นอกเหนือจากผู้จัดการทีม แผนการเล่น และนักเตะ ผมมองว่า
การบริหารสัญญานักเตะเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกกับแมนยูมาช้านาน

ซึ่งวันนี้ผมขอเสนอแง่มุมปัญหาที่เกิดจากการบริหารสัญญาที่ไม่ดีของแมนยู
และขาดการจัดการตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา(หนึ่งในปัญหาที่รังนิคกล่าวถึง)
และส่งผลทำให้การจัดการสัญญานักเตะใหม่เป็นไปได้ยาก เพราะเพดานจ้างสูงเกินไป

จากข้อมูลต่างๆ ที่ผมหาเจอ จะขออสรุปเป็นข้อสังเกตใหญ่ๆ 3 ข้อ ครับ

1.ดึงดูดนักเตะระดับ TOP โดยการให้สัญญามูลค่าสูง
(ซึ่งสัญญาไม่ได้เน้นการให้เงินจากการันตีผลงาน แต่เน้นที่ฐานเงินเดือน)
ลองเทียบลิเวอร์พูล และ แมนซิ จะเห็นได้ว่าเราจัดการตรงนี้ได้แย่กว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
ซึ่งทีมอื่นบริหารสัญญาได้เหมาะสมตามความสามารถของนักเตะ

แมนยู


ลิเวอร์พูล


แมนซิ


2. ลงทุนกับนักเตะที่อยู่ในช่วงท้ายของการค้าแข็งและนักเตะที่ยังพัฒนาอยู่
มากเกินไป

แมนยู จ่ายค่าจ้างให้นักเตะในกลุ่ม declining(ขาลง) และกลุ่ม Developing(กำลังพัฒนา)
สูงเป็น Top 5 ของลีค ได้แก่ Cavani, Rashford และ Sancho
โดยไม่ได้ให้เงินเป็นลำดับขั้นตามที่ควรจะเป็น หรือมีการกำหนด Wage Structure ให้ชัดเจนก่อน

ซึ่งถ้ามองในเชิงจิตวิทยาผมว่าการให้เงินขนาดนี้ส่งผลให้คนกลุ่มนี้เป็น Deadwood ได้โดยง่าย
เพราะไม่จำเป็นต้องเล่นจริงจังก็มีเงินเหลือกินเหลือใช้ เช่นที่มีให้เห็นอย่าง Bale เป็นต้น
บางครั้งถ้าผมมองว่าถ้าค่าจ้างสูงเกินไปก็ควรจะปล่อยทิ้งออกไปและหานักเตะใหม่มาทดแทน เช่น
Coutinho Hazard ที่ทีมยอมปล่อยและหาตัวแทน แทนที่จะรั้งไว้




3. สัญญาของนักเตะแมนยูมีมูลค่าร่วม 200 ล้านปอนด์ต่อปี
ซึ่งมากกว่าทีม Top อื่นๆ กว่า 70 ล้านหรือมากกว่าทีมอื่นราว 50-60%

แมนยู :208 ล้าน


ลิเวอร์พูล :134 ล้าน


แมนซิ :140 ล้าน


ท้ายนี้ส่วนตัวผมคงได้แต่คาดหวังว่าการที่รังนิคที่จะปรับไปเป็นที่ปรึกษา และ เทน ฮาก ที่กำลังเข้ามา
จริงจังกับการจัดการปัญหาเหล่านี้ซึ่งมันคงไม่ได้เป็นเรื่องง่ายและจัดการได้ภายใน 2-3 ปีครับ
และเราคงต้องให้เวลากับแมนยูของเราจริงๆครับ

อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.spotrac.com/epl
https://twitter.com/TheDevilsDNA/status/1498274282626969608/photo/1


หมายเหตุ: อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมจากที่ดูแมนยูมานานกว่า 25 ปี และจากที่อ่านในเวปต่างๆ ถ้าให้ข้อมูลที่ผิดตรงไหน หรือไม่เห็นด้วยสามารถแย้ง ถก หรือเสนอแนะได้เลยครับ

อย่างซานโช่นี่ตกใจมากเลยนะให้ค่าเหนื่อยเพิ่มสามเท่ากว่า อยู่ดอรทมุนรับแสนนึง ย้ายมารับสามแสนห้า คือตอนนั้นก็ไม่ได้มีข่าวแย่งกับทีมไหนมากเลยนะ ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องทุ่มค่าเหนื่อยขนาดนั้น


https://www.thesun.co.uk/sport/football/15415847/jadon-sancho-man-utd-wages-transfer/#:~:text=Sancho%20will%20pen%20a%20five,in%20Ole%20Gunnar%20Solskjaer's%20squad.

