Steven Gerrard นักเตะที่เงินซื้อเค้าไม่ได้
สตีวี่จี กัปตันไดนาโม
ในช่วงพีคของอาชีพนักฟุตบอล มันคือช่วงเวลาที่ใครๆก็หวังว่าจะได้ครอบครองทั้งเงินและถ้วยรางวัล นักเตะมากมายทนกลิ่นเย้ายวนของเงินและถ้วยรางวัลจากทีมชั้นนำไม่ได้ และย้ายไปร่วมทีมที่สามารถให้เค้าได้ทั้งเงินและถ้วยรางวัล แต่ไม่ใช่กับบักเจิด กัปตันไดนาโมที่เป็นยิ่งกว่าทุกสิ่งของลิเวอร์พูลในยุคนั้น บักเจิดมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่จะย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล เพื่อไปทีมไหนก็ได้ในโลก แต่ด้วยความผูกพันธ์ ความรัก ความภักดีที่เค้ามีให้ลิเวอร์พูล ทำให้เค้ายังเลือกที่จะสู้ต่อกับทีม วันนี้เราจะมาฟังเรื่องราวของเจอร์ราดในช่วงเปลี่ยนผ่านของเค้ากัน
เหตุการณ์เริ่มตันในปี 2003 เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช เข้ามาซื้อทีมเชลซี และเปลี่ยนจากทีมยักษ์หลับมาเป็นโคตรทีมที่ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ อยากได้ใครก็สามารถจิ้มได้ทันที ในตอนนั้นบักเจิดอายุเพียง 23 ปี แต่เค้าก็สามารถนำทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่าคัฟ และ เอฟเอคัฟมาครอง แต่อย่างไรก็ดีจุดสูงสุดของนักเตะในระดับสโมสรที่ทุกคนอยากได้ก็คือ พรีเมียร์ลีค และ ยูฟ้า แชมเปี้ยนส์ลีก
ในฤดูกาล 2004 เชลซีได้ผู้จัดการทีมใหม่นั่นก็คือ “เดอะ โชเซ่น วัน” โฆเซ่ มูริญโญ่ มานำทัพสิงโตน้ำเงินครามในเวลานั้น “โลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ฟุตบอลเปลี่ยน” คือคำนิยามของมูริญโญ่ต่อฟุตบอลในสมัยนั้น เงินกลายเป็นปัจจัยสำคัญในโลกฟุตบอล สโมสรใหญ่ๆเลือกที่จะใช้เงินซื้อความสำเร็จทั้งการซื้อตัวอย่างบ้าคลั่ง หรือการเปย์ค่าเหนื่อยมหาศาลให้ซุปเปอร์สตาร์ย้ายมาเล่นกับทีมตัวเอง และแน่นอนบักเจิดในเวลานั้นคือเป้าหมายอันดับ 1 ของ มูริญโญ่
“เชลซีมีเงิน มูริญโญ่อยากได้เจอร์ราด เจอร์ราดอยากได้ถ้วยรางวัล” ทุกอย่างดูเหมือนจะสอดคล้องกันทั้งหมด ติดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ความรัก ความผูกพันที่เจอร์ราดมีให้ลิเวอร์พูล
มันคือการต่อสู้ระหว่างความต้องการของตัวเองและความรักที่มีให้กับทีมของบ้านเกิด ทีมที่เค้าใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก ทีมที่เค้าเป็นทุกๆอย่าง และเมืองที่ทุกๆคนมีความรู้สึกร่วมกันกับเค้า เหตุการณ์มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่เจอร์ราดยังเป็นเด็กน้อย “ผมแค่สนุกกับการได้เตะฟูตบอล” สตีวี่กล่าวถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กของเค้า “ถึงแม้โค้ชจะบอกผมว่าในอนาคต นายจะเป็นประสบความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอล นายจะได้ถ้วยรางวัลมากมาย และนายจะเป็นตำนานของเมืองนี้”
ในปี 1989 มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตเจอร์ราด ญาติคนนึงของเค้าเสียชีวิตในเหตุการณ์ ฮิลล์โบโร่ ร่วมกับแฟนลิเวอร์พูลอีก 95 ชีวิต นั่นคือจุดเปลี่ยนทำให้พรีเมียร์ลีคเริ่มมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศตั้งแต่ปี 1992 หลังจากเหตุการณ์นั้น ในยุคเริ่มต้นเป็นแมนเชตเตอร์ ยูไนเต็ดที่ครองความสำเร็จ โดยที่ลิเวอร์พูลไม่เคยคว้าแชมป์ได้แม้แต่ครั้งเดียว
ในตอนที่เจอร์ราดเล่นอยู่ในชุดเยาวชนของลิเวอร์พูล ในสนามเค้าพร้อมปะทะกับคู่ต่อสู้เหมือนกับต้องการฆ่าให้ตายในสนาม แต่นอกสนามเค้าไม่ใช่คนแบบนั้น เค้าคือคนที่นอบน้อม ในยุคนั้นเจอร์ราดคือความหวังใหม่ของลิเวอร์พูล พร้อมกับดาวอีกดวงที่ชื่อว่า ไมเคิ่ล โอเว่น
