ไม่ต้องห่วงครับ ถึงเวลาฝั่งโน้นจะขุดมาทุกเรื่อง ตอนนี้กระแสเริ่มมาก็เริ่มโดนไปบ้างแล้ว แต่ยังแค่น้ำจิ้ม 555

คำถามไม่สร้างสรรค์เลย​จริงๆ

ปกติคดีครอบครัวฝั่งแม่จะค่อนข้างได้เปรียบกว่าฝั่งพ่อเสมอครับ

แล้วศาลตัดสินให้ลูกอยู่กับพ่อก็น่าจะมีเหตุผลของมันแหละ

(ซึ่งผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องตบเมียด้วยนะ และคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าพูดเท่าไหร่)

ถ้าอยากรู้จริงๆ

ก็น่าจะศึกษาหาข้อมูลสักหน่อย

ก็ไม่สร้างสรรค์จริงๆนั่นละ ยังจะเถียง 5555555

ดูจากระดับการศึกษา พื้นฐานต่างๆ บริวารที่ห้อมล้อมเค้าก็ดูเชื่อมั่นคุณทิมมากๆ เรื่องใช้ความรุนเเรงศาลก็ช่วยยืนยันไปอีกเเรงเเล้วนิ มันก็มองเห็นกันชัดว่าความจริงคือะไร

https://www.thairath.co.th/entertain/news/1574295

ศาลตัดสินแล้วว่าทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว สาเหตุมาจากความเครียดในที่ทำงาน และโดนไล่ออกจาก grab หลังจากเข้าไปทำได้ไม่นาน

ไปฟังบทสัมภาษณ์ของฝ่าย ญ ดู
https://www.youtube.com/embed/Wi_U9QiXXSM

คำวินิจฉัยของศาลคือ ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่ชี้ชัดได้ว่าบาดแผลของฝ่ายหญิงเกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายชายครับ ศาลจึงยกฟ้อง

อย่าเอาคำสัมภาษณ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาใช้อ้างเป็นคำวินิจฉัยของศาล

เพิ่มเติมเรื่องสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรด้วย หลายคนยังคงเข้าใจว่า พิธา ได้สิทธิการเลี้ยงดู 100% ซึ่งนั้นเป็นแค่คำตัดสินแรกของศาล เพราะต่ายไม่มาตามนัดไต่สวน แต่ต่ายให้การว่าหมายศาลส่งไปผิดที่อยู่ ศาลจึงนัดไต่สวนใหม่ แต่ทิมตัดสินใจถอนฟ้อง

ดังนั้น ณ ปัจจุบัน ทิมและต่าย มีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกตามที่ตกลงกันเองคือ 50:50

ผมก้รุ้จักกับคนที่เป็นเพื่อนคุณต่าย จริงๆเรื่องนี้มันไม่ขาวสะอาดหรอกครับ

แต่ผมอยากบอกว่า โดยธรรมชาติมนุษย์นะ มันสีเทากันทั้งนั้น อยุ่ที่ว่าคุณจะโดนขุดขนาดไหน

ส่วนตัว ผมพอเข้าใจทิมนะ เค้าอยุ่โดยตั้งความหวัง และ โดนคาดหวังสูง

เรื่องบางเรื่องพอแกโตขึ้น วุฒิภาวะ มากขึ้น มันหล่อหลอมให้แก เป็นพ่อเป็นนักการเมือง ที่ดีขึ้นแน่นอน

ผมถึงเลือกไม่ตอบคำถามของคนที่ตั้งคำถามว่ามีการทำร้ายร่างกายหรือไม่ เพราะความจริงเรื่องนี้มีคนรู้แค่ 2 คน คือคุณทิมและคุณต่ายเองเท่านั้น ซึ่งต่อให้มีการทำร้ายร่างกายจริง เราก็ไม่รู้อีกน่ะแหละว่าทำจริงมากน้อยแค่ไหน และต้นเหตุของการลงมือเพราะมันสุดจะทนหรือไม่ทำให้คุมอารมณ์ไม่อยู่ (แต่ผมก็ยังไม่สนับสนุนการใช้กำลังนะคับ)

ซึ่งโดยปกติแล้วศาลก็มักจะให้ความสำคัญของสาเหตุของการใช้ความรุนแรง รวมถึงระดับความรุนแรงที่กระทำว่าสมควรกว่าเหตุมากน้อยเพียงใด

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การที่ผมบอกว่าเป็นคำถามที่ไม่สร้างสรรค์ ก็เพราะว่าไม่ว่าความจริงจะเป็นแบบไหน มันย่อมไม่ส่งผลดีต่อเด็กเลยแม้แต่น้อย เพราะปัจจุบันทั้งคู่มูฟออนจากประเด็นการพูดถึงข้อไม่ดีของอีกฝ่ายให้ลูกฟังแล้ว (จากบทสัมภาษณ์) และเลือกที่จะทำทุกอย่างที่เกิดประโยชน์ต่อลูก