นักเตะทุกคนที่ให้ค่าเหนื่อยเกิน 150k จะขายไม่ออกปล่อยไม่ได้ สุดท้ายปล่อยหมดสัญญาย้ายฟรีหมดคอยดู
ซานโช่จะขายใครเค้าจะเอาค่าเหนื่อย 350k แมนยูจะต่อสัญญามันก็เรียกไม่ต่ำกว่า 350k อยู่ล่ะ

เดี๋ยวก็ปลดไปได้เยอะแล้วล่ะ

แต่ตัวใหม่ๆเข้ามาคงไม่ได้ระดับนี้ละ

ไอที่ยังอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องปล่อยไป

คาวานี่+มาต้า+ดีน แมร่งอาทิตย์ละครึ่งล้าน ทั้งฤดูกาลลงรวมกันกี่นัดวะ

ผมว่าแมนยูไม่ได้ผิดอะไร..

มันคือการเพิ่มฐานค่าเหนื่อยตั้งแต่อดีตในช่วงที่ทีมยิ่งใหญ่
ตั้งแต่คีนแสนปอนด์ มาเป็นรูนี่ย์สามแสน ก็เหมือนบาร์ซ่า มาดริดที่ให้กันสี่ห้าแสนเนื่องจากบริษัทมันยิ่งใหญ่ขึ้น

ทีนี้มันก็เอาลงยากแล้ว เพราะฐานมันสูงไปแล้ว ถ้าจะทำก็ได้แต่ดึงดาวรุ่งมายกทีมเพื่อ reset ค่าแรงให้ต่ำแล้วเริ่มใหม่

แต่ผมไม่เห็นทีมใหญ่ๆคิดแบบนี้นะ ยกเว้นบาร์ซ่าตอนถังแตก แต่พอมีเงินก็กลับมามีแผนดึงสตาร์ต่อ อย่างแมนซิ เชลซี ต่อให้ล้มเหลวกับกรีลิช ลูกากู เขาก็จะหาสตาร์ค่าเหนื่อยสี่แสนมาใหม่เพื่อพัฒนาทีม ถ้าแมนยูยังอยากเป็นทีมใหญ่ก็ต้องคิดแบบนี้ เพียงแค่หาโค้ชที่สามารถปรุงสตาร์ที่มีให้เล่นดี ซึ่งแมนยูยังไม่ได้ทำ

อาจจะต้องตอบว่า หาได้มาก ก็ย่อมใช้มาก เราต้องคิดเรื่อง wage per revenue ratio

เรื่อง wage per revenue ratio มันสำคัญอย่างไร ? ก็เป็นเรื่องของการต่อรอง อย่างที่รู้ว่าสมัยก่อนเคยเกิดการต่อสู้เรื่องค่าแรงกับเจ้าของทีมมาแล้วในอดีต .... คือการจับกลุ่มกันต่อรองย่อมเกิดขึ้นและยากจะควบคุมเพราะไม่เพียงแต่นักเตะเป็นคนตัดสินแต่เอเย่นนักเตะทั้งทีมแมนยูคงเห็นอยู่แล้วว่าพวกเขา "ขอได้"

ส่วนตัวคิดว่า ค่าเหนื่อยที่แมนยูจ่ายได้ คือข้อได้เปรียบทีมอื่นๆ มันไม่ต้องใส่ใจเรื่องจ่ายมากกว่าผลงานห่วยกว่าหรอก เสียงวิจาร์ณมันมีรอบด้าน ดูอย่างทีมนายอำเภอคว่ำทีมมาดริดซิ ตอนนั้นโดนล้อเยอะเหมือนกัน

