.
.

ฟังรีวิวเต็มๆได้ในคลิป
.
.
Harry Potter and the Chamber of Secrets (A++++++++)
ดูอีกครั้งในรอบหลายปี ดูครั้งแรกในโรงในรอบ20ปี
เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆที่ได้ดูเรื่องนี้ในโรงอีกครั้ง
ถึงจะมีแอบลุกไปห้องน้ำจนสะดุดล้มขาพลิกข้อเท้าบิดในโรง
ก็นะ อันนั้นเวรมาก ซวยที่เรา แต่จะมาบูดใส่หนังไม่ได้
.
ขอมาเขียนถึงสักนิด
.
.
นี่คือหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่สมบูรณ์แบบครบถ้วนอย่างที่ควรเป็นราวกับถอดมาจากหนังสือ ทั้งภาคแรกและภาคสอง ควรยกขึ้นหิ้งด้วยประการทั้งปวง ทุกอย่างดูคลาสลิคไปหมด รู้สึกเหมือนได้ย้อนวัยไปในช่วงสมัยเราเด็กๆ เพราะเจนเรา ส่วนใหญ่ก็โตมาพร้อมแฮร์รี่แหละ ดังนั้นทั้งภาคแรกและภาคสองนี่ แค่ได้ดูในโรงอีกก็น้ำตารื้นแล้ว แต่ภาคนี้ฉากจบก็ยังตราตรึงจนทำให้เราน้ำตาไหลพรากได้เช่นเคยไม่ต่างจากสมัยเด็ก
.
.
ยังเอนจอยกับมันไม่มีเปลี่ยน มีทุกอย่างที่จะทำให้เราคิดถึงความเป็นจักรวาลแฮร์รี่หรือผู้วิเศษได้จริงๆ ใครที่คิดถึงแฮร์รี่หรือโลกเวทมนต์ ไม่อยากให้พลาดจริงๆ ดูบนจอไอแมกซ์แล้วฟินมากๆ ดูวันธรรมดาตอนบ่ายคนไม่ค่อยเยอะด้วย ไม่ต้องกลัวโควิดหรอก ตอนนี้กลัวข้อเท้าจะอักเสบมากกว่า 55
.
.
และต่อจากนี้จะเป็นความเห็นส่วนตัว ย้ำว่าส่วนตัวของเราคนเดียว สำหรับการดูรอบนี้ของเรา
.
.

.
1. สำหรับเราภาค 1,2,4 คือภาคที่ยกขึ้นหิ้งในดวงใจไปเลย
ขณะที่ 7.2 อาจให้คะแนนในแง่บทสรุปของเรื่องราว
.
2. คริส โคลอมบัส คือผู้กำกับที่ให้กำเนิดทั้งจักรวาลหนังแฮร์รี่ และยังเป็นผู้กำกับที่ซื่อสัตย์ต่อบทประพันธ์ที่สุด และเล่าออกมาได้ลงตัวงดงามมากๆ

.
3. เดวิด เยตส์ ผู้เข้ามากำกับหนังตั้งแต่ภาค5 ยันFantastic Beastsภาคล่าสุดหรือตอนที่3 สำหรับเราแกก็พัฒนาขึ้นแหละ จากภาค5ที่รอยแผลเต็มไปหมด แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมสตูดิโอให้แกกำกับนานขนาดนี้ ทั้งที่ฝีไม้ลายมือ ยังห่างไกลจากที่คริส โคลอมบัส, ไมล์ นีเวลล์ หรือแม้แต่ อัลฟองโซ คัวรอน เคยทำได้ คือจนถึงวันนี้เห็นเลยว่าการคุมจังหวะหนังยังอ่อนหัดกว่าสามเซียนที่กล่าวมาข้างต้นอย่างมาก
.
4. ด๊อบบี้โผล่มาบนจอยักษ์ให้ดูอีกครั้ง ดีใจที่ได้เห็นมันคืนชีพอีกที รวมถึงรถเหาะได้ ต้นวิลโลว์จอมหวด ปราสาทฮอกวอตซ์ ดูดีมาก แม้แต่ในตอนกลางคืนก็ดูขลังไปใหญ่

