ง่ะ เอากาแฟสดไปเทียบกับกาแฟสำเร็จรูปอีก 55+

กาแฟผมว่ามันคือ เมล็ดคั่วกาแฟ+การสกัด มันมีขอบเขตเพื่อที่จะทำให้ได้ perfect shot แรงดัน น้ำร้อน เวลา มันเป็นศาสตร์และศิลป์ เครื่องกาแฟเทพๆนี่ราคาระดับหลายแสน

ผมไม่ใช่คอกาแฟตัวยง อาทิตนึงกิน2-3แก้ว

ผมว่ามันต่างตั้งแต่การเลือกเมล็ดของแต่ละร้าน และวิธีการชง แม้กระทั่งอุณหภูมิของน้ำก็มีผลอีก

้เป็นเครื่องดื่มที่ใช้ศิลปะสูงกว่าชาอีกนะผมว่า

อารมณ์เหมือนคนไม่ค่อยดูบอล แล้วถามเราว่า .. ดูบอลแล้วมันสนุกยังไง แค่คนแย่งลูกบอลลูกเดียวมาเตะให้เข้าประตูอ่ะ

ซึ่งคนดูบอลก็จะรู้ว่าความสนุกของฟุตบอล มันคืออะไรบ้าง

การดิื่มกาแฟก็เช่นกัน !!!

อันนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคนชงติดแอ๊คเมื่อไหร่…ถุยใส่หน้าทันที

ผมรู้ แต่ผมรีบ กดเครื่อง กระป๋อง

คาเฟอีนเท่านั้นที่ต้องการจากกาแฟ ศิลปะผมไปฟังเพลง ดูงานศิลป์เอา

อธิบายแบบง่ายๆ ก็คือขั้นตอนการชงกาแฟ espresso ครับ. ขั้นตอนก็คือขั้นตอน เหมือนคุณจะสตาร์ทรถ ก็ต้องเปิดประตู เข้าไปนั่ง เสียบกุญแจ แล้วหมุนกุญแจ สตาร์ท หรือคุณเดินเข้ามา แล้วกระโดดสวนเข้ารถไปนั่งได้เลยไม่ต้องเปิดประตู.

ถ้าตามคลิป อธิบายลำดับแบบคร่าวๆ (ตามที่ผมเข้าใจ)
1.วินาทีที่ 0.02 ตวงกาแฟ ใส่เครื่องบดมือ ก็ต้องหมุนบด เพราะไม่ได้ใช้เครื่องบดไฟฟ้า
2.วินาทีที่ 0.06 อุปกรณ์ที่เอามาวางบนบาสเก็ต เรียกว่า โดสซิ่งริง (Dosing Ring) เอามาวางเพื่อเวลาเทผงกาแฟจะได้ไม่หกครับ อารมณ์เหมือนคุณจะกรอกน้ำใส่ขวด คุณเทพรวดๆ เข้าไปโดยไม่ใช้กรวย น้ำมันก็หก อันนี้ ชงกาแฟ ที่ตวงแล้วประมาณ 16กรัม บดได้ผงกาแฟ 16 กรัม คนชงก็ไม่ต้องการให้ผงหกเรี่ยราด เพราะจะมีผลต่อการสกัดกาแฟ
3.วินาทีที่ 0.10 เข็มเกลี่ยกาแฟ เอามาคนให้ผงกาแฟที่จับเป็นก้อนกระจายให้ทั่วถึงกัน ไม่งั้นตอนสกัดด้วยน้ำร้อน น้ำจะไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงผงกาแฟที่ถูกจับอยู่ในก้อนได้
4.วินาทีที่ 0.12-0.16 อุปกรณ์สำหรับเกลี่ยหน้าผงกาแฟให้เสมอกัน เพื่อที่จะต้องแทมป์ให้ได้หน้าผงกาแฟที่เรียบเสมอ ใน "ระนาบเดียวกัน"
5.วินาทีที่ 0.19 ก็การใช้แทมป์ กดผงกาแฟให้แน่นได้ระดับกำลังพอดี ตามประเภทของเมล็ดกาแฟ และขนาดของผงกาแฟที่บดออกมาตามเบอร์บอดใน ข้อ 1.
6.จากนั้นก็สกัดกาแฟ ด้วยเครื่องชงแบบแมนวล คือควบคุมด้วยมือทั้งหมด

