คือผมไปสัมมาที่นึง แต่ยอมรับว่าค่อนข้างไม่ได้หวังว่าจะได้เลย คือไม่ได้สมัครเค้าเรียกไปเอง

แล้วตอนสัมภาษณ์ เหมือนเค้าจะมีปัญหาเรื่องการเดินทางกับผมจี้มาทางเรื่องนี้มาก ทำให้ผมไม่โอเคเลยทำให้ตอบคำถามต่อๆมาแบบ ตอบแบบกะไม่เอาที่นี้แล้ว

ผม : ผมไม่เห็นว่าการเดินทางของผม มันจะมีปัญหาเกี่ยวงานตรงไหนถ้าผมมาไม่สายมันก็แค่นั้น”

แล้วผมก็เรียกเงินไปแบบ กะว่า ไม่เอาผมแน่


แต่ปรากฎว่า เค้าโทรมาให้คุยไปดูโรงงานนั้นคือเค้ารับข้อเสนอเงินผม แต่คงมีต่อบ้าง (แล้วก็ปิดรับสมัครไปแล้วในเว็ป)



1.เข้าเรื่อง ผมไปในตำแหน่ง Production Supervisor (มหาชน)

ทีนี้เข้าคำว่า Sup. มันคือระดับหัวหน้างาน แต่ที่ผมไปหาอ่านมาเลยสงสัย บางทีบอก Sup. คือตำแหน่งของคนที่ไม่ได้ใช้วุฒิ วศบ. เปิดตำแหน่งนี้มาเพื่อ ให้คนมีประสบการณ์หรือคนเก่าแก่ ตำแหน่งจะเทียบเท่า Eng.แยกส่วนทำงาน ผมเลยงงว่าตกลง eng สายโรงงานกลางๆไม่ได้ใหญ่ระดับท๊อป

มันต้องระดับชั้นยศยังไงกันแน่

Eng>Sup>assit/Section mgr (ที่ใหม่)

หรือ

Eng > Assit.mgr (ที่ปัจจุบันผมเป็นแบบนี้) ส่วน Sup.(หัวหน้าแผนก) จะตำแหน่งเทียบเท่าผมแต่แยกส่วนการทำงาน
ใจอยากได้ตำแหน่งที่นี่ก่อนยังไงก็ได้แน่ๆ แต่เงินไม่ไหวจริงๆ
อยากให้เบสเงินเดือนมันอัฟก่อน ระหว่างรออ้างอิงตำแหน่งกลัวเงินจะไม่ขึ้น


2.แล้วทีนี้มันมีเข้ากะ นั้นหมายความว่าต้อง 2 คน แล้วเวลาเลือกใครไปเป็น assit mgr มันจะไม่ลำบากเหรอ แล้วเวลาประชุมคนนึงเข้ากะงี้ต้องฝากไปบอกกันเหรอ เพราะ section/asis ไม่ได้เข้ากะด้วย

ถ้าไม่ใช่สายโรงงานแต่ปกตินะครับ

Officer -> Senior Officer/Sup. -> Sup./Asst.Mgr -> Manager -> Senior Mgr. -> Director/HoF/GM -> VP/GM -> MD/CEO/GM

ผมว่าชื่อตำแหน่งมันมั่วๆนะ บางที่ Manager = Sr.Manager ก็มีครับ หรือบางที่ Sr.Mgr = Manager หรือบางที่ก็มี Associate Director มาคั่นอีก

ดู reporting line กับ job scope ประกอบน่าจะดีกว่าครับ

สาย office มันมีให้ดูข้อมูลอ้างอิงเยอะ

แต่สายโรงงานกลางๆนี่หายาก พวกใหญ่จะเป็น eng> senior>leader/mgr

ถ้าอ้างอิงจากบริษัทผมจะเป็น
Officer -​> coordinator ->Leader >Supervisor -> Section Manager ->Manager
ไปต่อได้เยอะนะถ้ามาทาง Sup. ละ
ปัจจุบันผมก็เป็น Inventory Sup. อยู่
ทำคลังสินค้า งานบานตะไท

