การอสัญกรรมของ "ทหารลูกทุ่ง" ยอซิป ติโต จอมพลผู้ยิ่งใหญ่แห่งยูโกสลาเวีย นำพาให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของแต่ละรัฐ
เนื่องจากผู้นำคนใหม่อย่าง สโลโบดัน มิโลเซวิช นำพาความคิด
'ชาตินิยมเชิงชาติพันธุ์' เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้ผลประโยชน์ ย่อมมีผู้เสียผลประโยชน์เป็นเรื่องธรรมดา กลายเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้ สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยม นี้ล่มสลายลง
เซอร์เบีย คือ 1 ใน 6 ประเทศที่แยกตัวออกมาเป็นเป็นอิสระ เพราะความรุนแรงทางการเมืองในช่วงก่อนยุค 90 ภาพการเจรจาเพื่อสันติภาพยังเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น ผลกระทบมากมายฉุดรั้งชาวเมืองตาดำๆให้จมอยู่กับความเลวร้าย มัจจุราชวัยเด็กของหนุ่มสาวเจน X คงหนีไม่พ้นสงครามกลางเมืองอันน่าหวาดกลัว
เรด และ สลาวิก้า สองสามีภรรยายุคเบบี้บูม (1946-1964) ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ทราบดีถึงความตึงเครียดต่างๆในจอทีวี แต่ทั้งคู่ไม่ลังเลที่จะสนับสนุนลูกชายตัวน้อย ให้เจริญรอยตามเท้าคุณพ่ออย่าง เรด ที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพของสโมสร FK Srem
เจ้าหนูจึงตระเวณเล่นให้ทีมท้องถิ่นมากมายในวัยเยาว์ แถมยังเล่นในตำแหน่งกองหน้าด้วยนะ สกิลการทำประตูด้วยเท้าและหน้าผากนี่ไม่แพ้ใครแน่นอน กระทั่ง เขามีอายุได้ 18 ปี วัยบรรลุนิติภาวะ
"บรานิสลาฟ" ก็ย้ายเข้าร่วมสโมสรเดียวกันกับพ่อของเขา และได้เดบิวต์ในปีเดียวกัน
ตำนานกัปตันทีมชาติคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์เซอร์เบีย 1 ใน 9 ผู้นำนักสู้แห่งแสตมฟอร์ด บริดจ์ ยุครุ่งเรือง
พ่อหนุ่มก้นงอน ผู้มีชื่อเล่นอีกอย่างว่า "Bane" ซึ่งเบนในที่นี้แปลว่า "ไอ้ตัวทำลายล้าง" หรือเปล่าไม่แน่ใจ ก็ดูน่าจะใช่นะ
โดยปกติแล้ว ถ้าแฟนเชลซีตามอ่านอยู่ตลอด ผมจะเขียนเรื่องชีวิตส่วนตัวของนักเตะสอดแทรกลงไปด้วย ซึ่งศรีภรรยาของพวกเขาแต่ละคน ต้องบอกว่าโคตรแจ่ม ระดับนางงามบ้าง ระดับเจ้าหญิงบ้าง ถ้าวัยรุ่นหน่อยก็จะมาทรงบิวตี้ บล็อกเกอร์ แต่ไม่ใช่กับป๋าเบนของเราครับ
เขาเลือกเพื่อนบ้านมาเป็นคู่ชีวิต เพื่อนบ้านที่ว่าคือเพื่อนบ้านจริงๆ นาตาชาอาศัยอยู่ข้างบ้านของเขาที่เมือง Sremka Mitrovica สถานที่เกิดนั่นเอง ความรัก ความผูกพัน ที่ทั้งคู่มีให้กัน ทำให้มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า สเตฟาน โดยในบทสัมภาษณ์เมื่อหลายปีก่อน พอนักข่าวถามว่า "จะมีลูกเพิ่มอีกไหมพี่เบน?" (ไม่ใช่เบนฟรีคิกนะ) แกไม่ตอบอะไร แต่มีแอบยิ้มๆทิ้งท้าย
เวลาผ่านไป ทุกวันนี้มีลูก 4 คน แหม่ ขยันทำการบ้านจริงๆ
นอกจากนี้ เขายังเป็นญาติห่างๆกับนักเตะอย่าง ดอร์เด้ และ เดยัน มิโลวาโนวิช อดีตแข้งดังของเร้ดสตาร์ เบลเกรด มีเชื้อสายสืบกันทางมารดานั่นเองครับ
