เยอรมันตอนแพ้สงครามโลกครั้งที่1 เจอสนธิสัญญาแวร์ซายเข้าไปเดี้ยงไปเยอะเหมือนกันแต่ในไม่กี่ปีฮิตเลอร์ปลุกให้กลับมาเป็นนาซีจนบุกได้แทบจะทั่วยุโรป จะบอกว่าด้วยกระเเสชาตินิยมหรือคลั่งชาติอย่างเดียวก็ไม่น่าใช่

เพราะเทคโนโลยีหลายอย่างของเยอรมันล้ำหน้ากว่าชาติอื่นช่วงนั้นเยอะอยู่ ถึงขนาดเคยมีสารคดีออกมาว่าช่วงท้ายสงครามนักบินอเมริกาที่บินใบพัดได้เจอกับเครื่องเจ็ทของเยอรมันด้วย เทคโนโลยีหลายอย่างโดนอเมริกา กับโซเวียต(รัสเซีย)เอาไปต่อยอดเเละใช้มาถึงปัจุบัน

ส่วนญี่ปุ่นหลังจากเจอนิวเคลียร์ไป2ลูกและแพ้สงครามภายในไม่กี่ปีพลิกตัวเองจากผู้แพ้สงครามมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมและวัฒนธรรมชั้นแนวหน้าของโลกจนโดนทุบค่าเงินด้วย Plaza Accord จนซึมๆทรงๆมาจนถึงทุกวันนี้แต่ก็ยังเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ3 ของโลกอยู่

เลยอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าอะไรเป็นปัจจัยให้2ชาตินี้ฟื้นตัวได้ทั้งๆที่เคยย่อยยับจากสงครามครับ โดยเฉพาะนาซีผมพยามอ่านเหตุปัจจัยนะแต่ก็ไม่น่าจะฟื้นมาขนาดตบได้เกือบทัวยุโรปขนาดนั้น ถึงจะโหดร้ายก็เถอะเเต่การฟื้นตัวจากการพ่ายแพ้และความตกต่ำจนพงาดได้ไม่กี่ปีก็น่าศึกษา และอีกข้อท่านๆคิดว่าถ้าพี่หนวดจิ๋มแกไม่บุกโซเวียตผลของสงครามจะเปลี่ยนไปใหมและจะจบยังไงครับ

ป.ล เอกลักษณ์ชองนาซีที่ติดตาสำหรับผมคือพวกชุด พวกเครื่องแบบผมยอมรับนะว่าออกแบบมาสวยจริงๆ

เพราะ

1.การแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ของทั้งสองชาตินี้ โดนจำกัดอำนาจการทหารแบบสิ้นเชิง

หมายถึงไม่ต้องเปลืองงบประมาณการทหาร มีเวลามีทุนเอาไปฟื้นฟูประเทศ

2. สองชาตินี้เป็นชาติอุตสาหกรรมอยู่แล้ว มีเทคโนโลยีและทรัพยากรบุคคลเก่งๆที่มาต่อยอด

ยกตัวอย่างเยอรมัน BMW เคยทำเครื่องยนต์เครื่องบินรบ พอจบสงครามก็มาทำรถยนต์

มิตซูบิชิ เคยทำเครื่องบินรบอย่าง"ซีโร่" จบสงครามบริษัทโดนย่อยเป็นหลายๆส่วน ต่างส่วนก็ทำสินค้าตัวเองออกมาเช่น

มิตซูบิชิอีเล็คทริค เริ่มทำพัดลมก่อน ก่อนที่จะเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอีเล็คทริคของญี่ปุ่น

ฝ่ายยานยนต์ที่เคยทำรถถังก็มาทำรถยนต์/ฝ่ายทำเรือรบก็มาทำเรือขนส่งน้ำมันและสินค้า

อ่อ ตอนนี้มิตซูกลับมาทำเครื่องบินรบและเรือรบแล้ว

Mitsubishi F-2และ F-3



เรือรบจาก บ.มิตซูบิชิ เอฟวี่ อินดรัสทรี่



แปลกนะ เรื่องรถยนต์ ชาติที่ชนะสงครามโลกอย่าง อเมริกา/อังกฤษ/ฝรั่งเศส/รัสเซีย ดันทำรถยนต์สู้ 3 ชาติที่แพ้ไม่ได้ (เยอรมัน/อิตาลี/ญี่ปุ่น)