.
5. แมงมุมอาราก๊อกภาคนี้ ดูสมบูรณ์ตัวใหญ่กว่าตอนมันนอนตายแอ้งแม้งโง่ๆในภาคหกมาก ซึ่งไม่เหลือบารมีความเป็นอาราก๊อกแบบในภาคนี้เลย
.
6. บาซิลิสก์ดูน่ากลัวเช่นเคย และพอมาดูวันนี้ ก็พบว่าหนังมันมีความสืบสวนสอบสวนอยู่ประมาณนึงเลยนะ มีทั้งเหยื่อ ทั้งฆาตกรตัวจริง ทั้งผู้สมรู้ร่วมคิด พอมาดูดีๆ มีกลิ่นดาร์คๆสืบสวนทริลเลอร์ใช้ได้นะ ทั้งที่มีหนังแฟนตาซีโลกเวทมนต์
.
7. เอ็มม่า วัตสันภาคนี้กับภาคสี่คือน่ารักที่สุดเลย หลงรัก
.
8. สกอร์ปู่จอห์น วิลเลี่ยมคือโคตรดีเช่นเคย ฟังในโรงคือยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี สมการรอคอยมากๆ
.
9. แฮกริด ไอเลิฟยูทู
.
10. ปู่ริชาร์ด แฮริส กับบทอาจารย์ใหญ่ดัมเบิลดอร์ครั้งสุดท้ายพร้อมกับแว่นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ยังดูมีบารมีมากๆเช่นเคย เสียดายว่าแกไม่มีโอกาสได้แสดงในภาคอื่นหลังจากนี้ นี่คือดัมเบิลดอร์ที่เหมือนกับที่คิดไว้จริงๆ คือสุขุมนุ่มลึกมากบารมี ไม่ได้เกรี้ยวกราดใจร้อนแบบในภาคหลังๆ



.
11. ศ.มักกอลนากัล ไอเลิฟยูทู
.
12. เคนเนธ บราห์นาร์ ในบทศ.กิลเดอรอย ล๊อคฮาร์ต
ยังน่าหมั่นไส้และยังมีสีสันเช่นเคย ไม่ว่าแกจะไปกำกับธอร์ หรือไปเป็นนัดสืบแอร์กูล ปัวโรต์ หรือกำกับหนังชืงออสการ์อย่างBelfast แกก็ยังเป็นล๊อคฮาร์ตเหมือนตอนFirst Impressionอยู่ดี


.
13. สเนปภาคนี้มีความดูน่าหมั่นไส้ แม้ตอนนี้จะรักศ.สเนปแล้ว แต่มาดูภาคนี้ก็อดหมั่นไส้แกไม่ได้ 55
.
14. มัลฟอยทั้งพ่อและลูก like father like son ของแท้



.
15. ขอบคุณภาคนี้ที่มีair timeให้กับมาดอมพรอมฟรีย์ ประจำห้องพยาบาล และมาดามเสปราต์ ผู้มาพร้อมกับต้นเมนเดรก ภาคอื่นเราเห็นบทบาทคนเหล่านี้น้อยลงมาก รวมถึงรูปขยับได้ที่แปะกำแพง หรือแม้แต่ผีประจำบ้าน พอหมดภาคนี้ก็แทบไม่มีบทบาทกันอีกเลย
.
16. ฉากปลอมตัวจากน้ำยาสรรพรสยังน่ารักน่าชังเช่นเคย
มัลฟอยก็น่ารักดี แสบอ่ะ และฉากตอนเปิดห้องแห่งความลับก็ดีงามมาก
.
17. ฉากย้อนอดีตจากบันทึกของทอม ริดเดิ้ลก็ทำไว้โคตรดี
รวมถึงนักแสดงก็มาในบทนี้ได้ดีงามมาก ก่อนที่ภาคสี่จะมีราล์ฟ ไฟน์มารับบทต่อหลังจากนั้นยาวๆไป
.
18. จดหมายกัมปนาท 5555


