●รถคันนี้ยังเป็นต้นแบบอยู่ในช่วงพัฒนาอยู่นะครับ
แต่เทสมาแล้วถือว่าน่าพึงพอใจเลย
ถ้าผมมีตังค์ซื้อ คันนี้คงขับได้เป็นเดือนอ่ะ 55
ชาร์จเดือนละครั้ง โคตรคุ้ม


▷ Mercedes "Vision EQXX" รถสปอร์ตขับระยะไกล สามารถขับได้ไกล 1,000 กิโลเมตร
หรือ 621 ไมล์ ต่อการชาร์จไฟจนเต็ม 1 ครั้ง
ล่าสุดตัวรถได้ถูกทดสอบสำหรับขับข้ามพรมแดนของยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

▷ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของ Mercedes "Vision EQXX" ตัวต้นแบบ
ถูกพัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้าน F1 โดยนำระบบส่งกำลัง
ของ Mercedes AMG High Performance Powertrains มาเป็นต้นแบบ

▷ ตัวรถมีกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ (241 แรงม้า)
สามารถส่งพลังงานจากแบตเตอรี่ไปยังล้อได้มากถึง 95%

▷ ตัวรถมีแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh มันสามารถให้พลังงานได้เทียบเท่ากับรถ EQS
แต่มีน้ำหนักเบากว่า 30% โดยหนัก 495 กก. (1,091 ปอนด์)
และมีขนาด 200 x 126 x 11 ซม. (78 x 49 x 4 นิ้ว)
แปลว่ามันใช้พื้นที่เพียงครึ่งเดียวของแบต EQS นั่นเอง

▷ ตัวรถเริ่มทดสอบเดินทางจากถนนในยุโรปจากศูนย์ R&D ของ Mercedes 'Sindelfingen
ใกล้เมืองชตุทท์การ์ท ในประเทศเยอรมนี ในการทดสอบ ตัววิศวกรได้ทำการปิดผนึกช่องชาร์จของตัวรถ
และทำการเชิญผู้สังเกตการณ์อิสระจากหน่วยรับรอง TÜV Süd มานั่งเบาะผู้โดยสาร
ตัวรถเริ่มทดสอบด้วยความเร็วสูงสุดก่อน โดยขับไปด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตร/ ชั่วโมง (87 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ระหว่างทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์

▷ ตัวรถมีแผงโซล่าเซลล์ 177 แผง ติดอยู่บนหลังคาของตัวรถ มันเชื่อมเข้ากับแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์
ที่แยกออกมาต่างหาก ใช้สำหรับจ่ายไฟให้กับระบบเสริม ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดภาระบางส่วนออกจากตัวแบตเตอรีหลักของตัวรถ
ทาง Mercedes ประเมินว่าด้วยระบบดังกล่าว จะช่วยเพิ่มระยะทางให้รถเพิ่มขึ้นอีก 25 กิโลเมตร หรือประมาณ 15.5 ไมล์

▷ จากการทดสอบล่าสุด ตัวรถชาร์จเต็มสามารถขับได้ต่อเนื่องนานถึง 12 ชั่วโมง
เป็นระยะทางกว่า 1,008 กม. (626 ไมล์) โดยไม่มีการชาร์จระหว่างทางแต่อย่างใด
ทาง Mercedes เผยว่าเมื่อสิ้นสุดการทดสอบ ตัวรถยังเหลือพลังงานอีกถึง 15%
แปลว่าตัวรถจะยังสามารถวิ่งได้อีกมากถึง 140 กิโลเมตร (87 ไมล์)

▷ ใช้ความเร็วโดยเฉลี่ย 87.4 กิโลเมตร/ ชั่วโมง (54 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ใช้ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
กินไฟเพียง 8.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง(kWh)/ 100 กิโลเมตร เท่านั้น

▷ อุณหภูมิระหว่างการเดินทางอยู่ระหว่าง 3 ถึง 18 °C (37.4 - 64.4 °F)
สภาพอากาศโดยรอบมีการเปลี่ยนจากฝนปรอยๆ มาเป็นมีแดดจ้า


VISION EQXX: the trip log in figures

Start : Sindelfingen, April 5th, 2022, 7:00 a.m.

