[รีวิวหนังอินเดีย] Brahmastra Part One : Shiva หนังฮีโร่สไตล์Marvelฉบับอินเดีย
ใครชอบฟังมากกว่า ดูรีวิวจัดเต็มที่นี่
Brahmastra Part One : Shiva (C+)
.
.
พูดยากเลยเรื่องนี้ มีความLove Hate ในตัว
คือส่วนที่ชอบก็ดีงามเลย แต่ส่วนที่อิหยังวะ
ก็โคตรอิหยังวะชิบหาย!!
.
แม้ว่านี่จะเป็นหนังที่ทะเยอทะยานสุดแสนอลังการ
ประหนึ่งเป็นAgengers ของ India Verse
แต่ก็เป็นที่หนังสูบพลังงานชีวิตไปจนถึงขีดสุด
(ยิ่งเมื่อวานที่ทั้งอดนอน สอนทั้งวัน หนีฝน หนีคนเยอะระดับห้างแตกมาอยู่ในโรงที่เต็มไปด้วยคนอินเดียเกินครึ่งโรง นั่งดูไปกลิ่นตุๆตลอดเรื่อง บอกเลยว่าทำเอาเซเลยอ่ะตอนที่หนังจบ)
.
ความรู้สึกเหมือนถูกดึงไปนั่งโรลเลอร์คอสเตอร์ ช่วงที่กำลังเมาหนักๆจนภาพใกล้ตัดตลอดเวลา และต้องดูไปจนจบนี่คือฟิลช่วงตอนที่ดูเรื่องนี้
.
หนังเต็มไปด้วยฉากตระการตา ซีจีจัดเต็มระดับเกินร้อย
มีตัวละครที่แทบเรฟจักรวาลMarvelมาเต็มๆ
เช่นตัวที่มีพลังบนข้อมือแบบชางชี หรือตัวร้ายผู้หญิงผมแดงๆธีมแดงๆแบบขุ่นแม่วันด้า และในอีกพาร์ท นี่ก็เป็นหนังคลั่งรักแบบไร้เหตุผลตลอดทั้งเรื่องจนน่ารำคาญไปบ้าง แม้จริงๆรักก็ดูออกจะไร้เหตุผลเช่นนี้ก็ตาม
.
แต่นั่นคงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเรามากเท่ากับ
การลำดับเรื่องราวการเล่าเรื่องของหนัง
ซึ่งอยู่ในระดับที่ 'เล่าตามใจฉันสุดโต่ง'
คือเป็นCase Studyได้เลยว่า
หนังที่ผู้สร้างอยากเล่าและจับยัดจับใส่ลงไปในหนังเลย
มันเป็นเช่นใด คือถ้ามองในแง่ว่าหนังอินเดียมันจะเว่อร์วัง
จนเลยความสมจริงไปบ้าง อันนี้ก็เข้าใจได้
แต่กับเรื่องนี้ที่นึกจะเล่าอะไรก็เล่า จับใส่ๆจนดูแล้วมึนงงไปหมด ไม่รวมกับคัตติ้งที่มารัวๆตั้งแต่หนังเริ่ม จนคนดูอย่างเราเริ่มงงละว่าจะไปอยู่ส่วนไหนของเรื่องราว สรุปเลยว่ายิ่งกว่าโคตรมึน โคตรหัวจะปวด
.
กระนั้นแล้ว นั่นยังไม่ใช่ส่วนที่อาการหนักที่สุดของหนัง
เพราะสิ่งที่โคม่าสุดๆในการดูเลยก็คือ
ซับไตเติ้ล oh yes!! Thai Subtitle!!!
.
คือระหว่างดูไปยังคิดว่า นี่เอามือแปลหรือใช้ตีนแปล?
ทำไมแปลได้เหี้ยหยังเขียดขนาดนี้?
ห่วยจนเรียกได้ว่าใช้google translateยังดีซะกว่า
ห่วยจนเราต้องหันไปพึ่งEng Sub ซึ่งก็นะ
เจอซับไทยดึงสายตาให้ไปทนอ่านได้อีก
.
สิ่งที่บอกได้แน่ๆคือ นี่น่าจะเป็นงานซับไทยที่แย่ในระดับเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีของการดูหนังโรง ไม่รู้ว่าค่ายผู้จัดจำหน่ายอนุมัติให้ออกฉายได้ยังไง คือแย่เลเวลอยากเต้นส่ายหัวแบบพี่อินเดียเลย (แต่คงไม่เต้นให้ดูจริงๆหรอกนะ โทดที)
.
.
.
แต่หนังก็ยังมีข้อดีของมันบ้างเหมือนกัน
นอกจากที่เป็นหนังรวมดาวนักแสดงดังๆ
เช่นนางเอกคังคุไบ และสามีของนาง
หนังก็มีนักแสดงรุ่นใหญ่อีกหลายคนมาร่วมในจอ
ในแบบที่เป็นผู้มีพลังวิเศษ ซึ่งใครรอดูดาราเหล่านี้ในลุคนี้อยู่ ก็ไม่ควรพลาด
.
แต่อีกจุดที่ประทับใจของเราคือ
เพลงในหนังเพราะดี โดยเฉพาะเพลงประจำตัวศิวะ
ตัวละครนำของเรื่อง ดูเป็นธีมจำ เพราะ และยิ่งใหญ่มากๆ
.
เสียดายว่าหนังไม่ลงตัวเท่าที่ควร
ค่อนข้างองค์ใหญ่และเลอะเทอะ
ก็คิดหนักเหมือนกันว่าถ้าภาคต่อไปมาฉาย
จะยังไปดูดีไหม?