(สปอยแหลกนะ หัวมู้บอกว่าสปอยอยู่แล้ว)
ผมชอบนะภาคนี้ ผมว่าสนุกพอๆกับภาคแรก ตลกกว่าภาคแรกเยอะ
ถ้าเปรียบ แอร์กูล ปัวโร ของ อากาทา คริสตี้ เป็นยอดนักสืบฉลาดแบบจริงจัง
เบอร์นัว บล็อง ก็เป็นยอดนักสืบที่ฉลาดแบบฮา กวนตีน และ พูดมาก 5555+
แดเนียล เคร็ก ทำสำเร็จอีกแล้ว จาก บอนด์ ผู้เคร่งขรึม สลัดคราบนั้น มาเป็น บล็อง ผู้พูดมากกวนตีน
ทำได้ดีทั้งสองบทบาท แล้ว เคร็ก รู้สึกจะชอบบท บล็อง มากกว่า บอนด์ ด้วยนะ
หนังเฉลยด้วยว่า บล็อง เป็น LGBT (ตามยุคที่เปิดกว้าง) แถมได้ ฮิว แกรนท์ มาเป็นคามิโอ้ ในบทแฟนของบล็องด้วย
ภาคแรกนั้น บล็อง เข้ามาอยู่ในสถานะการณ์ ที่เป็นปริศนา ที่บล็องเข้ามาคลี่คลาย
ส่วนภาคสองนั้น บล็อง เข้ามาสร้างสถาณะการณ์ เป็นคนควบคุมสถานการณ์
มันแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งสองภาคเลยนะ ผมว่ามันแตกต่างทำให้ไม่ซ้ำซาก
ภาคนี้ยังรวยอารมณ์ขันมากกว่าภาคแรกที่ออกแนวจริงจังมากกว่า
บางคนอาจจะคิดว่า มันง่ายไป ไม่ซับซ้อน ก็จริง มันง่ายไป ไม่ซับซ้อน
เพราะหนังทำออกมาให้เห็นว่า ตัวร้ายของเรื่องอย่าง ไมล์ ที่ได้เอ็ดเวิร์ด นอร์ตันมาแสดง
หนังก็ค่อยๆแสดงออกมาให้เห็นสว่า หมอนี่ กระจอก
จากเริ่มเรื่องหมอนี่ระดับอัจฉริยะ ระดับ สตีฟ จ็อบ ระดับ อีลอน มัสก์ บิ้วมาเลยว่ายิ่งใหญ่
แต่หนังค่อยๆบอกว่า หมอนี่มันนักฉวยโอกาส (แอบแซะ จ็อบ/บิล เกต/อีลอน หรือเปล่า ว่าเป็นนักฉวยโอกาสเหมือนกัน)
เราได้ตื่นตากับกล่องปริศนาที่ไมล์ส่งให้เพื่อนๆ เพื่อเป็นบัตรเชิญ (มันว้าวมาก)
ทุกคนช่วยกันแก้ปรืศนา แต่มีเพียง เฮเลน คนเดียวที่พังกล่องเพื่อเอาบัตรเชิญ
(ผมว่าเธอเป็นคนผิวดำที่สวยมากๆ ชอบๆ)
หนังมันบอกเป็นนัยๆแล้วว่า ปริศนาของไมล์เนี่ย เฮเลน นี่ล่ะจะเป็นผู้ทำลายและเปิดโปง (เหมือนในตอนจบของเรื่อง)
เฮเลนเป็นผู้เริ่มเกมนี้ต่างหาก โดยการจ้างบล็อง นักสืบที่เก่งที่สุดในโลก(ที่หาได้จากกูเกิ้ล อันนี้ก็ฮา 5555+ )
บล็องเองก็ฉลาด และ กะล่อนสุดๆ ทำเนียนเข้าไปร่วมงานแบบไม่ได้รับเชิญ (อันนี้คนดูน่าจะถูกหลอกทุกคน)
ชื่อหนังไทยคือ ปริศนาใครฆ่าเพื่อน คนดูทุกคนก่อนเริ่มคงคิดกันหมดว่า การฆ่าเพื่อนมันต้องฆ่าในเกาะแน่ๆ
แต่ไม่ใช่ การฆ่าเพื่อน มันฆ่าตั้งแต่ก่อนขึ้นเกาะ เพราะฉะนั้นเราจึงโฟกัสว่าใครจะตาย ใครเป็นคนฆ่า บนเกาะ
บทหนังผมว่าดีกว่าภาคแรกอีก หลอกคนดูเป็นสเต็ปๆ หนังพาไปดูเพื่อนแต่ละคนว่ามีแรงจูงใจอะไรที่จะฆ่าไมล์
ที่แท้จริงทุกคนกลับปกป้องไมล์ เพราะไมล์ให้คุณกับเพื่อนได้ เรียกได้ว่าเป็นเจ้าชีวิตเลยทีเดียว
ขาดไมล์ไม่ได้ ทั้งเรื่อง อำนาจเงิน และเส้นสายที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
ดูจากตอนฉากขึ้นศาล ที่ทุกคนโกหกให้ไมล์รอด การโกหกในศาลเป็นเรื่องใหญ่เรื่องผิดกฎหมายเลยนะ