Arrival : Cassis, April 5th, 2022, 7:02 p.m.

Travel route : Sindelfingen, Gotthard Tunnel, Milan, Cassis

Driving distance : 1,008 kilometres

Total travel time/movement : 12 hours and 2 minutes/11 hours and 32 minutes

Average speed : 87.4 km/h

Maximum speed on motorway : 140 km/h

Average consumption : 8.7 kWh per 100 km

Battery charge level on arrival (SoC) : around 15%

Remaining range on arrival : around 140 km

เห็นข่าวในงานช่วงต้นปี ผมว้าวกับตัวนี้มากกว่ารถที่เปลี่ยนสีได้นั่นอีก

เห็นการพัฒนาของรถไฟฟ้าแบบนี้แล้ว รออีก 10 ปีค่อยซื้อดีกว่ามั้ง
ตอนนั้นคงเกลื่อน + ระยะทางจุกๆ จะรอดูราคาซ่อมบำรุงมือสองค่ายยุโรปด้วย ถ้าราคาดีก็น่าจัดมือสอง

ถ้าจอดเฉยๆ แบตจะลดเยอะมั้ยอะครับ

ไม่แปลกคับ อันนั้นมันเป็นแค่เทคด้านสี
แต่คันนี้คือออกแบบทั้งคัน
เป็น Concept ที่ Design มาคำนึงถึงด้านประสิทธภาพเป็นส่วนใหญ่
+technology แบบจัดเต็ม

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
แต่หลังคาแกมีโซล่า แบตอาจจะเพิ่มแทน55

Cd 0.17 กับน้ำหนักรถ 500 กิโล (edit อันนี้น้ำหนักแบตฮะ ขออภัย)
เอามาผลิตเป็น Production Car น่าจะยากมาก
เพราะทั้งความสะดวก เก็บเสียง ความทนทานน่าจะหายไปมาก รวมทั้งเรื่องราคา และกลุ่มเป้าหมายด้วย

อีกอย่าง 1000 กิโล อย่างที่หลายๆ คนบอก มันเกินความจำเป็นมาก

เหมือนช่วงแรกที่โทรศัพท์แข่งกันที่แบตใหญ่ อยู่ได้หลายวัน
ตอนนี้อยู่ได้ถึงตอนกลับบ้าน ชาร์จ 1 ชั่วโมงเต็ม ไม่มีใครบ่นอะไรแล้ว

รถไฟฟ้าก็คงมาทรงนี้ ถ้าสับแบต หรือชาร์จ 60% (20% ถึง 80%) ได้ในเวลา 10 นาที
ก็คงไม่มีคนบ่นอีกต่อไป แม้จะใส่แบตมาครึ่งเดียวแค่ 40-50 kW

ซึ่งคิดความเร็วคร่าวๆ ก็ประมาณตู้ชาร์จ 180-200 kW นั่นแหละ

สิ่งที่ยากไม่ใช่การวิ่งได้ไกลแค่ไหน แต่มันคือ ราคา

จริงครับ รอดูเทคตัวหัวเหว่ยน่าจะตอบโจทย์ตามที่ท่านว่า


HUAWEI พัฒนาเทคโนโลยีชาร์จรถEV
ชาร์จ 5 นาที วิ่งได้ 200 กิโลเมตร อาจพร้อมใช้งานในปี 2025

https://www.flashfly.net/wp/385602

ปกติแล้ว EV จะใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ประมาณ 20 ถึง 40 นาที ขึ้นอยู่กับพลังงานที่หลือของแบตเตอรี่ แต่โซลูชันการชาร์จ EV ของ HUAWEI จะใช้เวลาเพียง 5 นาที ถึงแม้จะไม่ได้ชาร์จให้เต็ม 100% แต่ก็เพียงพอทำให้ EV วิ่งได้ไกลถึง 200 กิโลเมตร