ส่วนเพื่อนสนิทในชาติจะไม่ใช่นักฟุตบอล แต่เขามีความใกล้ชิดกับ โนวัค ยอโควิช และ อนา อิวาโนวิช อดีตนักเทนนิสชายหญิงมือหนึ่งของโลก เดาว่าคงเป็นเพราะวัยใกล้กันและมีโอกาสเจอบ่อยๆตามงานสังคมครับ เวลามีงาน กาล่า ดินเนอร์ ก็จะพบครอบครัวของแก็งค์นี้โผล่ไปบ่อยๆ
เราจะเห็นความมุ้งมิ้งของ เบน และ นอวัค ได้ตามโซเชี่ยลมีเดียต่างๆครับ ทั้งคู่โพสต์ชื่นชม อวยพร กันไปมาอยู่ตลอด
มาที่อาชีพค้าแข้งของเขากันดีกว่า
เพียงปีเดียวกับ FK Srem อิวาโนวิชก็ย้ายไปลีคสูงสุดของประเทศกับ OFK Beograd เขาปล่อยของได้สุดยอดจนเกือบพาทีมเข้าไปแข่งในศึกยูโรป้า ลีค ทำให้ฟอร์มไปเตะตาโค้ชทีมชาติ U21 และได้รับโอกาสไป 38 นัด ยิง 4 ประตู ในฐานะกัปตันทีมชุดเล็กแววดี ถูกเลื่อนขั้นไปเล่นชุดใหญ่ทันที
สลาโวยุบ มุสลิน ที่ตอนนั้นกุมบังเหียน โลโคโมทีฟ มอสโก อยู่ ยกหูโทรศัพท์ข้ามประเทศ เซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาร่วมทีม
เพียงซีซั่นแรก มุสลินก็มอบโอกาสตัวจริงให้ทันที และ อีวี่ ใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็พาทีมคว้าแชมป์ รัสเซียน คัพ มาประดับตู้ สลักชื่อตัวเองในบอร์ด รั้งอันดับที่ 1 ของผู้เล่นที่ดีที่สุดจากลีครัสเซียปี 2007
ฟอร์มสุดติ่งในฐานะกองหลังจอมถล่มประตู แก้มก้นที่พี่บิ๊กในยุโรปเริ่มให้ความสนใจ พอข่าวลือหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวเลยจัดลูกยิงเพิ่มค่าตัวในเกมทีมชาติกับโปรตุเกส ศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก เอาซะเลย และยังยึดตำแหน่งตัวจริงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
โดยสโมสรแรกที่มีโอกาสคว้าตัวเขามากที่สุดตามที่สื่อบอก คือ ยูเวนตุส ที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ต้องการตัวเขาไปผนึกกำลังกับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ โอลอฟ เมลเบิร์ก เพื่อเปลี่ยน 'ม้าลาย' ให้กลายเป็น 'ม้าเหล็ก' เนื่องจากเพิ่งเสีย เฟเดริโก บัลซาเล็ตติ กองหลังชาวตูรินไป
'ปีศาจแดงดำ' เอซี มิลาน เองก็กำลังหาตัวแทนที่เหมาะสมสำหรับ อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า ตำนานกองหลังแชมป์ 7 สมัย แต่สุดท้ายเป็น เชลซี ที่ปาดหน้าคว้าตัวเขาไปครองด้วยค่าตัวสุดถูก 9.7 ล้านปอนด์เท่านั้น
แต่ไอ้ค่าตัวนี้สำหรับยุคนั้นไม่ธรรมดานะครับ เพราะมันคือค่าตัวระดับสถิติของลีครัสเซียเลยทีเดียว
หลังจากย้ายสัมมโนครัวมากรุงลอนดอน เขาเริ่มต้นกับทีมสำรองก่อนระยะหนึ่ง โดยส่วนมากตกเป็นตัวสำรองนั่งอยู่ข้างสนาม จนเจ้าตัวเริ่มเกิดอาการวิตกและผิดหวังอย่างรุนแรง
ก่อนที่ โรมัน อับราโมวิช จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในห้องแต่งตัว ทั้งคู่พูดคุยกันมากมาย จนเขารู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น
"ตอนนั้น โรมัน อับราโมวิช ดึงผมเข้ามา แล้วบอกว่า 'ฟังนะ ผมเชื่อในตัวคุณ' เราคุยกันหนึ่งชั่วโมงครึ่งได้ มันเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีของผมเลย"