ที่นึงให้เป็น Sup แต่เงินเยอะ

อีกที่ให้เป็น Asist.mgr แต่เงินน้อยกว่า Sup

คงต้องเลือกเงินก่อน referent ไว้ทีหลัง

ถ้าเป็น บ.ฝรั่ง ส่วนมากเป็น flat organization ก็จะประมาณ
Engineer (30-50K) - Sup (60-80K) - Manager (80-100K up) แค่นี้ล่ะครับ

ถ้าเป็นบริษัท ญี่ปุ่น หรือคนไทย มหาชน จะซอยถี่ลำดับขั้นเยอะมาก
Eng (Office) - Eng (Senior) - Eng (assist Sup) - Eng (Sup) - Eng (assist MGR)
Eng (Manager) - Eng (Assist GM) - Eng (GM) ที่เป็นแบบนี้เพราะต้องการ ซอยเงินเดือนครับ

ส่วนเวลาหางานผมแนะนำว่า อย่าไปสนชื่อตำแหน่งครับ ให้สนใจที่เนื้องานเเละเงินที่คุณได้รับ
ถ้าคุณพอใจทุกอย่างจบครับ ต่อให้ไประดับ Office เเต่เงินเดือน 50K ชื่อตำแหน่งจะมีความหมายหรอครับ 555

ใช่ครับ เงินมาก่อน
พอเลเวลอัพ เงินก็อัพตามอีก
แถมรู้หน้างานดีก่อนขึ้นเป็น Manager
พวกสายโรงงานตัวเก๋าๆจะไม่กล้าเยอะด้วย ถ้าเรารู้มากกว่า

มีที่นึงที่ผมเจอคือ

Engineer > Leading Engineer > Manager จะดูเรื่องแบบ เรื่องราคา สเปค จัดซื้อ ส่งของเข้าไซต์

Foreman > Supervisor > Superintendent > Manager จะดูเรื่อง man-power progress

หรืออย่างในสายงานก่อสร้าง (บางที่) ก็จะเป็น

Foreman > Supervisor > Engineer > Project Engineer > Manager

ในส่วน จขม เป็นโรงงานใช่ไหมครับ จริงๆแล้วถ้าโรงงานจะเป็นแบบบนนั่นแหละครับ supervisor ดูเรื่อง progress แต่เอาวิศวะมาทำก็ได้ครับ ผมเห็นเยอะมาก ส่วนเรื่องตำแหน่งก็เทียบๆ Leading Engineer หรือ Project Engineer แหละครับ

ใช่เลยคับ ตอนแรกผมเดินสายเขียนแบบเต็มตัวเลย แต่ไปเจองานมาทีนึงทำให้ผมรับความกดดันขนาดนั้นไม่ไหว เขียนแบบผิดสั่งผลิตมาเสียหายทั้งไลน์ผลิต เลยเลิกเขียนแบบฝังใจเลย

เลยเดินมาสายผลิตแทนสบายใจกว่ามาก แต่ทุกวันนี้ไม่รู้ทำอะไรกันแน่ process planning production maintenance

ทั้งวางแผน ทั้งดูของเสีย ทั้งซ่อมเครื่อง เบิกอะไหล่ จัดซื้ออะไหล่ ลดต้นทุนอะไหล่ ทำทุกอย่าง5555

แต่สนุกกับงานดีคับ แต่บางทีก็เบื่อแก้จนหมดปัญญาทำยังไงให้ของเสียมันลดลงมากกว่านี้

ทำทุกอย่าง

มีพี่คนนึงเคยเล่าให้ผมฟังว่า สมัยก่อนแกทำ supervisor ในไลน์ผลิตนี่แหละ

แล้วทุกทัวนาเม้นก็จะมีเรื่อง productivity improvement หรือไม่ก็พวก kaizen ไรงี้ส่งลงมา

แกมาทำมือๆว่าของชิ้นนึงในไลน์ผลิตจะต้องจัด step มือยังไง 1-2-3-4-5-6-7-8 ถึง 9 แล้วส่งต่อไปไหน