ผมฮาสุดก็ฉาก ที่บล็องเฉลยปริศนาฆ่าเพื่อนที่ไมล์ออกแบบมาให้เพื่อนๆเล่นบนเกาะ
คือปริศนาที่ไมล์ออกแบบมันง่อยมาก บล็อง ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ ฉากตอนนี้ ไมล์ ทำหน้าเซ็งๆ มันฮามาก
นั่นคือการเริ่มเฉลยว่าจริงๆแล้ว ไมล์ ไม่ได้ฉลาดเป็นอัจฉริยะแบบตอนแรก เป็นแค่ไอ้กระจอก ที่ก็อปไอเดียคนอื่น
(เหมือนขวัญใจชาว ss มัน ที่เป็นนักก็อปตัวยง - ผมแอบจิกกัดนะเนี่ย 5555+ )
ไมล์ก็มีหัวไวอยู่นะ แต่แค่แบบเด็กๆ ตอน ดุ๊ก รู้ว่าแท้จริงแล้ว แอนดี้ ตายแล้ว และคนฆ่าคือไมล์
ไมล์เลยคิดฆ่าดุ๊ก ก็แค่ง่ายๆโดยการวางยา กับน้ำสัปรดที่ดุ๊กแพ้(อย่างแรง) ที่ไมล์รู้ดีกว่าเพื่อนแพ้อะไร
แล้วจัดฉากว่าตัวเองอยู่ในอันตราย แล้วรู้ว่าไฟจะดับตอน 4 ทุ่ม แอบเอาปืนของดุ๊กมาเพื่อไปฆ่าแอนดี(เฮเลน)
ซึ่งมันเป็นไอเดียของ บล็อง ที่แค่พูดเล่นๆ แต่ไมล์ก็อปไอเดีย (นี่จะจิกกัดอีกว่าก็อปไอเดีย แสดงให้เห็นความกระจอกของไมล์)
(ซึ่งตอนเปลี่ยนแก้ว ตอนขโมยปืน แอบจิ๊กโทสับ เพื่อนๆหลายคนก็เห็น ซึ่งมันกระจอกมากไม่เนียน)
เพราะฉะนั้นฉากเผาทิชชู่มันเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลสุดๆ เพราะไมล์มันกระจอกคิดอะไรซับซ้อนเองไม่เป็น
มันก็เผาดื้อๆแบบเด็กๆทำกัน และไมล์ก็มั่นใจว่าเพื่อนๆที่เหลือจะเข้าข้างและปกป้องเช่นเคย ซึ่งก็จริง
ฉากจบของหนังก็สมเหตุสมผลอีก ที่บล็องยื่นก้อนผลึกพลังงานให้เฮเลน
แล้วเฮเลนก็ทำลายบ้าน เผาบ้านด้วยก้อนผลึก และเผารูปโมนาลิซ่า
ฉากที่มันมีสองนัยยะคือ
- รูปภาพสมบัตืของโลก โดนไฟไหม้จาก พลังงานชนิดใหม่
(เป็นข่าวดังแน่ พลีงงานที่ไม่พร้อมให้ใช้งาน ไหม้บ้านแถมรูปก็โดนไหม้ไปด้วย)
(ทำให้เปิดตัวพลังงานใหม่ไม่ได้ หุ้นตก ไมล์มันลงทุนกับงานนี้หมดตัว ก็เจ๊งกันไปสิ เพื่อนๆรู้เลยไม่ปกป้องแล้ว)
(อันนี้ก็จิกัด ถ้าเพื่อนรวย มีอำนาจก็พร้อมอยู่ข้าง แต่ถ้าเพื่อนไม่มีอะไรแล้วก็ตามนั้น - สันดานคนอะนะ)
- รูปโมนาลิซ่าไหม้ไฟ เหมือนชีวิตของไมล์ก็หมอดไหม้
(ไมล์มันชื่นชมรูปนี้มากเปรียบเหมือนชีวิตตัวเองที่อยากมีชื่อเสียงเป็นอมตะ)
ผมพึ่งดูเมื่อคืนนี้เอง ส่วนตัวชอบมากกว่าภาคแรก เพราะ
- บทไม่ซ้ำซาก แนวทางฉีกจากภาคแรกไปเลย (ตามที่บอก บล็องเป็นคนสร้างสถานะการณ์เอง)
- ทีมนักแสดงดูเข้าขามากกว่าภาคแรก (ภาคแรกทีมนักแสดงเป็นสายดราม่า ภาคนี้สายฮา)
- บทหนังที่ยอดเยี่ยมกว่าภาคแรก ให้ดีกว่านิดนึง
- ฉากจบที่สรุปได้ดี
- จิกกัดสังคมและสันดานคนได้ดีมาก
- มีความฮามากกว่า (ฮาแบบฝรั่งนะครับ มันลึกต้องคิดตามมันถึงจะฮา ไม่เหมือนฮาแบบไทยๆที่ฮาแบบเห็นง่าย ตื้นๆ)
ใครอ่านสปอยผมนี้แล้ว กลับไปดูอีกรอบ ผมว่าน่าจะสนุกขึ้นไม่มากก็น้อย / ขอบคุณครับ