บ้านผมไม่มีปัญหาเลย

ไม่ใช่อะไร

ไม่อินกันทั้งบ้านนานแล้ว โดยเฉพาะรุ่นแม่ที่ทันเหตุการณ์ทุกสิ่งอย่างทั้งเห็นกับตาทั้งคลุกคลีกับคนที่เกี่ยวข้อง

แม่ผมเป็นแบบแม่จขกทเป๊ะเลย เรื่องเกิดเมื่อวานเหมือนจขกทเลยด้วย แต่ผมไม่ตอบโต้อะไรเพราะขี้เกียจคุยละ คุยไปหลายรอบละ ได้แต่ทำใจครับ

เป็นเหมือนกัน ผมก็อืมๆไป ไม่ได้ตั้งใจฟัง และไม่ไปเถียงแสดงความเห็นอะไร ...การเอาความคิดตัวเองไปใส่หัวคนอื่นที่เค้าไม่เปิดรับมันทะเลาะกันเปล่าๆ

ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นครับ เพราะฉะนั้นจะให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้นั้นแทบจะเป็นไปได้ยากมากๆ ต้องใช้เวลาอย่างเดียวเลยครับ

เหมือนกันหมดแหละครับ พลังของการ PR มันแรง

ถ้าเปิดใจเดี่ยวก็เห้นเองว่าอะไรเป็นอะไร

ผม ว่า เป็นกันเยอะครับ พ่อแม่ผม ก็คล้ายๆ แต่อย่าไปคุยเรื่องพวกนี้ในบ้าน เลยทะเลาะกันเปล่าๆ

ผมว่าท่านอธิบายแม่ได้ดีแล้ว ผมคนนึงที่โตมากับการถูกปลูกฝังให้รักสถาบัน แต่ก็มีโอกาสอ่านข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยส่วนใหญ่ผมยังเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มีประเด็นที่ผมสงสัยมานานเพราะสมัยเด็กผมก็ชอบอ่านประวัติศาสตร์ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่พูดๆกันอยู่ตอนนี้แหละ มันไม่ใช่ข้อมูลใหม่อะไร

สิ่งที่ทำกันอยู่ตอนนี้ผมยังมองไม่เห็นว่าจะชนะยังไง โฟกัสที่ปัจจุบันกับอนาคตจะมีอุปสรรคน้อยกว่าไปรื้อฟื้นเรื่องในอดีตที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังไม่เกิดกันเลยมั้ง ควรหาแนวร่วมมากกว่าจะไปดูถูกความเชื่อของอีกฝ่าย เพราะมั่นใจได้ไงว่าสิ่งที่คุณเชื่อมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะก็ฟังหรือได้ข้อมูลจากคคนอื่นมาทั้งนั้น ที่แน่ๆมัวแต่แซะกันไปมา อีกสิบปีก็วนอยู่จุดเดิมนี่แหละ ทั้งที่มันอาจมีจุดที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นเหมือนกันอยู่

เห็นต่างได้แต่ไม่แตกแยก

อย่าได้หลงกลตกเป็นเครื่องมือของขบวนการทำลายชาติไทย
เป็นขบวนการต่างชาติในอาเซียนเรานี่ล่ะ
ที่เห็นประเทศไทย เป็นก้างขวางคอชิ้นโตทางเศรษฐกิจ
ทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เมืองไทยสงบสุข ไม่ให้พัฒนาเจริญก้าวหน้ากว่าประเทศมัน

มันรู้จุดอ่อนจุดแข็งของประเทศไทยคืออะไร
เพียงแค่ปลุกปั่นใช้ข้ออ้างเรื่องความเท่าเทียมมาเพื่อให้คนไทยคิดล้มล้างสถาบัน

ทั้งๆที่ความจริง ต่อให้ไม่มีสถาบัน ไม่ว่าประเทศไหน ก็ไม่มีความเท่าเทียม เสมอภาคกันอยู่ดี
ต่อให้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ ประชาชนก็ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริง
เพราะสุดท้าย กลุ่มบุคคลที่ขึ้นมาถือครองอำนาจในมือ ก็อยู่เหนือประชาชนทั้งหมด ไม่แตกต่างกัน
หากมีความแตกต่างกันบ้าง ตรงที่ว่า กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจ จะไม่ได้มองประชาชนเหมือนลูกหลาน เหมือนสถาบันกษัตริย์
แต่จะมอง ประชาชน เป็นแค่เบี้ยล่างให้เขาได้ยืนอย่างสง่างามเท่านั้นเอง

สิทธิความเท่าเทียม เป็นแค่เรื่องอุปโลกศ์โลกสวยที่ศัตรูของไทยหยิบยก มามอมเมา
ให้คนไทยต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกันเอง โดยที่มันไม่ต้องใช้กำลังสรรพวุธใดๆให้สิ้นเปลือง
เพราะรู้ว่า นิสัยคนไทย มักเห็นใครดีใครเด่นกว่าตนเองไม่ได้
ในอดีตไทยเคยสิ้นชาติก็เพราะ มีคนประเภทนี้อยู่นี่ล่ะ ที่เสี้ยมให้คนไทยด้วยกันห้ำหั่นกันเอง
จนประเทศอ่อนแอ เป็นเหตุให้เสียเอกราชให้กับพม่าไปทั้งสองครั้ง

ดังนั้นขอคนไทยทุกท่าน
จงใช้สติไตร่ตรองให้ดี ว่าการกระทำของเรา ทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เผาเมืองด้วยมือตนเองหรือไม่
สิ่งใด ดีอยู่แล้วควรปกปักษ์รักษาไว้
สิ่งไหน ไม่ดีก็ช่วยกันแก้ไข อย่างสันติ
ขอคุณพระคุ้มครองคนไทยทุกคน

อิหยังวะเนี่ย ?

แก้ไม่ได้ก็เลยไม่ต้องแก้ ปล่อยให้คนกลุ่มนึงสูบภาษีไปเที่ยวเล่นฟรีๆงี้หรอ

แล้วก็ไปศึกษาเรื่องความเท่าเทียมมาใหม่
ไม่ใช่ทุกคนมีเงินเท่ากัน ทำงานเท่ากัน นั่นมันสังคมนิยม
ความเท่าเทียมกันมันเรื่องของโอกาส และสิทธิบนคำว่า"ขั้นพื้นฐาน"

บ้านผมก็ด้วย T T

เปิดช่อง N ทั้งวันทั้งคืน พูดมากไม่ได้ ทะเลาะกันเปล่าๆ

เมื่อไหร่ประเทศไทยจะเสรีทางความคิดจริงๆ แต่อยู่ในกรอบที่ไม่ทำร้ายกันเกินจริง และไม่ถูกครอบงำ จนเหมือนคนไม่มีสมอง