อิวาโนวิช ย้อนความต่อว่า อับราโมวิช คือ หนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในอาชีพของเขา เป็นทั้งเจ้าของสโมสรและเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง เชลซีคงไม่ใช่สโมสรแบบที่เป็นอยู่ หากไร้ซึ่งอากู๋
อีกหนึ่งคนที่โน้มน้าวใจให้เขาอยู่สู้ต่อ คือ
อันเดร เชฟเชนโก้ ศูนย์หน้าบัลลงดอร์ชาวยูเครนและเพื่อนสนิทระดับ VIP ของเสี่ยหมีนั่นเอง ที่ห้ามเจ้าตัวไม่ให้ย้ายไปอยู่ยูเวนตุสหรือเมืองมิลาน ที่ยังตามจีบไม่เลิกมาเป็นขวบปี
"ถ้าคุณอยู่ที่เชลซี คุณต้องแสดงให้เห็นว่า คุณสมควรได้ลงเล่นในสนาม" มันคือ ประโยคที่ไม่คาดคิดจากอิวาโนวิช ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อตำแหน่งตัวจริง ฟังแล้วขนลุกจริงๆ
จนมาถึงยุคของกุส ฮิดดิ้งค์ ที่รักษาการแทน ฟิลิเป้ สโคลารี่ เขาก็เบิกสกอร์แรกให้เชลซีได้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีค โขกประตูขึ้นนำลิเวอร์พูล 1-2 ในเกมเลกแรก ก่อนผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปแข่งแมตช์อัปยศกับ บาร์เซโลน่า ที่แม้จบลงด้วยการตกรอบ แต่มันเป็นสัญญาณว่า กราฟชีวิตในรั้วค็อปแฮมของเขาจะดูดีขึ้นเรื่อยๆ
ซีซั่นถัดมา โจเซ่ โบซิงวา ฟูลแบ็คถีบเก่ง เริ่มมีอาการบาดเจ็บและหาฟอร์มเก่าไม่เจอ เขาจึงไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสงามหยดนี้ไว้ จัดการยิงโชว์เพื่อนในเกมกับ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส เพราะเคยเล่นตัวจบสกอร์มาก่อน การอยู่ในกรอบเขตโทษก็เป็นอาหารหวานของเขาล่ะ คมกริบอย่างกับกองหน้า ต้นตำรับกองหน้าที่เล่นฟูลแบ็คได้หรือเปล่าเนี่ย?
บรานนี่ กลายเป็นอาวุธลับของเชลซีที่ใครก็คาดไม่ถึง มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2009-2010 อีกด้วย ทั้งยังช่วยทีมชาติผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ลงสนามทุกวินาทีให้เซอร์เบีย เป็นหนึ่งในปีทองของอาชีพการค้าแข้งของเขาเลยล่ะ
แต่ถ้าถามผมว่า ปีไหนคือปีที่ดีที่สุดของอิวาโนวิช? ผมกล้าตอบได้เต็มปากเลยว่า ช่วง 2012-13 สิ
เหตุการณ์แรก ที่จริงมันคือซีซั่น 2011-12 นะ แต่อยู่ในช่วงปีหลัง (งงไหม) เขาพาทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ที่เปรียบเสมือนฟุตบอลโลกของสโมสรก็ไม่ปาน
น่าเสียดายที่เขาโดนใบเหลืองในเกมบาร์เซโลน่า ทำให้พลาดช่วยทีมในนัดชิงชนะเลิศที่มิวนิค แต่สุดท้าย กองหลังชื่อเล่นเยอะอย่างเขา ที่ลงสนามช่วยทีมมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ก็มีชื่อติด 3 คนสุดท้ายนักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของสโมสรอยู่ดีครับ (ปีนั้น ฆวน มาต้า คว้าไป)
ฟังดูเผลินๆ เหมือนดีแค่กับเชลซีใช่ไหมครับ? แต่ไม่เลย เพราะกับทีมชาติก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
อิวาโนวิชได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติถาวร และทำประตูได้ตั้งแต่เริ่มสวมปลอกแขนลงเดบิวต์เกมแรก เอาชนะอัลแบเนียไป 2-0 สิ้นปีคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของฟุตบอลเซอร์เบียอีกต่างหาก
