาพก็อยู่ได้ไม่นาน ในปี 1369 หรืออีก 9 ปีต่อมาสงครามก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ฌ็องที่ 2 สวรรคตปี 1364 คิงชาร์ลที่ 5 ขึ้นครองบัลลังค์ฝรั่งเศส(ลูกชายฌ็องที่ 2)
เป็นสงครามที่ฝรั่งเศสต้องการกู้ดินแดนคืนจากอังกฤษ ครั้งนี้ฝรั่งเศสได้กษัตริย์ใหม่
สงครามครั้งนี้กินเวลาอีก 20 ปีคือตั้งแต่ปี 1369 จนถึงปี 1389
ภายใน 20 ปีนี้ มีคนสำคัญตายก่อนสงครามจบหลายคน
- เอ็ดเวิร์ด เจ้าชายดำว่าที่กษัตริย์อังกฤษ ป่วยตายในปี 1376 ด้วยวัย 45 ปี (ป่วยด้วยโรคบิด)
- คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 กษัตริย์อังกฤษสวรรคตปีถัดมา 1377 ด้วยวัย 64 ปี
- คิงชาร์ลที่ 5 ของฝรั่งเศสสวรรคตในปี 1380 ด้วยวัย 43 ปี (ป่วยด้วยฝีอักเสบ)
อังกฤษได้ ริชาร์ดที่ 2 ขึ้นเป็นเป็นกษัตริย์ด้วยวัย 10 ขวบ (ลูกชายเจ้าเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายดำ)
ฝรั่งเศสได้ ชาร์ลที่ 6 ขึ้นเป็นกษัตริย์ด้วยวัย 12 ปี (ลูกชาย คิงชาร์ลที่ 5)
ริชาร์ดที่ 2 และ ชาร์ลที่ 6 อายุต่างกันแค่ปีเดียว ยังเป็นยุวกษัตริย์กันทั้งคู่
สงครามครั้งนี้จบด้วยการเจรจา ด้วยที่ต่างฝ่ายต่างถังแตก ยิ่งอังกฤษเริ่มมีปัญหาภายในเพิ่มอีก
เพราะฉะนั้นอังกฤษจึงอยากเป็นฝ่ายเจรจาก่อนทำให้อังกฤษเสียเปรียบในการเจรจา
ซึ่งถือว่าสงครามเทอม 2 นี้ อังกฤษเป็นฝ่ายแพ้ ผลการเจรจาอังกฤษแทบไม่เหลือพื้นที่ในยุโรปเลย
หลังสงครามเทอม 2 นี้จบ ฝรั่งเศสก็สงบสุขได้ชั่วคราว หนังเรื่อง The Last Duel
ก็อยู่ในยุคปลายของสงครามเทอม 2 นี้ บทของตัวเอกทั้งหมดมีชีวิตอยู่จริง ทุกคนล้วนเป็นขุนศึกในสงครามครั้งนี้
แต่อังกฤษน่ะสิ ศึกภายในเริ่มก่อตัวเป็นสงครามซ้อนสงคราม
ลูกชายของคิงเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ไม่ใช่มีแค่ เอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำที่เก่ง ยังมี
- จอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์
- เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก
เห็นฐานันดรต่อท้ายแล้วคงคุ้นๆกันแล้ว ใช่เลย นี่คือต้นตระกูล ยอร์กและแลงแคสเตอร์ ที่จะเป็นสงครามดอกกุหลาบในอนาคต
ความวุ่นวายในอังกฤษ
หลังจบสงครามได้ 11 ปี คิงริชาร์ดที่ 2 โดนโค่นบังลังค์ด้วยฝีมือของ เฮนรี่แห่งบอลิงบรูก ซึ่งเป้นลูกของจอห์นแห่งกอนต์
มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคิงริชาร์ดที่ 2 นั่นเอง (จอห์นแห่งกอนต์เป็นน้องชายเอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำ)
ซึ่งเอาจริงๆทั้งริชาร์ดและเฮนรี่ก็เกิดปีเดียวกัน และเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็กๆ
แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า (ก็ทะเลาะกันของคนในครอบครัวอีกแล้ว) เฮนรี่เป็นนักรบตามแบบอย่างพ่อคือจอห์นออฟกอนต์
ไปรบสงครามครูเสดอยู่หลายปี แต่ก่อนหน้านั้นมีขุนนางหลายคนไม่พอการการปกครองของคิงริชาร์ดที่ 2
