BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: อย่าลืมโต๊ด บน ล่าง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 8899
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 16, 2021 21:38
ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง
ไทยรบชนะบ่อย ก็ไม่ได้จะเห็นว่าดีกว่าญี่ปุุ่นตรงไหน 555
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 8649
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 16, 2021 21:44
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
ผลิตคิดค้นดินปืนก่อนชาวบ้าน แต่กลับมีปืนใช้หลังยุโรป งงมาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1022
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 16, 2021 21:46
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
ยิ่งใหญ่มานานอยุ่อย่างสุขสบายจนขาดการพัฒนา พอโดนกดขี่บ้างทีนี้ติดจรวดเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2019
ตอบ: 4992
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 16, 2021 21:57
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
จีนมั่นหน้าตัวเองเกินกับอีกอย่างคือนโยบายต่างประเทศเปลี่ยนไปช่วงราชวงค์ชิงครับ ทำให้พัฒนาไม่ทันชาติอื่น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5838
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 17, 2021 01:35
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
เพราะมีฮ่องเต้ที่โหลยโท่ย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8952
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Wed Feb 17, 2021 03:15
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
ลองอ่านราชสำนักจีนหันขวา โลกหันซ้ายครับ ผมว่าวิจารณ์ได้ตรงอยู่ หนังสือเล่มนั้นวิจารณ์ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นหลัก แต่ความจริงแล้วจีนเป็นแบบนั้นมาตลอด หลักๆคือความเย่อหยิ่งและคร่ำครึของจีนเอง กรอบประเพณีทั้งหลายที่จีนยึดถือยิ่งชีพทำให้จีนค่อยๆถูกทิ้งให้ล้าหลังจากโลกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

เกาหลี ญี่ปุ่นสมัยนั้น(ก่อนราชวงศ์หมิง)ไม่มีอะไรเลย เป็นแค่ชนเผ่าล้าหลังชนเผ่านึง จีนปกครองได้ก็ไม่แปลก เอาแค่จำนวนประชากรจีนใช้แค่คลื่นมนุษย์ไปไล่เหยียบคนเกาหลีก็ชนะแล้ว(แต่ก็ยังอุตส่ามีแพ้ประปราย)

เรื่องบรรณาการจากประเทศอื่นๆยิ่งชวนขำ เพราะความคร่ำครึประหลาดๆของจีนที่พยายามทำตัวเป็นพี่ใหญ่ของโลกเลยตั้งธรรมเนียมจิ้มก้องขึ้นมา คือใครก็ตามที่มาอ่อนน้อมและส่งบรรณาการมา จีนจะตอบรับและตอบแทนให้มากกว่าบรรณาการที่ส่งมาให้ในฐานะผู้ปกครอง ซึ่งไม่ได้ปกครองจริงๆ ทั้งหมดเป็นการกระทำแค่ในนาม กลายเป็นว่าทุกประเทศต่างก็มาจิ้มก้องให้จีนเพื่อมารับของฟรี ส่งมามากเท่าไหร่ ส่งมาถี่เท่าไหร่ จีนยิ่งส่งกลับให้มากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายทุกประเทศที่ส่งได้ก็ตะบี้ตะบันส่ง ส่งจนจีนบอกว่าไม่ไหวแล้วต้องจัดระบบจิ้มก้องใหม่ กำหนดระยะเวลาและเครื่องบรรณาการไม่ให้มากเกินไป ถามว่าประเทศที่ส่งไปยอมรับจีนจริงๆหรือไม่ คำตอบคือไม่ มาเอาของฟรีกันทั้งนั้น ไทยก็เช่นกัน(และเพราะการที่เจ้าไทยทั้งหลายสมัยนั้นมีเชื้อจีนก็อาจจะมีส่วน)