เช่นเดียวกับ ปีถัดมา 2013 เขาวิ่งฉีกตัวประกบ ก่อนขึ้นโขกประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 พาเชลซีเฉือนเบนฟิก้าไป 2-1 คว้าแชมป์ยูโรป้า ลีค มาประดับเป็นใบที่ 11 ให้กับสโมสรในยุคเสี่ยหมี
"คุณทำได้แค่มองไปที่เขาแล้วคิดว่า หมอนี่โคตรปีศาจเลย เขาคือนักรบที่คุณไม่อยากเป็นคู่แข่งด้วย" แฟร้งค์ แลมพาร์ด กล่าวชมเพื่อนร่วมทีมที่เพิ่งคว้าตำแหน่ง MVP ประจำเกมนัดชิงไป
เรื่องเดียวไม่น่าจดจำสำหรับปี 2013 ก็ "เหตุการณ์เนื้อเด้งขอขย้ำ" เท่านั้นแหละครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้พี่หลุยส์แกหม่ำไปแบบนั้น ทางเอฟเอจึงได้ลงโทษแบนไป 10 นัด ข้อหาอดใจไม่ไหวกับแขนอวบๆของพี่เบน ใครว่างๆลองกลับไปดูแมตช์นั้น ช่วงจับมือก่อนเกมนี่ซัวเรซยิ้มกรุ้มกริ่มดีครับ (ฮา)
อิวาโนวิช ฝากสถิติอันสุดยอดไว้ให้กับทีม โดยเขาลงสนามไป 377 นัด ยิง 34 ประตู ในฐานะกองหลังที่ทำประตูสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของเชลซี เป็นรองเพียง จอห์น เทอร์รี่ เท่านั้น
3 ถ้วยพรีเมียร์ ลีค
3 ถ้วยเอฟเอ คัพ
1 ถ้วยลีค คัพ
1 ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีค
1 ถ้วยยูฟ่า ยูโรป้า ลีค
โดยเว็ป Whoscored ที่มักให้คะแนนเรทติ้งนักเตะในแต่ละเกมพบว่า อิวาโนวิชได้ไปถึง 7.15 คะแนนโดยเฉลี่ย ทั้งๆที่เป็นหนึ่งในนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดในรอบ 10 ซีซั่นหลัง แสดงว่าความผิดพลาดต้องน้อยเอามากๆ
เนมันย่า มาติช เคยนิยามผู้ชายคนนี้ไว้ว่า 'พี่ชายในห้องแต่งตัว' ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มอบให้กับน้องๆในทีม แต่ใส่เต็มร้อยทุกครั้งที่ลงสนาม มีความเป็นมืออาชีพสูงในสนามซ้อม แบบอย่างทัศนคติยอดเยี่ยมที่ใครก็ไม่ลืม แม้ฟอร์มจะมีโรยราไปบ้างตามอายุ แต่วันที่ผมดูเกม เวสต์บรอมวิช แล้วเห็นแกลงสนามก็ชื่นใจแล้วจริงๆ
"เขาคือรองกัปตันทีมของเรา ผมเล่นกับเขามาตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามา และผมทราบดีว่าเขาสำคัญกับเชลซีแค่ไหน" เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กล่าวถึงอดีตคุณครูของเขา
ในวันที่อะไรๆก็ไม่เหมือนเดิม อันโตนีโอ คอนเต้ คือโค้ชคนสุดท้ายที่ได้สอนกัปตันทีมชาติเซอร์เบีย ความตรงไปตรงมาที่ว่า อีวี่จะไม่ได้รับการการันตีตัวจริง ก็ไม่ได้ทำให้เขาโกรธเคืองแต่อย่างใด แต่กลับกระตุ้นรุ่นน้องในทีมให้ ซ้อมหนัก ใส่เต็ม อย่างที่คอนเต้ต้องการ แม้ตัวเขาจะไม่มีอยู่ในรายชื่อแม้ม้านั่งสำรองก็ตาม
เพราะอิวาโนวิชคือตำนานของทีม ชายผู้รู้จักทุกซอกทุกมุมภายในสโมสร มีความเป็นมืออาชีพสูงกว่าใคร เป็นคุณครูที่ดีของเหล่าดาวรุ่ง และเป็นพี่ชายที่รักของน้องๆในห้องแต่งตัว
อนาคตหวังว่า เราจะได้ร่วมงานกันอีก เหมือนอย่างตำนานคนอื่นๆได้กลับมาสู่สโมสรในฐานะสตาฟฟ์
"I was born in Serbia, but made in Chelsea" - Branislav Ivanovic