จึงมีการอุทธรไปยังคิงริชาร์ดที่ 2 ซึ่งเฮนรี่ก็เห็นด้วยและเข้าข้างขุนนางเหล่านั้น เพราะริชาร์ดที่ 2 เริ่มเป็นทรราชมากขึ้น
ทำให้ริชาร์ดที่ 2 ไม่พอในเฮนรี่ หลังเฮนรี่กับจากสงครามก็พยายามหาเรื่องจับผิดเฮนรี่ให้ได้ จนได้โอกาสเลยลงโทษเนรเทศเฮนรี่ไปฝรั่งเศส 1 ปี
พอปี 1399 จอห์ออฟออนต์พ่อเฮนรี่ตาย คิงริชาร์ดก็ยึดเอาทรัพย์สมบัติของตระกูลแลงแคสเตอร์ ที่เป็นมรดกของเฮนรี่ไปทั้งหมด
จากนั้นไม่กี่เดือนเฮนรี่ต้องการเดินทางไปอังกฤษเพื่อทวงสมบัติของตัวเองคืน แต่พอจะไปเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจกษัตริย์อยู่แล้ว
จึงสนับสนุนเฮนรี่โค่นริชาร์ดลง แล้วมันก็จบแบบงงๆ โค่นริชาร์ดได้ เฮนรี่ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน มีชื่อว่า คิงเฮนรี่ที่ 4
อังกฤษเลยมีกษัตริย์ใหม่ราชวงศ์ใหม่คือ แลงแคสเตอร์
ความวุ่นวายในฝรั่งเศส
หลังจบสงครามเทอมสองได้ 4 ปี ในปี 1393 คิงชาร์ลที่ 6 ในวัยเพียง 25 ปี เริ่มมีอาการทางจิต สติไม่สมประกอบ
ทำให้ขุนนางทะเลาะกันเกิดเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นระหว่างตระกูลอาร์มันญัคและดยุคแห่งเบอร์กันดี
มีการกบฎจากหลายเมือง สงครามกลางเมืองครั้งนี้ทำให้ฝรั่งเศสอ่อนแอลงไปมาก
กลับไปที่อังกฤษถึงแม้คิงเฮนรี่ที่ 4 จะครองราชย์แต่ตลอดระยะเวลาครองราชย์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปราบกบฎ
ทั้งกบฎจากชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นบัลลังค์ ทั้งขุนนางที่สูญเสียผลประโยชน์
เฮนรี่ที่ 4 ครองราชย์เพียง 13 ปี (ถึงปี 1413) ก็สวรรคตในวัย 45 ปีเท่านัั้น (ป่วยเรื้อรังมาหลายปี)
ลูกชายชื่อเดียวกันคือ เฮนรี่ ขึ้้นครองราชย์แทนในวัย 25 ปีชื่อ คิงเฮนรี่ที่ 5
สงครามเทอมที่สาม
เฮนรี่ที่ 5 คนอังกฤษยกย่องมาก ถือว่าเป็นวีรกษัตริย์พระองค์หนึ่งของประเทศ
โด่งดังเพิ่มจากวรรณกรรมของเชคเปียร์ ชื่อเรื่อง Henry V
เฮนรี่ที่ 5 ขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปีก็ปราบกบฎในประเทศได้ทั้งหมด จากนั้นก็เริ่มสงครามเทอมสาม
สงครามครั้งนี้กินเวลาอีก 14 ปี คือเริ่มจากปี 1415 ถึง ปี 1429
เฮนรี่ยกทัพข้ามช่องแคบอังกฤษบุกฝรั่งที่อาแซ็งกูร์(ปัจจุบันคือ จังหวัดปาดกาแล)
ที่อังกฤษมีทหารเพียง 6,000-8,000 นาย แต่เอาชนะฝรั่งเศสที่มีประมาณ 15,000-25,000 นาย ได้อย่างขาดลอย
สิ่งที่ทำให้อังกฤษชนะได้ขาดลอยคือ ธนูยาวอังกฤษ (Long Bow)
ที่ถือว่าเป็นธนูในการรบที่ดีที่สุดในโลก(ของมองโกลก็ดีอาจจะเทียบเท่าของอังกฤษ)
เฮนรีที่ 5 ได้พันธมิตรเป็นแคว้นเบอร์กันดีมาด้วย
และรบอยู่ 4 ปี ในปี 1419 เฮนรี่ที่ 5 ก็ยึดฝรั่งเศสตอนเหนือไว้ได้ทั้งหมด รวมทั้งกรุงปารีสด้วย
เฮนรี่ที่ 5 ได้เข้าพบคิงชาร์ลที่ 6 ที่สติไม่ดีไปแล้ว ในกรุงปารีส ได้ทำข้อตกลงไว้ว่า
