"ปัมโปลน่า" หรือเมืองโบราณในแคว้นนาวาร์ ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโรมันเมื่อ 75 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีความโดดเด่นทางด้านประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบอกเลยว่า ถ้าคุณใจไม่ถึงจริงคงอยู่ในการละเล่นนี้ไม่ได้!!
พวกเขาจะปล่อยวัวกระทิงให้ออกมาไล่ต้อนผู้คน ขณะที่ชาวเมืองก็หาได้หวาดกลัวไม่ กลับกันเลย ชาวบ้านตาดำๆนี่แหละจะวิ่งล่อให้พวกมันเข้ามาขวิดอีกต่างหาก
พูดมาขนาดนี้แล้ว คงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมนักฟุตบอลราศีกันย์คนนี้ จึงไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคแม้แต่น้อย หัวใจของเขาใหญ่พอที่จะสวมปลอกแขน 'กัปตันทีมเชลซี' อันเป็นหนึ่งในสโมสรที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกฟุตบอลมาดูแล
อัซปิลิกวยต้าเริ่มเล่นฟุตบอลกับ ฆวน ปาโบล พี่ชายของเขา ก่อนจะเข้าสู่สายอาชีพโดยการเข้าศูนย์ฝึกของ'โอซาซูน่า' สโมสรระดับเทียร์ต้นๆ ณ เมืองปัมโปลน่า ประเทศสเปน และได้เดบิวต์ชุดใหญ่ในฤดูกาล 2007-08 นั่นเอง
ถ้าถามว่าตำแหน่งอะไรที่เขาโดดเด่นที่สุด? ผมเชื่อว่าทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
"แบ็คซ้าย"
ใช่เลย คุณคิดไม่ผิดครับ เพราะสาเหตุที่เขาได้ย้ายไปโอลิมปิก มาร์กเซย์ ในภายหลัง ก็เพราะแมวมองไปสะดุดตาฝีเท้าการเล่นแบ็คซ้ายนี่แหละ!! เป็นแบ็คขวาที่ Born to Be แบ็คซ้ายจริงๆเลย
ซึ่งที่มาร์กเซย์นั้น อัซปิลิกวยต้าทำสถิติใหม่ให้แก่วงการฟุตบอลฝรั่งเศส ด้วยการลงเล่นครบแล้วทุกตำแหน่งของผู้เล่น Outfield ไม่ว่าจะเป็น ตัวรุก, ปีก, กองกลาง, ฟูลแบ็ค และเซ็นเตอร์ ของทุกฝั่ง
ย้ำว่าทุกฝั่งซ้าย-ขวา ทุกตำแหน่ง จนถูกขนานนามจากสื่อในวงการน้ำหอมว่า "Complete Player"
แม้ว่าจะมีหลายสโมสรรุมจีบในตอนนั้น แต่คนจงรักภักดีอย่างเขาคงไม่ย้ายออกมาร์กเซย์ง่ายๆแน่
กรณีเดียวที่เขาจะย้ายมาเชลซี คือ ดีลนี้ต้องช่วยพยุงสถานะทางการเงินของมาร์กเซย์ ทำให้สิงห์บลูยอมจ่ายไป 8.8 ล้านยูโรเพื่อเซ็นตัวแข้งโนเนมรายนี้มา
“ภักดี ซื่อสัตย์ จริงใจ” ขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่หลายๆสื่อชื่นชมในตัวเขามาก โดยยกให้เป็น ‘คนรักในฝันของผู้หญิงทุกคนบนโลก’ เลยล่ะ ก่อนที่ในเดือนมิถุนายน ปี 2015 เขาตกลงปลงใจแต่งงานกับแฟนสาวสุดที่รัก ผู้ที่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเขาในภายหลัง
"Adriana Azpilicueta"
รู้ไหมว่าทั้งคู่เกิดที่เมืองปัมโปน่าเหมือนกัน และกลับไปแต่งงานกันที่บ้านเกิดเมืองนอนของตน เป็นการแสดงถึงความติดดิน ไม่ลืมฐานถิ่นได้เป็นอย่างดี
“ผมรักการเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยมของเธอ ผมยอมรับข้อเสียของเธอได้ทั้งหมดเลยครับ เพราะงั้น ผมจะไม่ไปจี้ปมด้อยของเธอหรอกนะ”