แล้วมีคนรู้จักผมเคยมาถามเรื่อง productivity improvement ของกล่องกระดาษใส่ตู้เย็นว่าทำไงถึงจะลด loss จากการหย่อนตู้เย็นลงกล่องแล้วแตกได้

ตอนผมเลื่อนไปเป็น Assist. Manager ผมก็เลื่อนจาก Supervisor ขึ้นไปนะ แล้วในทีมก็มี Senior กับ Officer ที่อยู่ Under ผมอีกที แต่ของบริษัทผมคนละสายกับท่าน

ในไลน์ผลิตสำหรับ มีจะมี 2 แบบที่ผมเคยเจอมา 1.เราทำตามแบบเดิมๆที่บริษัทเคยมีมา(ใครเข้ามาก็มาทำแบบเดิม ตามสเตแ 1ไป2

2.อิสระในการทำ มีรูปแบบเดิมๆแต่อยากจะปรับอะไรก็ได้

สำหรับผมชอบแบบที่ 2 มาก ทำให้เรามีอิสระมอบอำนาจให้เราทำได้เต็มที่(แต่ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาถ้าเกิดในแง่ลบ)


ผมว่าเกือบทุกงานและบางการได้มีอิสระในการคิดการทำมันน่าจะดีกว่าได้ลองผิดลองถูก อย่าไซต์งานผมก็เคยไปถามอยากลองคิดนอกกรอบเค้าก็ไม่ให้ผมทำ(อย่างว่ากลัวการผิดพลาดส่งงานไม่ทัน เราเลยไม่ได้มีโอกาสลองไอเดียใหม่ๆ)

แต่ที่ผมทำอยู่ปัจจุบัน คุณอยากทำอะไรทำเลย งบอย่าเกินที่ตั้งไว้ต่อเดือนพอถ้าเกินต้องไปอธิบาย

แล้วแต่บริษัทเลยครับว่าจะจัด organize แบบไหน บ ญี่ปุ่นก็อย่างนึง บ ฝรั่งก็อย่างนึง บ ไทยก็อย่างนึง

supervisor ถ้ามาแบบโดดๆไม่มีอะไรห้อยตาม เท่าที่เคยเจอมาก็อย่างที่ท่านเข้าใจแหละ จากประสบการณ์ผมคิดว่ามาจาก

operator --> Leader --> Foeman --> Supervisor หรืออาจจะไปถึง Asst mgr ก็แล้วแต่

ผมมองว่ามาโดดๆเลย ในบริษัทอาจจะมีคนที่เคยขึ้นมาจาก operator มาก่อน ชื่อตำแหน่งเลยเป็นแบบนี้ โดยที่บริษัทอยากจะเปลี่ยน

organize ใหม่เพื่อรับ eng มาทำในตำแหน่งของ operator ซึ่งบริษัทเก่าผมก็เป็นแบบนี้ ต้องการถ่ายเลือดเก่าที่เป็น operator

มาเป็น eng ในการบริหารทั้งหมด โดยการ merge เข้าหากันแต่ layout ทั้งหมดต้องค่อยๆปรับเปลี่ยนไปและค่อยๆ promote ทีละตำแหน่ง

ผมไม่รู้ว่าองค์กรของท่านจะไปถึงเลเวลไหนแล้ว แต่บริษัทแบบนี้มีให้เห็นเยอะอยู่

ที่ผมทำอยู่น่ะครับ
สเต็ปนี้คือจบ วศบ. มาน่ะครับ
Eng > Sup > Assist Mgr > Mgr
สเต๊ปนี้คือคือ Tech ที่อยู่นานเก่งและมีแววขึ้นเป็น mgr ได้
Tech > Sr.Tech > Leader > Sup
ผมทำในส่วน maintenance น่ะครับ

ชื่อตำแหน่งในระดับปฎิบัติตามคำสั่งไม่เท่าไหร่ครับ เพราะถ้าทำงานตาม organization ของบริษัท อันนี้คือขัดเจนสุดละว่า position เรามีอำนาจมากน้อยแค่ไหน