จะแต่งงานเจ้าหญิงฝรั่งเศสที่เป็นลูกสาวชาร์ลที่ 6 และให้เป็นราชินีอังกฤษ
แล้วลูกชายของเฮนรี่ที่ 5 จะเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสต่อจากชาร์ลที่ 6 หากสวรรคตไปแล้ว
แล้วปี 1420 เฮนรี่ที่5 กับ เจ้าหญิงแคทธาลีนแห่งฝรั่งเศสก็แต่งงานกัน
ปี 1421 ราชินีแคทธาลีนให้กำเนิดลูกชาย ตั้งชื่อว่า เฮนรี่ (อีกแล้ว ชื่อเหมือนพ่อ เหมือนปู่)
ปี 1422 เดือนสิงหาคม เฮนรี่ที่ 5 แห่งอังกฤษ สวรรคตในวัยเพียง 35 ปี (ป่วยโรคบิด)
ปี 1422 เดือนตุลาคม ชาร์ลที่ 6 แห่งฝรั่งเศส สวรรคตในวัย 58 ปี (ไม่ระบุสาเหตุ)
ในเมื่อกษัตริย์ทั้งของอังกฤษและฝรั่งเศสสวรรคตในปีเดียวกัน ตามสัญญาที่ทำกันมา
ลูกชายของเฮนรี่ที่ 5 ต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ทั้งของอังกฤษและฝรั่งเศส และเป็นไปตามนั้น
ส่วนลูกชายของชาร์ลที่ 6 ที่เป็นรัชทายาทคือ ชาร์ลโดแฟ็ง
(โดแฟ็ง หรือ Dolphin เป็นชื่อตำแหน่งรัชทายาทของฝรั่งเศส)
ได้หนีออกจากกรุงปารีสไปก่อนหน้านั้น หนีไปทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดกับสเปนเพื่อตั้งหลัก
และมีกลุ่มขุนทางของฝรั่งเศสทางตอนใต้ให้การสนับสนุนและป้องการการบุกของอังกฤษ
(ปารีสเป็นของอังกฤษไปแล้ว)
ส่วนกษัตริย์อังกฤษและของฝรั่งเศสคือ เฮนรี่ที่ 6 ทารกวัย 1 ขวบนั่นเอง
สงครามในเทอมสามนี้ 1415-1429 นี่
อังกฤษเลยเป็นฝ่ายขนะ เพราะยึดปารีสไว้ได้
ช่วงระยะเทอมสามนี้ เป็นช่วงระยะเวลาต้นเรื่องในหนัง The Messenger: The Story of Joan of Arc
ที่ทหารอังกฤษ เหยียบย่ำแผ่นดินฝรั่งเศสไปทั่วหมายจะยึดทั้งหมด
สงครามเทอม 4 บทสุดท้ายของสงคราม 1429-1453
เทอมสุดท้ายนี้เป็นการโต้กลับของฝรั่งเศส โดยมีวีรสตรีจุดประกายให้คนฝรั่งเศสนั่นคือ โจน ออฟ อาร์ค
แผนที่ 1415-1429
สีชมพู เขตของอังกฤษ
สีม่วง เขตของเบอร์กันดี(พันธมิตรอังกฤษ)
สีฟ้าหม่น เขตของฝรั่งเศส(ชาร์ลโดแฟ็ง)
โจนออฟอาร์คเริ่มนำกองทัพฝรั่งเศสในปี 1429 และนำทัพได้ชัยชนะหลายครั้ง เป็นผลให้ฝรั่งเศสมีกำลังขึ้นมาก
ในปีเดียวกัน ชาร์ลโดแฟ็ง ได้เข้าราชาภิเษกเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสที่เมืองแร็งส์
แต่หลังจากนั้นเพียงปี 1431 โจนก็โดนจับได้โดยพวกเบอร์กันดีแล้วส่งให้อังกฤษ และโดนเผาทั้งเป็นในข้อหานอกรีต
และในปี 1431 เช่นกัน คิงเฮนรี่ที่ 6 ในวัย 10 ขวบ ก็ราชาภิเษกเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสที่วิหารนอเทรอดามในกรุงปารีส
สงครามไม่ได้จบตรงนั้น ยังรบกันอีกหลายปี ถึงแม้ชาร์ลที่ 7 จะเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสแล้ว โจนก็ตายแล้ว แต่ยังไม่ได้ปารีสคืน
สงครามยังมีต่อไปเรื่อยๆ จนปี 1435 ก็ได้ปารีสคืนจากการเจราสนธิสัญญาอารัส
และปี 1449 ฝรั่งเศสก็ยึดเมืองรูอองคืนได้สำเร็จ และปีต่อมา 1450 ก็ยึดนอร์มังดีได้
1451-53 ฝรั่งเศสยึดกัสติย่าได้เป็นผลสำเร็จ