.
19. ผงฟลูไปตรอกไดแอกอน นิมบัส2001 บันไดเคลื่อนที่
ควิดดิชที่แข่งจนแขนแฮร์รี่หัก เสกสัตว์เลี้ยงให้แปลงร่างเป็นแก้ว ในขณะที่ช่วงกลางๆเรื่องตัวละครบางตัวเริ่มแข็งเป็นหิน ภาคนี้คือเต็มไปด้วยสถานการณ์ต่างๆที่เรียกได้ว่าสนุกทุกฉาก ยันฉากจับพิกซี่ และการได้เห็นความเซเลปบริตี้ดีแต่พูดของล๊อคฮาร์ต ทุกอย่างยังเป็น "ความทรงจำ" ที่ยังคงอยู่ข้างในเราเสมอ และยังรักทุกอย่างหนังส่งออกมา

.
20. ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าภาคนี้มาตอนปี 2545
ปีนี้2565 ผ่านไป 20 ปีแล้ว ไวราวกับโกหก
แต่เรายังรู้สึกว่าตัวเองก็ยังไม่ได้โตไปกว่าตัวละครเหล่านี้ขนาดนั้นหรอก เหมือนได้กลับไปอยู่ฮอกวอตส์ที่เรารู้จักจริงๆ ไม่ใช่แบบในFantasic Beasts ที่แม้ว่าเป็นที่เดียวกัน
แต่ในแง่ความรู้สึก มันต่างกันเยอะเลยแฮะ

หนังเรื่องแรกที่ดูในโรง ดูกับพ่อที่เมเจอร์ รัชโยธิน คิดถึงจังวัยเด็ก

ผมไม่ได้อ่านรายละเอียดในหนังสือนะแต่รู้สึกเคยฟังพี่ที่เล่าบอกว่ามันมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มากน่าจะซอยหนังภาคให้เยอะกว่านี้แล้วทำให้ตรงกับหนังสือที่สุด การประลองเวท กับการ แข่งไม้กวาด น่าทำแบบประลองจริงๆจังๆ จบแบบดีแหละ แต่ผมว่ามันทำให้ดีได้มากกว่านี้เยอะอะ

มีแฮรี่กับเพรชพระอุมานี่แหละที่อ่านกี่ครั้งก็ยังสนุกก

รีวิวเขียนเพลินมากครับ

ผมว่า 1-2 น่ะย่อยมาได้ดีเยี่ยมเลย แต่ส่วนตัว 3 ขึ้นไปผมเฉยๆหมด อย่าง 4 นี่เป็นภาคที่ผมชอบมากเพราะเรื่องมันสนุกแต่ในหนังมันไม่ค่อยเท่าไหร่ ก็เข้าใจได้แหละ จะทำแบบนั้นคงต้องซีรี่ย์เลย ส่วนตัวก็ยังคิดเหมือนเดิมว่า lotr น่าจะเป็นเรื่องเพียงไม่กี่เรื่องที่ย่อยสื่อสารออกมาเป็นหนังได้ดีที่สุด

คิดถึงด๊อบบี้ ตอนอ่านหนังสือภาค 7 ที่โดนมีดปักอก คือแทบร้องอะ

ตอนเด็กโครตชอบ ร้องไห้ให้แม่พาไปดู พอพาไป ดันไม่มีรอบฉาย เลยได้ดู เดอะลอร์ดออฟเดอะริง ภาค2 แทน กลายเป็นแฟนบอยเดอะลอร์ดซะงั้น

ผมชอบ 1 2 ภาค3 ตอนนั้นเด็กๆดูรู้สึกไม่ชอบเลยหม่นมาก จำได้ว่าไม่เคยได้ดูในโรงหนังเลยเพราะจังหวัดที่อยู่ไม่มีโรงหนังเลยต้องอาศัยหนังแผ่นซึ่งไม่ชัดเลยแต่ก็ต้องทำใจเพราะหาได้แค่นั้น5555 ได้มาดูในโรงน่าจะภาค 6 ครั้งแรก 5555 รีวิวได้เพลินสนุกมากครับ