ประเด็นนี้ต่อให้เกิดกับลุงตู่ ผมก็จะไม่ด่าลุงตู่เหมือนคนที่ตั้งคำถามเรื่องการตบหน้าและบอกว่าถ้าเป็นลุงตู่จะได้ด่าได้เต็มปาก เพราะเราไม่รู้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่จะไปตัดสินเค้า

ถ้าเราตัดสินเค้าเพราะความเกลียดทั้งที่ๆ ยังมีข้อมูลไม่ชัดเจน มันคงไม่ต่างกับนางแบกเพื่อไทยที่หลายๆ ครั้งใช้อคติเพราะความชอบจึงไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยตรงๆ ซึ่งผมคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้มันก็ไม่ต่างกับสลิ่มที่เราคอยด่ากันอยู่ทุกวันนี่เอง

จริง ๆ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่อง ใครจะอยากรู้ ใครจะตัดสินยังไง มันวิจารณญาณส่วนบุคคล และทิมเป็นบุคคลสาธารณะ มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยากอยู่แล้ว แล้วเรื่องจริยธรรมก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ

แต่ผมไม่ชอบที่ยกข้อมูลมั่ว ๆ มาอ้าง แล้วทำเหมือนมันเป็นข้อเท็จจริง ทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว มีความสามารถในการหาข้อมูลแล้ว ก็ควรมีความสามารถในการแยกแยะข้อมูลด้วย

เข้าใจเหตุผลที่ท่านยกมาคับ แต่พอดีเคสนี้ผมคิดว่าความจริงแบบถูกต้อง 100% คงถูกเก็บไว้ที่ตัวพ่อและแม่ของเด็กไปตลอด ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเด็กเอง และผมมองว่าการอยากรู้ความจริงมันคงจะมีประโยชน์ในแง่ของการเซฟเด็ก ซึ่งปัจจุบันมันเลยจุดนั้นมาแล้ว เพราะทั้งคู่ได้ข้ามผ่านปัญหามาแล้ว และตัวเด็กก็โอเคกับสถานการณ์ปัจจุบัน ก็เลยคิดว่ามันไม่สร้างสรรค์คับ เพราะมันอาจกลายเป็นการย้อนกลับไปทำร้ายเด็ก ทั้งคู่ถึงพยายามเลี่ยงพูดถึง

คำว่า "ศาลตัดสินแล้วว่าทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว" ก็ถอดมาจากคำวินิจฉัยของศาลนั้นหละ ต่ายก็เอามาเอาวินิจฉัยของศาลมาให้สัมภาษณ์ ก็สรุปว่าหน.ทิม ตบจริงแต่ก็ไม่ได้รุนแรง อาจจะพลี้งมือไปด้วยอารมณ์ไม่กี่ทีเพราะด้วยความเครียดจากงานหรืออะไรก็สุดแท้แต่

เรื่องไม่มาตามนัดไต่สวนสิทธิเลี้ยงดูลูกผมเฉยๆนะ เป็นเรื่องในครอบครัวเค้า แต่ถ้าเป็นผมถ้ามีปัญหาจะหย่ากับภรรยาผมจะไม่เอาลูกมาเป็นตัวประกัน/เครื่องมือต่อรอง

ไม่ต้องถามว่าผมอคติไหม ผมอคติอยุ่แล้ว แต่ผมถือคติว่าถึงแม้จะไม่เป็นกลางแต่ต้องเป็นธรรม
ก็ว่ากันที่ข้อเท็จจริงล้วนๆ ไม่มีการกล่าวหามั่วๆทำให้เสื่อมเสียโดยปราศจากข้อเท็จจริงแน่นอน

งั้นเอาคำวินิจฉัยศาลมากางครับ ผมก็อยากอ่านเหมือนกัน ถ้าศาลครอบครัวตัดสินว่ามีการทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถือเป็นความรุนแรงในครอบครัว ผมจะได้ด่าและประจานชื่อผู้พิพากษาได้ถูก

คุณรู้ได้ยังไงว่าคำสัมภาษณ์ของต่ายถอดมาจากคำวินิจฉัยศาล

จริง ๆ ว่าจะปล่อยผ่านเรื่องนี้แล้วนะ แต่ทำไมถึงได้ทำตัว ass hole จัง การฟ้องขอสิทธิเลี้ยงดูบุตรเป็นการเอาลูกมาเป็นตัวประกันยังไง? แบบนี้ที่ผู้หญิงฟ้องขอสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรก็นับเป็นการใช้ลูกเป็นเครื่องมือต่อรองด้วยไหม

รู้ไหมว่าการฟ้องเพื่อขอสิทธิขาดในการเลี้ยงดูบุตรมีขึ้นเพื่ออะไร

สลิ่มมันมีหลายสีไง