เมกา ช่วยญี่ปุ่น

2 ชาตินั้นเจริญก่อนจะแพ้สงครามมานานแล้วครับ โดยเฉพาะเยอรมันที่เป็นมหาอำนาจในยุโรปมาตลอด

จึงไม่แปลกที่หลังสงครามจะฟื้นตัว และกลับมาพัฒนาได้รวดเร็ว

ส่วนฮิตเลอร์ถึงไม่บุกโซเวียตตอนนั้นยังไงก็แพ้อยู่ดีครับ ตราบใดที่ยังเอาอังกฤษไม่ลง อย่างดีก็ยืดเวลาไปอีก 1-2 ปี

ทางเดียวที่เยอรมันจะไม่แพ้ คือยึดอังกฤษให้ได้ และกันเมกาไม่ให้เข้าร่วมสงคราม

2 ชาตินี้ เจริญเป็นต้นๆของทั้งยุโรปและเอเชียอยู๋แล้วล่ะครับ

อย่างญี่ปุ่นมีความรู้มากเพียงพอกับอุตสหกรรมเทียบเท่าหรือใกล้เคียงยุโรปเมกาได้เลย ในช่วงเวลานั้นๆ พอสิ้นสงครามความรู้พวกนี้ัมันไม่ได้หายไปไหนครับมันแค่แปรไปเป็นของอย่างอื่นอย่างรถ เครือ่งใช้ไฟฟ้า และเมกาก็ดันด้วยทำให้เติบโตได้ขนาดนี้ ส่วนเยอรมันก็ยับหลังสงครามโลกก็จริง หลังกำแพงเบอลินพังก็ต้องมาฟื้นฝั่งตะวันออกอีก ก็ลำบากแต่ด้วยเทคโนโลยีที่เป้นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกเช่นกัน ก็ยืนหยัดมาได้ไว รถยนต์ นึกชื่อดังๆต้นๆของเยอรมัน ญี่ปุ่นหมดครับ

อังกฤษยังไงก็ยึดยากครับ อังกฤษเป็นเกาะ ทำได้แค่ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดกับส่งเรืออูไปตัดเรือส่งสินค้า เพราะเทคโนโลยีอังกฤษเองก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับเยอรมัน

ความอดทน บวก ความมีระเบียบวินัย บวก ความเข้าใจและยอมรับต่อสถานะของตัวเอง หลังจากการภายแพ้ต่อสงคราม

จริงๆ อังกฤษมีโอกาสแพ้สูงมากๆไปแล้วนะครับ

หน่วยข่าวกรองอังกฤษ ยังเคยพูดเลย ในสารคดี WW2 บอกว่าจริงๆอังกฤษมีโอกาสแพ้สูง

ในการโจมตีครั้งนึงของเยอรมัน ที่ไปโดนจุดยุทธศาสตร์มากๆของอังกฤษ

ทำให้ เรดาห์ ของอังกฤษพังลง บวกกับสปิตไฟเออร์ที่เป็นเครื่องบินรบของอังกฤษไม่มีข้อมูลอะไรเลย

ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ ลุฟวัฟเฟอร์ของเยอรมันมีโอกาสบุกเอาชนะอังกฤษได้เลย

แต่หน่วยข่าวกรองเยอรมันดันไม่รู้ข้อมูลนี้ ทำให้ไม่ได้บุกต่อจนอังกฤษซ่อมได้สำเร็จ ทำให้เยอรมันไม่มีโอกาสนี้อีกเลย

ถ้าหน่วยข่าวกรองของเยอรมันดีในครั้งนั้น เยอรมันสามารถโจมตี จุดยุทธศาสตร์ได้แบบแม่นยำในครั้งนั้น

อังกฤษอาจจะถึงขั้นแพ้สงครามได้เลย ยิ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนเมกา จะมาร่วมสงครามหลายเดือนมากๆ

ถ้าเยอรมันทำได้ สงครามนี้เปลี่ยนทิศได้เลยครับ

ก็นั่นแหละครับ เหตุผลนึงที่ฮิตเลอร์บุกโซเวียต ก็เพราะต้องการทรัพยากร โดยเฉพาะน้ำมัน เพื่อเอาไปรบกับอังกฤษนี่แหละ

ถ้าฮิตเลอร์ไม่บ้าไปไล่ฆ่ายิว จนพวกนักวิทย์เก่งๆหนีไปเยอะ ไม่แน่อังกฤษอาจจะเป็นชาติแรกที่ได้สัมผัสระเบิดปรมาณูแทนญี่ปุ่น

ในกรณีของเยอรมนี ไม่ใช่เรื่องชาตินิยมอย่างเดียวหรอกครับ
แต่มันมีสิ่งที่เรียกว่า Young's Plan กับ Dawes' Plan สองอย่างนี้คือแผนการลดหนี้สินของเยอรมนีในค่้าปฏิกรณ์สงครามและมีการให้กู้เงินจากสหรัฐฯ ด้วยและลดจำนวนที่ต้องจ่ายลง และมีการคิดสัดส่วนตามขนาดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย แต่ที่สำคัญคือ เยอรมนีตั้งแต่ปี 1929-1935 ไม่ได้ใช้จ่ายด้านการทหารเลย พูดง่าย ๆ มีเวลาสร้างเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่เยอะ และสุดท้ายก็ไม่ได้จ่ายหนี้ครบหมดด้วยนะ

ในกรณีของญี่ปุ่นก็คล้ายกันคือ เขามีสิ่งที่เรียกว่า "การรันตีความมั่นคงของสหรัฐ" พูดง่าย ๆ ญี่ปุ่นไม่มีกองทัพ แต่มีสหรัฐฯปกป้องแทน ก็เซฟไปเยอะเหมือนกันด้านการทหาร ทำให้เอาเม็ดเงินไปมุ่งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมจนแข่งกับสหรัฐฯได้ในช่วงทศวรรษที่ 80

ทั้งหมดทั้งมวลคือทั้งสองชาติกลับมาโตได้ แต่โตภายใต้การคุมและข้อจำกัดบางอย่าง ท่านก็ไปดูตัวเลขใช้จ่ายทางการทหารของแต่ละประเทศแล้วคำนวนแบบทบต้นดูก็จะพอกะการเจริญเติบโตของแต่ละประเทศได้หมดละครับ

เท่าที่ผมอ่านมา ฮิตเลอร์วางแผนพลาดเองรึเปล่าครับ
ถ้าทำตามยุทธพิชัยสงครามปกติ ยึดหัวหาดให้ได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ก็พอ
แค่ยึดเมืองเสบียงได้ รัสเซียก็คงเปลี่ยนขั้วไปเป็นกลางชั่วคราว

แต่พอฮิตเลอร์ห้าว จะไปตีสตาลินกราด เมืองสร้างชื่อของสตาลิน ซึ่งไม่มีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เลย
แต่ฮิตเลอร์ห้าว เพียงเพราะจะเอาชนะศักดิ์ศรีสตาลินที่นี่ให้ได้รึเปล่าครับ
สตาลินตอนนั้นก็พร้อมจะเจรจากับฮิตเลอร์อยู่แล้ว เพราะสู้ไปไม่คุ้มเสีย แต่ฮิตเลอร์เลือกเปิดศึกรอบทิศ
ทำให้สตาลินไม่มีทางเลือก ก็คือหมาจนตรอกนั้นแหละ จนทำให้ประชาชนฮึดขนาดนั้นได้

ซึ่งผิดแผนไปจากที่ รอมเมล วางไว้ ถ้าฮิตเลอร์เลือกคุมแค่จุดยุทธศาสตร์
มีหรือรัสเซียจะมีเสบียงพอจะยันเยอรไรมันได้ยาวๆ (นอกจากไปดีลกับเมกาสำเร็จ)