“ผมยอมรับผิดได้ทุกเรื่องที่ทะเลาะกัน และไม่อยากมานั่งโทษว่าเป็นความผิดของใคร”
หล่อเกินเบอร์จริงๆสำหรับ'กัปตันเดฟ'จะว่าไป พูดถึงชื่อ 'เดฟ' กันหน่อยดีกว่า จะได้พูดถึงชีวิตส่วนตัวในช่วงแรกที่เชลซีด้วย
สำหรับแฟนบอลรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักชื่อเล่นของเขา เรื่องมันไม่มีอะไรมากหรอกครับ จริงๆก็ชื่อ 'เซซาร์' นั่นแหละ แต่เผอิญเพื่อนๆในทีมดันไม่อยากเรียกชื่อนี้ แถมคำว่า'อัซปิลิกวยต้า'มันก็เรียกยากซะเหลือเกิน
ย้อนไปวันหนึ่งในช่วงปรีซีซั่น มีคนตะโกนเรียกคนขับรถบัสของทีมที่ชื่อว่า "นายเดฟ" แต่เจ้ากรรม ‘หนุ่มเซซาร์’ ของเราดันหันไปหาคนเรียกซะนี่ ตั้งแต่นั้นมาทุกคนก็เลยเรียก ‘เดฟ’ ซะอย่างนั้นเลยครับ
ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะที่เชลซี เหล่านักเตะชอบตั้งชื่อให้กันอยู่แล้ว อย่างเอเด็น อาซาร์ บางทีเพื่อนก็เรียก 'เสมิร์ฟ' แล้วคนปรับตัวยากอย่างเขาล่ะจะไปเหลืออะไร โดนแซว โดนแกล้งแน่ๆ
จากสเปน มาฝรั่งเศส ยังพอว่า นี่ดันย้ายมาเมืองป็อบปูล่าสุดวุ่นวายอย่างอังกฤษ ยังดีที่มีคนช่วยดูแลและพาทัวร์กรุงลอนดอนให้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน 'กระทิงหนุ่ม' ฆวน มาต้า ยังไงล่ะ
“ฆวนรู้จักทุกซอกทุกมุมในตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอนเลยแหละ” อัซปิลิกวยต้า แอบอวยเพื่อนร่วมชาติ
หมอนี่ชอบดื่มน้ำผลไม้ปั่นสมูธตี้นะ แน่นอนสูตรที่เขาใช้ก็มาจากบ้านเกิดนั่นแหละ แถมยังเป็นกินคลีนมากๆอีกด้วย ก็ว่าทำไมวิ่งไม่หมด แต่อะไรกันล่ะที่ทำให้เขาปรับตัวและพัฒนาตัวเองจนเก่งกาจแบบนี้? ทั้งๆที่มาช่วงแรกๆนี่ดูชีวิตจะยากพอสมควรเลย ซูเปอร์สตาร์ในทีมก็เก่งๆก็เต็มไปหมด
คำตอบคือ 'นิสัยและทัศนคติ' นั่นแหละ
เขาเป็นคนรักสัตว์และธรรมชาติเอามากๆ นั่นทำให้เขาค่อนข้างเกลียดคนที่หยาบคาย รวมไปถึงการพยายามเป็นจุดศูนย์กลางที่ทำให้ผู้อื่นสนใจ ซึ่งแฟนเชลซีน่าจะพอทราบกันมาบ้างแล้วว่า กัปตันของเราขี้อายมากและไม่ชอบวิจารณ์คนอื่น คุณสมบัติสำคัญที่สุดของเขาคือ การโฟกัสที่ตัวเอง หากเขาทำงานหนักพอ ก็ย่อมเป็นกัปตันตัวอย่างให้คนอื่นได้
นั่นทำให้เขาไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากใครเลย และมักจะมีความกังวลในใจอยู่ตลอด เลยยิ่งซ้อมหนักเข้าไปอีก
เมื่อสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมรวมกัน ทำให้โจเซ่ มูรินโญ่ ถึงกับปลาบปลื้มในตัวศิษย์รัก และยกอัซปิลิกวยต้าให้เป็นหนึ่งในแข้งที่ดีที่สุดของเขา
เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องพรสวรรค์ มูรินโญ่บอกว่าเขาสามารถพาทีมคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก หากมี'กัปตันเดฟ'อยู่ในทีมครบ 11 คน!!!