ผมขออธิบายให้เห็นภาพแบบง่ายๆ ว่าทำไมต้องมีขั้นตอนมากมายขนาดนั้น

อันดับแรกคือ การสกัดกาแฟ espresso คือการสกัดกาแฟ ด้วยอัตราส่วน 1:2 สมมติใช้ผงกาแฟ 15 กรัม สกัดน้ำกาแฟออกมา เท่ากับ 15*2 = 30 กรัม.

ส่วนเรื่องอุปกรณ์ เข็มเกลี่ย ปรับระดับหน้าผงกาแฟ แทมป์ ที่จำเป็นต้องทำเพราะ ถ้าคุณไม่แทมป์ ก็อารมณ์เหมือนคุณเอาทราย มาใส่แก้ว แล้วเอาน้ำเทลงทราย น้ำก็จะไหลผ่านทรายอย่างง่าย แต่ถ้าคุณแทมป์กำลังพอดี น้ำจะค่อยๆ ไหลผ่านออก แต่ถ้าคุณแทมป์หนักเกินไป น้ำก็จะไม่ไหลออกมา.

เรื่องความเร็วของน้ำที่ผ่านทรายออกมา ก็คือรสชาติกาแฟที่คุณจะได้รับนั่นเอง ถ้าไหลผ่านไว ก็เปรียบเสมือนคุณบดหยาบ น้ำไหลผ่านง่าย ก็จะได้รสชาติเหมือนน้ำเปล่า หรือชาจืดๆ แต่ถ้าไหลผ่านกำลังดี น้ำก็จะควบแน่นกับผงกาแฟในเวลาที่พอเหมาะ โดยปกติเวลาในการสกัดที่เหมาะสมคือประมาณ 30วินาทีเหมือนกัน คุณก็จะได้รสชาติกาแฟที่ดี แต่ถ้าคุณแทมป์หนักไปป น้ำไม่ผ่าน คุณก็จะไม่ได้น้ำกาแฟที่ดี หรือกว่าจะไหลผ่าน ก็จะเป็นน้ำโคลนนั่นเอง

ส่วนเรื่องที่เอาน้ำร้อนมาใส่ ทำกินง่ายๆ นั่นมันแตกต่างกันครับ ที่คุณเทน้ำใส่คือกาแฟสำเร็จรูป แต่ในคลิปคือเค้าสกัดจากเมล็ดกาแฟบดครับ.

จบการอธิบายแบบง่ายๆ ตามนี้ครับ. ทุกขั้นตอนเป็นเรื่องปกติของการทำกาแฟครับ.

ในคลิปเป็นการทำespressoจากเครื่องทำแบบmanualครับคือไม่มีระบบไฟฟ้าเลยใช้แรงคนกดอุปกรณ์เลยดูมีเยอะต้องบดเองอีกไม่ได้ใช้เครื่องบด ทีนี้ขั้นตอนพื้นฐานมันต้องใช้การบดเมล็ดที่ละเอียดจนแทบเป็นผงเลยและต้องใช้ที่กดผงกาแฟด้วยอันนี้ต้องใช้ทุกร้านกาแฟสดอยู่แล้ว เพียงแต่ในคลิปใช้ของค่อนข้างดีแบบสวยด้วยใช้ดีด้วยเพื่อให้ได้ perfect shot บางทีเมล็ดมันก็แพงจะทำมั่วๆไม่ได้

อย่างผมสายทำกาแฟดริปก็จะบดไม่ละเอียดเท่าและวิธีการชงก็ต่างกันรสชาติคนละแบบเลยของผมก็ต้องใช้อุปกรณ์จุกจิกอยู่กระดาษกรองงี้ แท่นกรวยใส่กระดาษ คำนวณอุณหภูมิ ปริมาณน้ำ น้ำหนักการลงน้ำ เวลาที่ใช้