นี่ยังไม่พูดถึงดินปืนที่คิดได้ก่อนใคร แต่ไม่พัฒนาต่อเพราะความเชื่อติดกรอบ หน้าไม้ที่พอไปถึงยุโรปก็ถูกพัฒนาไปไกลกว่าจีน วัฒนธรรมต่างๆจีนก็เป็นมหาอำนาจตั้งนานแล้ว ทั้งการแต่งกาย ประเพณีต่างๆ เช่นการดื่มชา แต่เวลายิ่งผ่านไปกลายเป็นประเทศที่รับวัฒนธรรมไปต่อยอดได้ดีกว่าหมด ระบบประเทศแปลกๆที่ถ้าอยากเจริญก้าวหน้า ต้องเป็นขุนนางเท่านั้น ชนชั้นประชากรมีแค่ 2 ชนชั้นคือชาวนากับขุนนาง พ่อค้าแทบไม่มีที่ยืน ระบบเศรษฐกิจที่รังเกียจเงินเพราะเชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของความโลภของคน ตั้งแง่รังเกียจต่อชาวต่างชาติอย่างไม่มีเหตุผล ระบบราชการที่แปลกประหลาด สอบเข้าราชการทุกสายต้องท่องตำราเดียวกัน ถ้าเปรียบเทียบเป็นสมัยนี้ก็เหมือนราชการทุกคนต้องจบรัฐศาสตร์ จะไปกระทรวงไหนก็ต้องจบรัฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ทั้งประเทศ ความรู้แขนงอื่นตั้งแง่รังเกียจหมด โครงสร้างของประเทศแปลกๆแบบนี้ทำให้ตลอดประวัติศาสตร์การเป็นจักรวรรดิ จีนยิ่งใหญ่บ้างตกต่ำบ้าง แต่ความจนของประชากรโดยรวมนี่คงที่ คือจนตลอดปีตลอดชาติ ช่วงรุ่งเรืองก็จน ช่วงตกต่ำยิ่งจน ต่างกันแค่จนอย่างสมถะหรือจนจนต้องกบฎเท่านั้น

มาถึงช่วงราชศ์วงชิงนี่ยิ่งเน่าเฟะเลย(จริงๆมันก็เริ่มเน่ามาตั้งแต่หมิงแล้ว) ปิดประเทศโดยสมบูรณ์ สนับสนุนกสิกรรมเต็มรูปแบบ พอประเทศอื่นๆปฏิวัติอุตสาหรกรรมกันหมดมีจีนเป็นกสิกรรมประเทศเดียวก็ไม่เหลือ เอาคลื่นทหารที่มาจากชาวนาไปสู้กับปืนของญี่ปุ่นผลก็เป็นอย่างที่ทราบ ลอง google เรื่องยุทโธปกรณ์ของจขีนสมัยนั้นดูครับอเนจอนาคแค่ไหน ไม่แพ้สิแปลก

หลังจากนั้นมาถึงยุคเหมา จีนเริ่มผลิตนิวเคลียร์เอง กำลังทหารเริ่มแข็งแกร่งจนเหนือล้ำกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค แต่ความ ''จน'' ของประชาชนยังเหมือนเดิมคือจนตลอดปีตลอดชาติ เพราะเหมายังคงปิดประเทศต่อไป สนับสนุนกสิกรรมเป็นหลักต่อไป คนอดอยากตายเป็นแสนเป็นล้านเหมาก็มุ่งมั่นทำต่อไป ความคิดแบบเหมานี่แหละคือตัวแทนความคิดของจักรวรรดิจีนหลายๆราชวงศ์ จริงๆอ่านประวัติของเหมาคนเดียวก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจีนที่ควรจะเป็นมหาอำนาจของโลกมาตั้งแต่พันปีก่อนถึงลุ่มๆดอนๆมาตลอด

มาถึงยุคนี้จีนที่กลายเป็นมหาอำนาจของโลกโดยสมบูรณ์เพราะทิ้งความเป็นจีนไปบ้าง หันไปปรับตัวเข้ากับโลกมากขึ้น การปรับมาใช้ทุนนิยมเป็นสาเหตุสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ จากประเทศชาวนากลายเป็นประเทศโรงงาน แป๊บเดียวรุ่งเรือง เปิดรับเทคโนโลยี ชาวต่างชาติมากขึ้น แป๊บเดียวก็กลายเป็นมหาอำนาจของโลก ถ้าทำแบบนี้ตั้งนานก็เป็นตั้งนานแล้ว