Spoil
สำหรับสูตรสมูธตี้ของพี่เดฟ ลองไปปั่นแล้วดื่มกันดู อย่าลืมมาบอกผมด้วยนะ มันประกอบไปด้วยผลไม้และธัญพืช ดังนี้
ส้ม, แตงโม, อโวคาโด, พริกหยวกแดง, สตรอวเบอร์รี่, องุ่น, น้ำมะพร้าว, ถั่ว และน้ำเปล่า
ส่วนอัตราส่วน บอกตรงๆว่าไม่รู้ครับ (ฮา)
เซซาร์ย้อนความไปถึงวันแรกที่เข้าร่วมทีม เขายอมรับว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร และการแย่งตำแหน่งแนวรับในยุคนั้นก็แสนสาหัส
แอชลี่ย์ โคล แบ็คซ้ายเพลย์บอยฝีเท้าจัด
จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
แกรี่ เคฮิลล์ ชายผู้หยุดลีโอเนล เมสซี่ ในปี 2012
และบรานิสลาฟ อิวาโนวิช พ่อหนุ่มก้นงามชาวเซอร์เบีย
กระนั้น อัซปิลิกวยต้าก็เลือกที่จะศึกษาเพื่อนร่วมทีม และนำข้อดีของทุกคนมาพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
“อิวาโนวิช คือ ผู้เล่นตำแหน่งเดียวกันกับผม บรานน่า (อีวี่) คือ ผู้เล่นมหัศจรรย์และแพสชั่นสูง ผมเรียนรู้การเล่นเกมสวนกลับและเซ็ตเพลย์จากเขา”
“จนกระทั่ง ในเกมลีคคัพกับอาร์เซน่อล ปีที่สองของผม ผมลองโอกาสที่ผมได้รับและทำประตูได้” เขาพูดถึง ประตูแรกในสีเสื้อเชลซีของเขา
VIDEO
การเป็นกัปตันทีมเชลซีนั้น ต้องผ่านความเห็นชอบของซีเนียร์รุ่นเก่าในทีมด้วย เพราะหากพี่ใหญ่สักคนรู้สึกไม่สบอารมณ์ล่ะก็...อยู่ยากแล้ว ที่แสตมฟอร์ด บริดจ์ และสนามซ้อมค็อปแฮมมักมีซีเนียร์แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนสโมสรอยู่เนืองๆ
สิ่งที่เขาได้รับมาจากกัปตันทีมยุคนั้นไม่ใช่แค่เพียงแท็คติคอย่างเดียว แต่เป็นแพสชั่นและความกระหายในชัยชนะด้วย ซึ่งอัซปิลิกวยต้าคือตัวแทนที่ไร้ที่ติในมุมมองของจอห์น เทอร์รี่ ลูกพี่ขอบอกว่าฉันถูกใจสิ่งนี้
บางครั้ง ความภักดีและความกระหายของเขามีมากเกินไปด้วยซ้ำ จนแยกเวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนไม่ได้ ทำเอาแฟนสาวอย่าง 'อาเดรียอาน่า' ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้งในวันหยุดพักผ่อนของครอบครัว
'เพราะเขาภักดีกับเชลซีมากเกินไป' การทำงานอย่างหนักจนลืมวันหยุด หรือไม่ยอมหยุดคิดถึงมันในวันที่ไปเที่ยวพักผ่อน บางทีก็ทำให้คุณภรรยารู้สึกน้อยใจมั่งแหละครับกัปตัน
ความเป็นผู้นำที่เห็นได้ชัดๆเลย คือ เหตุการณ์ของแทมมี่ อับราฮัม และโค้ชเกป้า
ในรายแรกคือ การสอนรุ่นน้องร่างยักษ์ในทีมให้รู้จักเคารพและหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ
หากใครจำไม่ได้ก็ขอย้อนความสั้นๆเล็กน้อย เรื่องของเรื่องคือ แทมมี่ยังทำประตูไม่ได้ในเกมนั้น จึงอยากเข้าไปแย่งจอร์จินโญ่ยิงจุดโทษ แน่นอนว่ามันเป็นหน้าที่ของกัปตันที่จะปรามเด็กๆเมื่อทำผิดมากกว่าผู้จัดการทีม เพราะเฮดโค้ชมีเรื่องหน้าปวดหัวเยอะพอแล้ว ไอ้เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ ให้พี่ดุน้อง สอนน้องก็เพียงพอ