ส่วนfinal productที่ท่านถามมันต่างกันชัดเจนครับ
ขั้นตอนกรรมวิธีให้รสชาติต่างกันมาก แต่เครื่องยี่ห้อเครื่องมือความหรูอาจจะไม่ได้ทำให้ต่างกันแบบชัดเจนครับ

ศิลปะมันก็อยู่ในทุกส่วนของชีวิตแหละ ไม่ต้องปีนหอคอยเสพหรอก ก็เหมือนวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ว่าต้องแยกขาดกันสายศิลป์สายวิทย์ ความเชื่อแบบนั้นมันโบราณ แล้วก็ไม่ใช่ว่าอยากจะรู้จักศิลปะจะต้องไปเข้าหอศิลป์อย่างเดียว

มันเป็นเรื่องของรสนิยม คนที่เขาสนใจเขาก็พิถีพิถัน ถ้าไม่ใส่ใจก็ไม่ต้องไปดูถูกเขา

เกือบจะเข้าวงการเหมือนกันแต่ติดที่ขี้เกียจทุกวันนี้เลยฉีกซองมอคโคน่ากินแล้วจบ

นึกถึงพอดแคส global economic background ของเฮียวิทย์เลย
Passion นี่ละคือความต่างระหว่างคนไทยกับอิตาลีที่ให้กำเนิดกาแฟเอสเพรสโซ่
ทำอะไรที่ชอบจะทำจริงจังให้เพอร์เฟคทุกครั้ง
แต่คนไทยอะไรก็ได้ สบาย ๆ กินกาแฟก็เพื่อตื่น
ไม่ใช่สุนทรียภาพ

นี่คลิปนี่วิธีพื้นฐานเลย โลกของกาแฟมันไม่ได้มีแค่ความขม เมล็ดเดียวกัน วิธีทำต่างกันรสชาติก็ต่างกัน

บางคนอยากได้แค่คาเฟอีน ไม่ได้ต้องการสุนทรีภาพอะไรพวกนี้ ก็เน้นกินง่ายๆ ไปแค่นั้น แต่ถ้าจะมาบอกว่าคนอื่นทำเยอะแยะ บางทีคุณอาจจะรู้น้อยเกินไปมากกว่า

ชงกินเองมันก็มีแค่นี้แหละครับ ถ้าเข้าวงการจริงๆมีเยอะกว่านี้อีก ต้องมีตาชั่ง มีโหลเก็บการแฟ แปรงปัด ขายได้อีกหลายชื้น

มีทุกวงการแหละครับ มันคือขั้นกว่าของของธรรมดา เพื่อเพิ่มมูลค่าหรือคุณค่าเข้าไป
มันมีอะไรมากกว่าที่คนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจอาจจะมองเห็นเพราะไม่ได้ลงมาคลุกคลีกับวงการนั้นๆ
ผมเปรียบเทียบกับวงการกันพลาละกัน บางคนอาจจะมองว่าก็แค่ของเล่น ก็ดูคล้ายๆ กันหมด
บางคนอาจจะมองว่าแค่ต่อดิบตัดเส้นติดดีคอลก็สวยแล้ว แต่ก็มีคนที่เขาชอบคัสตอม ทำสี
ซึ่งก็มีหลายระดับอีก สีกระป๋อง แอร์บรัช ชนิด ยี่ห้อ ราคาเครื่องมืออื่นๆ อีกบาน
แต่ละคนก็มีเทคนิคการคัสตอมแตกต่างกันไป แล้วก็มีการประกวดระดับโลกอีก
มันคืองานศิลปะที่ใช้ฝีมืออย่างมาก ถ้าลงลึกกับมันจริงๆ ไม่ว่าเรื่องไหนวงการไหน

เอ้าาาาาาาาาา ดื่มกาแแฟเพื่องานศิลป์กันหรอ คิดว่าเพื่อคาเฟอีนมาตั้งนาน