เขียนมาตั้งยาว ถ้าสรุปสั้นๆผมขอสรุปว่าที่จีนลุ่มๆดอนๆมาตลอด เพราะผู้ปกครองจีนมักมีภาพมายาคติของความเป็น ''จีน'' ที่ไม่ค่อยสอดคล้องกับความเป็นจริงนัก ยึดติดอยู่กับอุดมคติสวยหรูที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง สีจิ้นผิงนี่ผมไม่ชอบเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นผู้นำที่มองความเป็น ''จีน'' ได้ตามความเป็นจริงที่สุด จีนที่เป็นมหาอำนาจของโลกทุกวันนี้เพราะยึดติดกับความเป็นจริงมากที่สุด เงินก็เงินจริงๆฟาดปากใครก็ได้ ปืนก็ปืนจริงๆใครหือยิงได้จริง จากประเทศผู้ดียากจนสู้ประเทศนักเลงบ้านรวย
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Mar 2007
ตอบ: 1037
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 17, 2021 07:42
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
ใช้ประกอบการตัดสินใจได้บ้าง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ใครกำลังหาร้านนวด แอดไลน์มาสิที่ แอด412lukob
ออนไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 6084
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 17, 2021 17:18
[RE: ทำไม จีน สมัยก่อน ไม่ค่อยเก่ง]
dogger2006 พิมพ์ว่า:
ผลิตคิดค้นดินปืนก่อนชาวบ้าน แต่กลับมีปืนใช้หลังยุโรป งงมาก  


ขอเสริมข้อมูลให้นะครับ

จีนมีปืนใช้ก่อนยุโรปครับ น่าจะช่วงราชวงศ์ซ่ง แต่ลำกล้องทำจากไม้แล้วเชือกมัดให้แข็งแรง

แต่เอาที่มีการบันทึกการใช้ปืนในสงครามคือ ชาวญี่ปุ่นบันทึกไว้ช่วงปี ค.ศ. 1274 - 1281 ที่มองโกลบุกญี่ปุ่น

สมรภูมิที่เกาะ ซึชิมะ (อยู่กลางทางเกาหลีกับญี่ปุ่น)

แล้วราชวงศ์หยวนของมองโกลตอนนั้นน่าจะได้รับเทคโนโลยีจากชาวจีน


แล้วจูหยวนจางผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงที่ขับไล่มองโกลก็มีการใช้ปืนไฟเป็นอาวุธจนมองโกลแพ้ในช่วงปี 1364-1368




ส่วนยุโรปเริ่มมีใช้ประมาณ 1380 หลังจากตั้งราชวงศ์หมิงได้สิบกว่าปี เริ่มที่สเปนเป็นที่แรก

ในปี 1492 ที่พระเจ้าเฟอดินันด์และราชชินีอิซาเบลล่าได้พวกไล่แขกมัวร์ออกจากสเปนและยุโรปได้ทั้งหมดเพราะมีอาวุธปืนใช้

ปี 1492 ที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกาก็เอาปืนไฟไปด้วย

สเปนพัฒนาต่อยอดจากแบบของจีนเป็นแบบ Arquebus ที่ใช้ง่ายกว่า แม่นยำกว่า


แล้วปืนแบบนี้ก็ย้อนกลับไปในเอเชียทั้งจีนญี่ปุ่นรวมทั้งไทยในช่วง ปี 15xx

โดยเฉพาะญี่ปุ่น ชาวโปรตุเกสเป็นฝรั่งพวกแรกที่เข้าญีุ่ป่นในปี 1543 ก็เอาปืน Arquebus ไปขายด้วย

จากนั้นญี่ปุ่นมีมีปืนไฟใช้



จีนคิดค้นดินปืน คิดค้นปืนก่อน มีปืนใช้ในสงครามก่อน แต่ยุโรปเอาพัฒนาต่อยอด จากปืนไฟ เป็น ปืนคาบศิลา และที่สำคัญที่สุดคือปืนใหญ่

เทคโนโลยีของอังกฤษทำปืนใหญ่ได้ดีที่สุดเริ่มตั้งแต่ยุคพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8

เพราะอังกฤษสามารถหล่อเหล็กทำปืนใหญ่ขนาดใหญ่มากๆได้เจ้าแรก เมื่อก่อนใช้สัมฤทธิ์ที่ทั้งหนักและแพง



ก็อย่างที่บอกล่ะครับ จีนช่วงปลายราชวงศ์ชิงตามเทคโนโลยีโลกด้านอาวุธไม่ทัน เลยแพ้เอาแพ้เอา

ตอนราชวงศ์หยวน(มองโกล) ก็เป็นจักรวรรดิ์ใหญ่ที่สุดในโลก

มาราชวงศ์หมิง ก็เป็นมหาอำนาจ (มีการส่งกองเรือของ จิ้งเหอ ออกไปสำรวจโลก)

มาราชวงศ์ชิง ตอนต้นๆก็เกรียงไกร รบชนะจักรวรรดิ์รัสเซีย ประเทศในยุโรปก็ไม่กล้ารบด้วย มีแต่มาค้าขาย


แก้ไขล่าสุดโดย PLATOON เมื่อ Wed Feb 17, 2021 17:25, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel