https://brandinside.asia/rolls-royce-go-younger/
Rolls-Royce รถหรูขวัญใจเด็กยุคใหม่
ในสายตาคนทั่วไป Rolls-Royce คือแบรนด์รถหรูที่ปกติจะเห็นผู้ใหญ่ หรือคนวัย 50-60 ปี ใช้งาน เพราะราคาค่อนข้างสูง (ราคาไทยเริ่มต้นราว 30 ล้านบาท) จึงต้องประสบความสำเร็จในชีวิตมาระยะหนึ่ง ยิ่งปกติการซื้อ Rolls-Royce หนึ่งคันมักต้องใส่ Option ต่าง ๆ เพิ่มเข้าไป ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นไปอีก
แต่ความคิดดังกล่าวกำลังถูกหักล้าง เพราะล่าสุด Rolls-Royce ประกาศยอดจำหน่ายทั่วโลกในปี 2021 ที่ 5,586 คัน มากที่สุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา 117 ปี และมากกว่า 49% เมื่อเทียบกับปี 2020 สวนทางตลาดรถยนต์โลกที่หดตัวเพราะพิษ COVID-19 และมีอีกจุดน่าสนใจคือ อายุเฉลี่ยของผู้ซื้อ Rolls-Royce ในปีดังกล่าวอยู่ที่ 43 ปี
ตัวเลข 43 ปี น้อยกว่า BMW แบรนด์เจ้าของ Roll-Royce ที่ปี 2021 มีลูกค้าในสหรัฐอเมริกาอายุเฉลี่ย 55 ปี ส่วน Mini อีกแบรนด์ในเครือ มีลูกค้าในสหรัฐอเมริกาอายุเฉลี่ย 52 ปี ชี้ให้เห็นว่า การที่อายุเฉลี่ยของลูกค้า Roll-Royce น้อยขนาดนี้ ต้องมาจากลูกค้าอายุ 20-30 ปี ซื้อมากขึ้น ขัดกับภาพลักษณ์เดิมของแบรนด์อย่างชัดเจน
ทำไมวัยรุ่นถึงซื้อ Rolls-Royce
การประสบความสำเร็จในชีวิตในวัย 20-30 ปี พบเห็นได้มากในปัจจุบัน เพราะมีช่องทางสร้างรายได้มากมาย และพวกเขามักหาซื้อรถยนต์หรูมาตอบแทนความสำเร็จนี้ แต่จริง ๆ แล้วมีแบรนด์รถหรูมากมาย รวมถึงกลุ่ม Supercar ที่พร้อมจูงใจวัยรุ่นเหล่านี้ แต่ทำไมพวกเขาถึงเลือกซื้อ Rolls-Royce ล่ะ?
Maxie Kaan-Lilly หญิงวัย 30 ปี อาชีพนางแบบ และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่เธอซื้อ Rolls-Royces รุ่น Dawn มาจากการครอบครองรถยนต์แบรนด์นี้แสดงให้เห็นถึงการประสบความสำเร็จ และเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพิ่มโอกาสการขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านการให้ลูกค้านั่งรถของเธอเพื่อดูสถานที่
ในทางกลับกัน Rolls-Royce มีการออกแบบรถยนต์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าวัยรุ่นมากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่รถเก๋งขนาดใหญ่ 4 ประตูอีกต่อไป เช่น การทำรุ่น 2 ประตู Wraith ให้รถดูสปอร์ต และคล่องตัวมากขึ้น หรือการพัฒนา Cullinan รถ SUV ขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับความหรูหรา จับเทรนด์ SUV และขยายฐานลูกค้าได้ทันที
มากกว่าหรู คือความดุดันที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ Rolls-Royce ยังทำตลาดชุดแต่ง Black Badge ที่แปลงร่าง Rolls-Royce ให้ดูดุดันยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนสีเงินต่าง ๆ เช่นกระจังหน้า หรือมือจับประตู ให้กลายเป็นสีดำ ผสานความหรูหรา และความดุดัน ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่
ชุดแต่ง Black Badge ราคาเริ่มต้นราว 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.65 ล้านบาท) ถือว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ผู้ซื้อ Rolls-Royce ยุคใหม่กล้าจ่ายจนเป็นเรื่องปกติ เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของรถ และสร้างความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับ Rolls-Royce คันอื่น
ในสหรัฐอเมริกา Rolls-Royce ให้บริการ Whispers แอปพลิเคชัน Social Media ที่ใช้งานได้เฉพาะเจ้าของ Rolls-Royce ภายในแอปฯ ผู้ขับรถยนต์แบรนด์นี้สามารถติดต่อกัน และร่วมกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ได้ โดยมากกว่า 1 ใน 4 ของผู้ขับ Rolls-Royce ในสหรัฐฯ ใช้งานแอปฯ นี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นวัยรุ่นของแบรนด์เช่นกัน
หลายแบรนด์หรูชิงตลาดวัยรุ่นเงินล้าน
จากตัวเลขอายุเฉลี่ยลูกค้า Rolls-Royce ที่ 43 ปี ซึ่งน้อยกว่าแบรนด์อื่นในเครือ BWM และแบรนด์หรูอย่าง Audi, Mercedes-Benz หรือ Supercar อาทิ Lamborghini ทำให้แบรนด์คู่แข่งเหล่านี้พยายามลดอายุเฉลี่ยลูกค้าตัวเองเพื่อไม่เกาะอยู่กับฐานลูกค้าเดิมในอดีต
เริ่มต้นที่กลุ่มแบรนด์หรู หากมองในตลาดไทย Mercedes-Benz มีการรุกตลาด A-Class รถเก๋งคันเล็ก และ AMG กลุ่มรถสมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ ส่วน BMW มีการปล่อย 2 Series ในราคาที่จูงใจ และ Audi ชูรถนำเข้า 100% ในราคาที่เอื้อมถึง
ด้านกลุ่ม Supercar ทาง Lamborghini เปิดตัว Urus รถยนต์ SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าเดิม ส่วน Porsche ส่ง Taycan รถยนต์ไฟฟ้าล้วน 4 ประตู และ Ferrari เปิดตัว Roma ที่จูงใจคนรุ่นใหม่ และใช้ผู้หญิงโฆษณา เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงก็ขับ Ferrari ได้
สรุป
การจะครอบครอง Rolls-Royce สักคันหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และหากเป็นเศรษฐี Rolls-Royce ก็คงเป็นหนึ่งในจุดชี้วัดความสำเร็จ และความภูมิใจในการใช้ชีวิตได้ แต่น่าสนใจว่า Rolls-Royce ไปถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร และเชื่อว่าหลังจากนี้แบรนด์อื่น ๆ คงพยายามลดอายุตัวเองเพื่อจูงใจพวกเขา และเพิ่มยอดขายได้เช่นกัน