ส่วนอีกเคสหนึ่งคือ การทะเลาะกันเรื่องการสื่อสารที่ผิดพลาดของเมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือในขณะนั้น กับเกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูหน้าหล่อที่ไม่ยอมออกนอกสนามหลังถูกเปลี่ยนตัว
กระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลาในเกมนั้น การเคลียร์ใจจึงเกิดขึ้นในห้องเดรสซิ่ง และแน่นอนว่า ผู้เล่นคนแรกที่เข้าไปเผชิญหน้าต่อผู้จัดการทีมอย่างไม่หวาดหวั่นคือ กัปตันเดฟ เพราะเขาต้องจบเรื่องราวงี่เง่าพรรค์นี้ระหว่างเจ้านายและเด็กในสังกัดให้ได้ ก็แหม คนนึงก็ลูกพี่ อีกคนก็รุ่นน้อง เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ยังไงพี่แกต้องออกโรงอยู่แล้ว
สิ่งนี้กลายเป็นธรรมเนียมในห้องแต่งตัวของเชลซีไปเรียบร้อย พี่ใหญ่ในทีมต้องเป็นคนที่มีความเป็นมืออาชีพสูง และกล้ายืนหยัดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้จัดการทีมหรือใครก็ตาม แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเคารพยำเกรง
“อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ.. แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกระด้าง”
ตอนนี้ เขากลายเป็นกัปตันทีมที่สมบูรณ์แล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นมากกับเชลซี Generation ใหม่ สนุกสนานไปกับการเฝ้ามองดูเด็กๆฝึกหัด เหมือนกับที่เคยถูกมองจากซีเนียร์รุ่นก่อนนั่นเอง
“เด็กๆไปที่อคาเดมี่และศูนย์ปล่อยยืมตัว พวกเขาฝึกกันหนักมากและทำได้สุดยอดเลย แต่การขึ้นชุดใหญ่มันอีกเรื่องนึงน่ะ เพราะคุณต้องมีอิมแพ็คกับเกมและสร้างความแตกต่าง การรับมือกับปัญหาและอุปสรรคทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น” กัปตันทีมวัย 31 ปีกล่าวให้กำลังใจรุ่นน้อง
แน่นอนว่าด้วยสถานการณ์ ณ ขณะนี้ รีซ เจมส์ กำลังก้าวขึ้นมาแทนที่เขาในฐานะแบ็คขวาตัวจริงของ'สิงโตน้ำเงินคราม' เขาจึงไม่มีโอกาสได้ลงเล่นเหมือนซีซั่นก่อนๆ รู้ไหมว่า ที่ผ่านมานั้น สถิติความอึดและความฟิตนั้นของเขาเป็นรองแค่แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือคนปัจจุบันที่เป็นตำนานของสโมสรเพียงคนเดียว
ซึ่งเดฟก็เข้าใจดีและพร้อมทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสโมสร ในเมื่อคลื่นลูกใหม่กำลังเคลื่อนเข้าชายฝั่งแล้ว มันไม่มีเหตุผลที่คลื่นลูกเก่าจะซัดผ่านคลื่นใหม่นั้นให้เสียสมดุล
“แกรี่คือกัปตันของเชลซีเมื่อฤดูกาลก่อน ถึงแม้เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมมากนัก แต่เราแชร์ไอเดียกัน เขาหนุนหลังผมตลอด” เขากล่าวในฤดูกาลแรกที่เจมส์ได้เดบิวต์ ท่ามกลางเสียงชื่นชมเจ้าหนูวัย 19 กะรัต และเสียงวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นของเสือใกล้หมดวัยอย่างเซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แต่ทัศนคติของเขาทำให้เหล่ากูรูต่างยกว่า มันเป็นคุณสมบัติของการเป็นกัปตันทีมอย่างแท้จริงที่ไม่อาจหาได้ทั่วไป เพราะการได้ลงสนามเป็นตัวจริง ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
“ผมพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อทีมเสมอมา ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นกัปตันทีมของสโมสรแห่งนี้ และผมพร้อมทำทุกอย่าง...อย่างที่มันควรจะเป็น”
หนุ่มเดฟชอบที่เชลซีมีการแข่งขันขึ้น เพราะนั่นจะทำให้สโมสรแข็งแกร่งขึ้นทั้งปึกแผ่น พร้อมเอ่ยปากชมว่า เจมส์เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากจริงๆและเขาพยายามช่วยเจ้าหนูนี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อย่างที่ผมเคยบอกก่อนหน้านี้ นี่คือเชลซีนะ คุณต้องสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเอง ทีมนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นยอด เหมือนกับที่ผมมาที่นี่ครั้งแรกเมื่อปี 2012”
ซึ่งแฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้เคยลงสนามเคียงบ่าเคียงไหล่กับรุ่นน้องรายนี้มาแล้วกล่าวว่า การแข่งขันตำแหน่งของทั้งคู่ดุเดือดมาก เพราะต่างคนก็ต่างเป็นผู้เล่นชั้นเยี่ยมและมีความเป็นมืออาชีพสูงกว่าใคร เป็นปัญหาน่าปวดหัวที่เขาอยากพบเจอ
บางทีคำกล่าวของมูรินโญ่อาจจะไม่ได้เกินจริง หากทั้งทีมมีผู้เล่นที่มีทัศนคติแบบอัซปิลิกวยต้า คือ โดดเด่นที่ความขยันและกระหายชัยชนะ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่สโมสรนั้นๆจะไปสู่ฝั่งฝันของการคว้าแชมป์ แม้แต่แลมพาร์ดเองก็ยังเห็นด้วยกับเรื่องนั้นเช่นกัน
เพราะอัซปิลิกวยต้า คือ คีย์แมนความสำเร็จของเชลซี ไม่ว่าสถานการณ์ของสโมสรหรือฟอร์มการเล่นจะเป็นอย่างไรก็ตาม
“ผมรู้ว่าเขาจะให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะได้ลงเล่นในสนามหรือไม่ก็ตาม เขามอบพลังบวกทั้งในและนอกสนามให้เราอยู่เสมอและตลอดมา นั่นแหละคือ สิ่งที่ผมขอจากเชลซีชุดนี้”
“เราโชคดีจริงๆ (ที่มีเขาเป็นกัปตัน)” กุนซือชาวอังกฤษทิ้งท้าย
ขณะที่กัปตันเราก็ไม่ได้น้อยหน้า ออกมายกย่องฮีโร่และลูกพี่ของเขาอย่าง'แลมพาร์ดกับเทอร์รี่'เช่นกัน ซึ่งการได้แชร์ห้องแต่งตัวกับทั้งคู่ นับเป็นเกียรติและขัดเกลาให้เขามีวันนี้ได้
วันนี้เขาได้พบปะผู้คนที่ค็อปแฮมมากมาย สโมสรกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาไปแล้ว และเขาอยากสะท้อนภาพเหล่านั้นเพื่อส่งต่อไม้ต่อให้กับรุ่นถัดไป สิ่งนั้นอาจถูกเรียกว่า 'Chelsea Passion' ในอนาคตก็ได้ เพราะไม่ว่าที่นั่นคือ สนามซ้อมหรือการแข่งขันจริง เหล่าซีเนียร์ในทีมจะไม่มีวันอ่อนข้อให้คุณแน่นอน
“นี่เป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่ได้นำทางสโมสร”
El Legendario Capitán De Chelsea - Cesar Azpilicueta