ดีเดย์เอง ก็ใช่ว่าจะเป็นแผนที่เซฟ แต่ก็เพราะรอมเมลอ่านเกมผิดเอง
ถ้าวางกำลังในที่ที่ถูก ทุกวันนี้อาจจะเป็นเยอรมันที่ครองโลกแทนเมกาก็ได้

ถ้าเยอรมันไม่ฆ่าล้างยิว ถ้าญี่ปุ่นไม่เปิดฉากเพิลฮาเบอร์ ไอน์สไตน์ก็คงไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเมกา
คนที่มีนิวเคลียตอนนั้นก็อาจจะเป็นเยอรมันก็ได้ เพราะแกเป็นเยอรมันโดยกำเนิด แค่เป็นยิว

ที่จะบอกคือ คำว่า 'ถ้า' ในที่นี้ มันมีรายละเอียดมากกว่านั้นเยอะครับ
ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่า ฮิตเลอร์ที่ครองโลกได้เท่าที่เป็น เพราะฟลุ๊กมากกว่าฝีมือ
แต่ถึงยึดอังกฤษได้ แล้วทำทุกอย่างเหมือนเดิม ผมว่าก็แพ้สงครามอยู่ดี

เพราะ

1.การแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ของทั้งสองชาตินี้ โดนจำกัดอำนาจการทหารแบบสิ้นเชิง

หมายถึงไม่ต้องเปลืองงบประมาณการทหาร มีเวลามีทุนเอาไปฟื้นฟูประเทศ

2. สองชาตินี้เป็นชาติอุตสาหกรรมอยู่แล้ว มีเทคโนโลยีและทรัพยากรบุคคลเก่งๆที่มาต่อยอด

ยกตัวอย่างเยอรมัน BMW เคยทำเครื่องยนต์เครื่องบินรบ พอจบสงครามก็มาทำรถยนต์

มิตซูบิชิ เคยทำเครื่องบินรบอย่าง"ซีโร่" จบสงครามบริษัทโดนย่อยเป็นหลายๆส่วน ต่างส่วนก็ทำสินค้าตัวเองออกมาเช่น

มิตซูบิชิอีเล็คทริค เริ่มทำพัดลมก่อน ก่อนที่จะเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอีเล็คทริคของญี่ปุ่น

ฝ่ายยานยนต์ที่เคยทำรถถังก็มาทำรถยนต์/ฝ่ายทำเรือรบก็มาทำเรือขนส่งน้ำมันและสินค้า

อ่อ ตอนนี้มิตซูกลับมาทำเครื่องบินรบและเรือรบแล้ว

Mitsubishi F-2และ F-3



เรือรบจาก บ.มิตซูบิชิ เอฟวี่ อินดรัสทรี่



แปลกนะ เรื่องรถยนต์ ชาติที่ชนะสงครามโลกอย่าง อเมริกา/อังกฤษ/ฝรั่งเศส/รัสเซีย ดันทำรถยนต์สู้ 3 ชาติที่แพ้ไม่ได้ (เยอรมัน/อิตาลี/ญี่ปุ่น)

เครื่องบินซีโร่นี่ที่ใช้พุ่งลงไประเบิดเรือบรรทุกเครื่องบินเมกาปะครับ ผมดูในสารคดีนี่เหลือจะเชื่อมาก นี่เป็นอีกปัจจัยที่ต้องทิ้งระเบิดลงญี่ปุ่นเลยมั้ง ด้วยความคิดที่ว่าสู้จนตัวตายจริงๆ

ผมเคยถามเมียผมว่า หน้าที่ของคนญี่ปุ่นคืออะไร
เมียผมตอบว่า ทุกคนต้องทำงาน แล้วก็จ่ายภาษี

มันยังถามต่ออีกว่า คนไทยไม่ได้ทำแบบนี้ทุกคนหรอ
ผมก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไร

ทำไมการยึดอังกฤษถึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ครับ เพราะกองกำลังอังกฤษเก่งเลยต้องตี หรือ อังกฤษมีทรัพยากรอะไรที่สำคัญ หรือ เพราะเหตุผลอื่น ๆ ครับ