สิ่งสำคัญคือพวกเขาจะใช้ประโยช์นจากข้อได้เปรียบเหล่านี้ยังไงมากกว่า คงต้องพูดว่าแมนยูควรเติมความเคี้ยว และกฏหยิบย่อยที่เกี่ยวกับฟุตบอลให้มาก ในเมื่อคุณจ่ายได้มากคุณย่อมควบคุมได้มากกว่า

bat man ไม่ได้มีพลังพิเศษ แต่เขารวย และเขาใช้ความรวยเป็นอาวุธ

ก็หมดฤดูกาลนี้ออกจากทีมไปเยอะอยู่นะ ที่อยู่ต่อแน่ๆก็ Sancho, DDG, Varane, Bruno, Shaw, Fred, Lindelof แค่นี้เองนะ ส่วนที่เหลือคงคิดอีกทีอะพวก CR7, Rashford, McGuire

ยุคไอ้โอเล่เลยตัวทำเพดานพังระเนระนาด โละ deadwood ได้เอาค่าเหนื่อย deadwood ที่โละไปมาประเคนให้ไอ้พวกเด็กที่ฟอร์มกะเลวกะลาดไม่แน่ไม่นอน …สรุปไม่ได้ฉลาดไรกว่าเดิมเท่าไหร่ รวมถึงบอร์ดจั้ดง่าวด้วย

ตอนโอเล่อยู่อวยกันยับว่าแก้ปัญหาค่าเหนื่อย โละ เดดวู้ด ยอมลดขนาดทีม

ตอนแรกผมก็เออออห่อหมกว่าจริง แกแก้จริง แต่สุดท้ายเอามาประเคน ให้เสี่ยคนใหม่ๆ แทน

สุดท้ายเป็นไง วนลูปเดิม สรุปโอเล่แก้ไขอะไรได้บ้าง ตามที่อวย

ต้องเอารายรับมาหักล้าง ถ้ายืน ที่ตัวเงิน การเงินบวก กำลังซื้อก็มากกว่าทีมอื่นๆ อยู่ดี

จ้างแพงไม่ว่า แต่ผลงานมันไม่ได้แมนยูจ่ายระดับ PSG, Madrid ได้แต่ผลงานสวนทาง
แต่เอาจริงๆ ถ้าเอา psg มาพรีเมียร์ลีคสภาพก็คงเหมือนแมนยู

เห็นด้วยเลยครับ ส่วนนึงก็ต้องดันนักเตะดาวรุ่งเพิ่มมากขึ้น ผมว่าการมี Star ดีครับ แต่ต้องให้เด็กๆได้เรียนรู้กับคนๆนั้นด้วยจะได้ Win Win ขึ้นไปอีก

เห็นด้วยเช่นกันครับ อยากให้มองพวก wage per performance เพิ่มด้วยจะได้มิติอื่นๆ มาช่วยปรับปรุง ซึ่งผมว่าพวกนี้ แมนยูเริ่มใส่ใจมากขึ้นหลังจากมีทีม Data scientist ในแมนยู คงต้องมาลุ้นว่าทีมเรานี้จะชี้ให้
ผู้จัดการทีม หรือบอร์ดสนใจผลดี ผลเสียมากน้อยได้แค่ไหน

อะไหล่สำรองที่ไม่ได้ใช้ รายได้เทียบเท่ากับตัวจริงของพวก top 4 ผมว่าแค่นี้มันก็มีปัญหาแล้วครับ

ไม่แปลกใจหรอกที่มันจะขายนักเตะยาก รวมไปถึงคนอื่นจะมายืมก็ยากเช่นกัน

ผมเข้าใจแหละว่าหาเงินมาได้เยอะ รายได้ทีมเยอะ แต่ผมว่าเพดานค่าเหนื่อยมันควรจะเหมาะสมกับฝีเท้านะ

ไม่ใช่เหมาะสมกับรายได้ทีม ตรงนี้ต่างหากที่เป็นจุดผิดพลาดมากๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ผมขอถามหน่อย มาโล๊ะ deadwood ออกยังไง ให้มี deadwood มากกว่าเดิม อันนี้ผมว่ามันเข้าขั้นบริหารแย่แล้วครับ

ในเมื่อเจอปัญหาแล้วไม่แก้ เน้นซุกไว้ใต้พรม วันนึงมันระเบิดออกมาก็แบบนี้แหละครับ ไม่สามารถแก้ได้ในทันทีทันใด

และอย่าคาดหวังความสำเร็จในเร็ววันนี้เลยครับ