‘อิวาน เปริซิช’ ตัวความหวังในวัย 33 ปี | #SSColumn
โดย : เบียร์ หลังหนาม
เกมการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่าง ‘ญี่ปุ่น’ กับ ‘โครเอเชีย’ ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ผมเชื่ออย่างสุดใจว่าทัพซามูไรจะได้ชัยชนะไปครองพร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับตัวเอง เนื่องด้วยก็เพราะรู้สึกว่าเส้นเรื่องที่ผ่านมานั้น มันถูกขีดเขียนให้ญี่ปุ่นโดดเด่นเปรียบเสมือน 1 ในตัวละครนำ
เรื่องราวในสนามก็สนุกใช่ย่อย ญี่ปุ่นเล่นเกมของตัวเองออกมาได้ดี พวกเขาสามารถขึ้นนำได้ก่อนในช่วงเวลาครึ่งแรก ดูเหมือนเส้นทางของซามูไรจะราบรื่นกว่าที่คิด กระทั่ง ‘อิวาน เปริซิช’ โขกประตูตีเสมอให้กับทัพหมากรุก จากลูกเปิดของ ‘เดยัน ลอฟเรน’ และสิ่งที่เปริซิชทำนั้น มันไม่ต่างอะไรกับการใช้ดาบสะบั้นความมั่นใจของซามูไรให้ลดทอนลง (ไม่มากก็น้อย) ที่สำคัญเขาเป็นคนที่วางรากฐานให้กับทีมสำหรับการคัมแบ็ค
และเกมก็ดำเนินไปตามอย่างที่ทุกท่านได้ทราบ ญี่ปุ่นหมดสิทธิ์ที่จะเดินหน้าต่อในฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาพ่ายให้กับโครเอเชียในการดวลจุดโทษอย่างน่าเสียดาย
ในตอนแรกผมมองว่าโครเอเชียไร้พิษสงลงแล้ว เมื่อเทียบกับปีก่อนที่พวกเขาเป็นถึงรองแชมป์ นักเตะตัวหลักคนสำคัญเริ่มมีอายุที่มากขึ้น ทั้งความฟิตและความสามารถไม่ได้หวือหวาเร้าใจเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน ส่วนหนึ่งก็เห็นในได้จากรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา นอกเหนือจากนัดที่เอาชนะ ‘แคนาดา’ ไปได้ 4 ประตูต่อ 1 แล้ว ที่เหลือก็เนิบนาบจืดชืด
หากพูดถึงทีมชาติโครเอเชียแล้ว เรามักจะคิดถึงชื่อของ ‘ลูก้า โมดริช’ เป็นอันดับแรก รองลงมาจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะคิดถึงใคร แต่สำหรับผมแล้วก็เปริซิชนี่แหละ เพราะในขณะที่จอมทัพวัย 37 ปีอย่างโมดริชเริ่มโรยรา บทบาทของเปริซิชก็ดูเหมือนจะมากขึ้น
ตลอด 4 เกมการแข่งขันที่ผ่านมาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เปริซิชคือคนที่มีส่วนร่วมกับเกมมากเป็นอันดับต้น ๆ ของทีมเลยทีเดียว เขามีส่วนช่วยทั้งในเกมรับและเกมรุกอย่างเต็มที่ หนำซ้ำยังเป็นคนที่สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม รวมถึงตัวเขาเองได้อีกมากมาย
ขณะนี้เปริซิชยิงไปแล้ว 1 ประตู และแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมไปอีก 2 ลูก ซึ่ง 1 ประตูที่เขาทำได้เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ทีมชาติโครเอเชีย ที่สามารถทำประตูให้กับทีมชาติได้ 10 ประตูในทัวร์นาเมนต์สำคัญ และยังเป็น 1 ใน 4 ผู้เล่นร่วมกับ ‘ลิโอเนล เมสซี่’ , ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ และ ‘เซอร์ดาน ชากิรี’ ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก 3 ครั้งหลังสุด
‘เบน กรีน’ นักข่าวและคอลัมนิสต์จากเว็บไซต์กีฬาชื่อดัง ได้เขียนถึงเปริซิชในเกมเมื่อคืนประมาณว่า ถึงแม้ปัจจุบันเปริซิชจะมีอายุ 33 ปีเข้าไปแล้ว แต่การกระทำและความสามารถของเขาในสนามนั้น ยังคงโดดเด่นไม่ต่างจากสมัยที่เริ่มสร้างชื่อกับ ‘คลับบรูซ’ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่ผ่านมาเปริซิชเองก็สามารถทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด ไม่น่าแปลกใจที่ครั้งหนึ่ง ‘โชเซ่ มูรินโญ’ อยากได้ตัวเขามาร่วมทีมนักหนาสมัยที่คุมทีม ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ที่มูรินโญ่ได้พูดถึงเปริซิชไว้ว่า ‘เปริซิชเป็นปีกประเภทที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ โดยปกติแล้วปีกที่โดดเด่นจะมีความเร็วและการเล่นที่สร้างสรรค์เป็นหลัก แต่สำหรับเปริซิช เขามีกายภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์แบบและสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้อย่างดีเยี่ยม’
ในช่วงที่เดอะสเปเชียลวันกำลังนั่งเก้าอี้กุนซือให้กับทัพปีศาจแดงนั้น เขาคือคนที่ต้องการเปริซิชเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ฟาดฟันกับ ‘เอ็ด วู้ดเวิร์ด’ ที่เป็นประธานบริหารสโมสร ณ ขณะนั้น ทว่าท้ายที่สุดดีลก็ล่มไปอย่างน่าเสียดาย จากตัวแปรหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น
ถึงแม้ว่าเปริซิชจะไม่เคยไปค้าแข้งให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ตัวเขานั้นก็โลดแล่นอยู่กับฟุตบอลระดับสูงมาตลอด และต่อให้เจ้าตัวจะมีข่าวอยากย้ายทีมอยู่บ่อย ๆ แต่เปริซิชก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมต้นสังกัดในการคว้าแชมป์มาได้อยู่เสมอ
กลับมาที่ฟุตบอลโลก เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมทีเดียวสำหรับสิ่งที่เปริซิชได้ทำไว้ แต่ถ้าพูดกันตามตรง แม้ว่าเขาจะสามารถขว้างเส้นทางของซามูไรได้ แต่สำหรับทัพแซมบ้าที่จะต้องเจอกันเร็ว ๆ แล้ว...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จากเกมเมื่อคืน
ถ้าใครได้ดูก็คงเห็น ๆ กันอยู่ ‘ทีมชาติบราซิล’ เล่นกันได้อย่างไม่มีที่ติสมกับที่เป็นตัวเต็งแชมป์ อยากเห็นเหมือนกัน ว่าตัวความหวังของชาติในวัย 33 ปีอย่างเปริซิช จะสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างให้กับทัพฟมากรุกอีกหรือไม่ ?
_______________________
SoccerSuck พร้อมนำเสนอรายการที่ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล!
ผ่านทุกช่องทางของ SoccerSuck TH แล้วที่
Facebook:
https://bit.ly/3DeU6BX
Instagram:
https://bit.ly/3xzln0z
YouTube:
https://bit.ly/3reBi3f
TikTok:
https://bit.ly/3Oq18JC
Blockdit:
https://bit.ly/3qU7B5G