ปี 1453 ฝรั่งเศสก็ไล่อังกฤษออกจากภาคพื้นยุโรปได้ทั้งหมด (ยกเว้นกาแล Calais) ที่อยู่ใกล้อังกฤษที่สุดของช่องแคบ
ถึงแม้สงครามจะจบลงไปในปี 1453 โดยที่ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะ ได้พื้นที่จนเป็นแผนเกือบเหมือนแผนที่ในปัจจุบัน
แต่สถานะของสงครามยังคงอยู่ไปอีกร่วมๆ 20 ปี เพียงแต่อังกฤษไม่ศักยภาพที่จำสงครามต่อได้ เนื่องจากสภาวะไม่สงบภายในประเทศ
สรุปผลของสงครามร้อยปี
สงครามเทอมแรก 23 ปี (ปี 1337-1360) อังกฤษชนะ
สงครามเทอมสอง 20 ปี (ปี 1369-1389) ฝรั่งเศสชนะ
สงครามเทอมสาม 14 ปี (ปี 1415-1429) อังกฤษชนะยึดปารีสได้
สงครามเทอมสุดท้าย 24 ปี (ปี 1429-1453) ฝรั่งเศสชนะไล่อังกฤษกับเกาะอังกฤษหมด
ควันหลงของสงคราม
- อังกฤษที่แพ้เพราะภายในวุ่นวาย มีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากันระหว่างพวกแลงแคสเตอร์ฝ่ายกษัตริย์และฝ่ายยอร์กที่เป็นขุนนาง
- ท้ายที่สุดหลังสงครามได้ไม่กี่ปี ในปี 1461 เอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์กก็ก่อกบฎและยึดอำนาจจากคิงเฮนรี่ที่ 6 ได้
- แต่เอ็ดเวิร์ดครองราชย์เป็น คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ได้ 9 ปี เฮนรี่ที่ 6 ก็กลับมาชิงบัลลังค์คืนได้
- แต่เฮนรี่ที่ 6 ก็ครองราชย์ครั้งที่สองได้ไม่ถึง 200 วัน ก็โดยเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ชิงบัลลังค์กลับไปอีกครั้ง
- ครั้งนี้ เฮนรี่ที่ 6 โดนฆ่าตายที่หอคอยลอนดอน
จำเจ้าหญิงแคทธาลีนแห่งฝรั่งเศสที่เป็นราชินีหม้ายของคิงเฮนรี่ที่ 5 ได้มั้ยครับ นางเป็นแม่ของคิงเฮนรี่ที่ 6
และเป็นหม้ายตั้งแต่อายุ 20 เอง ดังนั้นนางจึงแต่งงานใหม่กับขุนนางชาวเวล ชื่อ โอเว่น ทิวเดอร์
ใช่ครับ ทิวเดอร์ นั่นล่ะ เพราะลูกของนางกับโอเว่น ทิวเดอร์ ที่ชื่อเอ็ดมันต์ จะให้กำเนิดลูกชาย ชื่อว่าเฮนรี่ ทิวเดอร์
หลังจาก คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งราชวงศ์ยอร์ก แย่งบัลลังค์จาก เฮนรี่ที่ 6 ที่เป็นลูกชายนางไป
หลังจากนั้น ราชวงศ์ยอร์กมีกษัตริย์ 3 คน ใน 14 ปีต่อมา คือ เอ็ดเวิร์ดที่ 4,เอ็ดเวิร์ดที่5และริชาร์ดที่ 3
โดยที่ริชาร์ดที่ 3 แย่งบัลลังค์มาจากหลานคือ เอ็ดเวิร์ดที่ 5 (ริชาร์ดเป็นอา ก็เป็นน้องชายเอ็ดเวิร์ดที่4ล่ะ)
ครองราชย์ได้สองปี หลานยายของราชินีหม้าย คือ เฮนรี่ ทิวเดอร์ ก็รบเอาชนะริชาร์ดได้
และได้ครองบัลลังค์อังกฤษเป็น คิงเฮนรี่ที่ 7 เริ่มต้นราชวงศ์ทิวเดอร์ที่มีชื่อเสียง
และมีลูกคือ เฮนรี่ที่ 8 ผู้โด่งดัง
จบแล้วครับ มหากาพย์สงครามร้อยปี พยายามให้กระชับแล้วแต่ก็ยังยาวอยู่ดี เพราะบางเรื่องไม่อยากข้ามจริงๆ
จริงๆแล้วรายละเอียดมันยังมีอีกเยอะมาก ท่านใดสนใจช่วงไหนก็ลองเซิร์สหาข้อมูลเพิ่มจากกูเกิ้ลดูนะครับ
ขอบคุณที่อ่านกันยาวๆมาถึงตรงนี้ ผมใช้เวลาค่อยๆพิมพ์อยู่ 4-5 วัน
ตอนแรกว่าจะแบ่งเป็นพาร์ทๆไป แต่เปลี่ยนใจพิมพ์ให้จบแล้วโพสทีเดียวเลยดีกว่า
ขอบคุณอีกครั้งครับ ^^