โซลูชันการชาร์จไฟฟ้าแรงสูง 1000V 600kW จาก HUAWEI จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ EV จากระดับ 30% ถึง 80% ภายใน 5 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาพอๆ กับการเติมน้ำมันถัง โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวสู่ตลาดภายในปี 2025

แก้ไข ท่านน่าจะเข้าใจผิดเรื่องน้ำหนักตัวรถครับ
อันนั้นเป็นน้ำหนักแบต
ตัวรถหนัก
Unladen vehicle weight 1,755 kg
แสดงว่ามันpracticalอยู่นะ

ผมเคยมีความคิดแบบที่ว่าจะมีแบตใหญ่ๆ หรือวิ่งได้เยอะๆไปทำไม ในเมื่อเราจอดพักทุกๆ 200-300กม อยู่แล้ว จนได้ไปเจอเพจนึงเค้าบอกว่า ที่ต้องการมีแบตเยอะๆ วิ่งได้ไกลๆ เพราะขี้เกียจไปชาร์จข้างนอก เช่นไปกลับ กทม - หัวหิน ก็ไม่ต้องห่วง เรื่องการชาร์จ ไปเที่ยวเสร็จก็กลับมาชาร์จที่บ้าน หรือกทม - ชม. ไปชาร์จที่ปลายทางที่เดียว เรื่องแวะพักก็พักไป ผมก็เออว่ะ ความคิดเปลี่ยนเลยทีเดียว

ไม่เถียงครับ เพราะคนมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน
บางคนเป็นเซล ขับวันละ 500 กิโล สองปีก็เป็นแสนโลแล้ว
แต่ว่าจำนวนคนที่ต้องการแบบนี้มีกี่คน

แล้วที่รถส่วนใหญ่ไม่ไป 100kW กันมันมีเหตุผลนะครับ
เวลาเค้า Research เค้าไม่ได้ Research แต่ Range นะครับ
เค้าใช้เป็น Excess Range คือเอาน้ำหนักกับปริมาตรไปคิดด้วย

ยังไม่รวมว่าแบตที่ใหญ่ขึ้นจะไปกินพื้นที่ห้องโดยสาร
กับทำให้ Aeroshape ของรถเปลี่ยน ทำให้ Cd เพิ่มขึ้นอีก

แบตใหญ่ไปก็แบกน้ำหนักเปล่าๆ จาก kW ละ 7 กิโลเมตร ก็อาจจะเหลือแค่ 5
กลายเป็น 50kW วิ่งได้ 350 โล ส่วน 100kW วิ่งได้ 500 โล

ซึ่งไอ 50kW ลูกละ 2 แสน กับ 100kW ลูกละ 4 แสน
การตลาดก็ต้องเทียบอีกว่าต้นทุน 2 แสนที่เพิ่มมา มันไปบวกราคารถ จะมีคนซื้อมั้ยอีกฮะ

เพราะฉะนั้น แบตลูกเล็กแบบพอใช้ กับตู้ชาร์จเร็วที่มีมากกว่าปั้มน้ำมัน น่าจะเป็นคำตอบมากกว่า

ความเร็วสูงสุด 140 km ถ้าทำขายจริง นึกคอมเม้นในเฟสบุคออกเลยต้องบ่นว่าช้าไม่ซื้อหรอกเพียบ

ใช้บนมอเตอร์เวย์ครับ จริงๆมันไปได้เร็วกว่านั้นอยู่เเล้ว

อันนี้ผมเห็นด้วยนะ แบตที่จะเป็น meta ของอนาคตผมก็มองว่าจะเป็นแบตที่วิ่งไม่ต้องไกลมาก เต็มๆ ได้ซัก 4-500 km. แต่ชาร์จเร็ว 5 นาทีเต็มมากกว่า ถ้าสามารถทำรถไฟฟ้าให้ชาร์จได้เร็วเท่ารถน้ำมัน+จุดชาร์จมีเยอะพอ ผมว่ามาแทนรถไฟฟ้าได้ไม่ยากละ