ไปดูมาเล่า : The Last 10 Years
ไปดูมาเล่า : The Last 10 Years
ว่าจะไม่ แต่อดไม่ได้จริง ๆ กับหนังเรื่องนี้ มีความรู้สึกว่าแนวทางการดำเนินเรื่องของญี่ปุ่นเหมาะกับหนังแบบนี้มากกกกกก
slow burn แล้วขยีตอนท้าย, เรื่องนี้ขยี้ขึ้น-ลง ๆ เป็นกราฟหุ้นกันหลายท่วงทีเดียว
เล่าให้ฟังก่อน, ผมตั้งใจจะไปดู top gun จากที่ล่าสุดหลังจาก นิค 'ฟัคกลิ้ง' เคจ ผมดูหนังญี่ปุ่นไปติด ๆ กัน 2 เรื่องคือ (จำชื่อเรื่องไม่ เดี๋ยว google แล้วมาแก้ให้) เรื่องแรกที่สาว y ตกหลุมรักหนุ่มเกย์ ก็ OK ในระดับนึงแต่ก็ไม่อะไรมาก
อีกเรื่องคือ หนังคัลท์+เสียดสีวงการการเมืองอย่าง What to Do with the Dead Kaiju หรือ ซากนรกไคจู ที่มีดีเพียงอย่างเดียวคือ น้องเต๋า (ทาโอะ) ที่เล่น Alice in borderland (ผมไม่ชอบแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแหว่ะนะ)
พอไปจะกดหน้าตู้จ่ายตั๋วเจอหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ the Last 10 Years เอ๊า ตกสำรวจเรื่องนี้ไปได้ไง ทำไมเพิ่งเห็น งั้น top gun รอไปก่อน คนน้อย ๆ ซา ๆ แล้วค่อยมาดู (เพิ่งรู้ว่าเป็นรอบฉายก่อน ฉายจริง มีรอบเดียวคือ 2 ทุ่ม)
------------------------------------------------------------------
เข้าเรื่องเลย
ตามพล๊อตคือ นางเอกของเรา เป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย (เกี่ยวกับปอด) แพทย์ประเมินไว้ว่าอยู่ได้ไม่เกิน 10 ปี, ทำอะไรมากก็ไม่ได้ ออกกำลังกายไม่ได้ ตกใจเสียใจมากก็วูบ ใช้ชีวิตแบบ play safe กับครอบครัวมาตลอด ตั้งแต่ยังไม่จบ ม. ปลาย (หรือ มหาลัยหว่า, ม.ปลายแหล่ะ)
แล้วก็มาเจอกับพระเอกเป็นเพื่อนสมัย ม.ต้น ที่จำกันไม่ได้ด้วยซ้ำในนัดเลี้ยงรุ่น มีการเปิด time capsule สมัยนั้นออกมาอ่านกันด้วย แล้วก็พบว่า พระเอกของเรามันชีวิตกำลังดิ่งลงเหว
ก็ให้กำลังใจกันไป
ตัวหนังมีหดหู่เยอะมาก ตามสไตล์ของหนังแนวนี้ แต่สิ่งที่ผู้กำกับ หรือคนตัดต่อพยายามหักคอคนดูคือ ถึงตัวหนังมันจะเศร้าแค่ไหน ดนตรีประกอบ ก็ยังเป็นแนวโคตรให้ความหวังตลอดทั้งเรื่อง
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือฟลุ๊ก ซึ่งผมถือว่า ok มาก ๆ มันเหมือนดนตรีเหล่านั้นคือตัวแทนของนางเอกที่กำลังจะตาย แต่ความหวังก็ยังเต็มสูบ
จนคำนึงที่นางเอกพูดออกมาแบบสะเทือนซางกับคนรอบข้างว่า
"ไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วใครน่าสงสารกันแน่"
ระหว่างคนกำลังจะตาย กับคนรอบข้างคนกำลังจะตาย
... เอาแค่นี้พอ เดี๋ยวยาว จริง ๆ รูปแบบหนังมันเดาไม่ยากหรอก pattern เดิม ๆ ของหนังแนวนี้แหล่ะ แต่ตลอดเวลา 2 ชั่วโมง ผมนั่งดูแบบไม่เบื่อเลยกับหนังหดหู่แบบนี้ อย่างที่บอก กราฟมันขึ้น ๆ ลง ๆ หดหู่ มีความหวัง, หดหู่ มีความหวัง
กำลังจะหมดหวัง ตัวนางเอกเองนี่แหล่ะเป้นคนทำให้มีความหวังขึ้นมา
สำหรับหนังตีกราฟมากำลังดี ไม่บิ้วจนรู้สึกมืดมนเกินไป มีรอยยิ้มจากกำลังใจมาเป็นระยะ ๆ และตอนจบก็ไม่ได้เกินความคาดหมายใด ๆ
ปล. ผมชอบฉากที่นางเอกกินพิซซ่าทั้งน้ำตา ยัดทุกอย่างเข้าปากเพื่อประชดชีวิต หลังจากโดนคนรอบข้างที่พยายามหาทางช่วยให้กำลังใจแต่กลับกลายเป็นการตอกย้ำโดยไม่รู้ตัว
... ฉากนี้โคตรสะเทือนใจ
ตั้งแต่เอาหนังมาเล่าให้ฟังกัน ผมไม่อยากแนะนำให้ไปดูเรื่องไหนมากเท่าเรื่องนี้เลย
ไปดูกันครับ ไปดู ไปดู (กำลังสะกดจิต)