เจอร์ราดลงสนามในชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1988 “แม่งโคตรน่ากลัวเลยครับ คนโคตรเยอะ หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว” เจอร์ราดเล่าย้อนถึงความรู้สึกในตอนนั้น “เกมส์มันเร็ว และมีการปะทะกันอย่างรุนแรง มันเหมือนพวกนั้นไม่ได้เล่นกีฬา แต่เหมือนคนเกลียดกันที่กำลังแข่งอะไรบางอย่างกันอยู่”
“หลายฤดูกาลต่อมาผมเฝ้าถามตัวเองว่า เมื่อไหร่เราจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีค หรือ ยูฟ้า แชมเปี้ยนส์ลีกได้สักที และคำถามนี้เองที่คอยผลักดันให้ผมคิดถึงการย้ายทีม”
ในปีแรกที่มูริญโญ่ย้ายมาคุมทีมเชลซี เจอร์ราดคือเป้าหมายแรกที่เค้าต้องการตัว ณ เวลานั้นทีมเชลซีสามารถให้ในสิ่งที่เจอร์ราดฝันถึงได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็คือ “ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีค”
และเป็นที่ทราบกันดีว่า ณ ตอนนั้นใจของบักเจิดพร้อมที่จะถอดเสื้อสีแดงเพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อสีน้ำเงินทันที่ที่จบฤดูกาล หากไม่เกิดเหตุการณืบางอย่างในนัดชิงของบอลถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีค ในปี 2005 กับ เอซี มิลาน “หลังผ่านเหตุการณ์ปาฏิหารย์ที่อิสตันบลู มันเหมือนยกภูเขาออกจากอกผม” ใครจะไปคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้หลังจากที่จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล โดน เอซี มิลาน โคตรทีมในยุคนั้นนำขาดด้วยสกอร์ 3-0 ทั้งสกอร์ และรูปเกมส์ไม่มีอะไรเข้าทางลิเวอร์พูลเลย
เจอร์ราดคือคนที่จุดความหวังของทีม ลูกยิงไกล ที่เหมือนปลุกนักเตะลิเวอร์พูลให้ตื่นจากภวัง และหลังจากนั้นปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น ความกดดันที่มันเคยกดทับอยู่ที่บ่าของเจอร์ราดเหมือนถูกยกออกไป เหตุการณืนี้ทำให้ความคิดย้ายทีมของเค้าเปลี่ยนไป “ผมไม่คิดว่าใครจะเข้าใจความรู้สึกของผมในคืนนั้น เหมือนสติของผมกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ผมถอดใจกับลิเวอร์พูล และคิดว่าเราไม่มีทางคว้าแชมป์ อีกทั้งผมคงต้องย้ายทีมหลังเกมส์นี้เพื่อไปคว้าแชมป์กับทีมอื่น”
หลังคว้าแชมป์เจอร์ราดไม่มีความคิดย้ายทีมอีกต่อไป แต่เงินก็เย้ายวนเกินกว่าที่ใครจะต้านทาน เจอร์ราด รู้สึกว่า ราฟาเอล เบนิเตซ โค้ช ของลิเวอร์พูลในตอนนั้นต้องการขายเค้าเพื่อเอาเงินก้อนใหญ่มาเสริมทัพหงษ์แดง เจอร์ราดจึงตัดสินใจประกาศว่าเค้าจะย้ายไปร่วมทีมกับมูริญโญ่ ที่เตรียมป้ายต้อนรับและพรมแดงรอเค้าไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงชั่วพริบตาหลังจากที่เจอร์ราดประกาศว่าจะย้ายทีม โทรศัพท์ ข้อความ รูปภาพต่างๆถูกส่งมาหาเค้าอย่างมหาศาล ทั้งคำด่าทอของแฟนบอล การเอาเสื้อที่มีชื่อของเค้ามาเผา และการเปลี่ยนชื่อเค้าเป็น คนทรยศ
ผู้จัดการของเจอร์ราดกล่าวว่า “ให้ผมคิดอีก 100 ที ผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนตัวกับเจอร์ราดในตอนนั้นหรอกนะ เค้าอาจจะมีความสุขหลังคืนแห่งประวัติศาสตร์ที่อิสตันบลู แต่คุณลองคิดสิว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณต้องเห็นแฟนบอลที่เคยรักคุณ ด่าทอคุณ เผาเสื้อคุณ รวมถึงเรียกคุณว่า ไอคนทรยศ”
หลังผ่านเหตุการณ์ต่างๆจากที่แฟนบอลได้ทำ คนสุดท้ายที่เจอร์ราดคุยก่อนที่จะย้ายทีมคือพ่อของเค้า ต้องขอบคุณพ่อของเค้าที่พูดเตือนสติ และให้เค้านึกถึงความฝันและความภูมิใจในวัยเด็กที่ตัวเค้าเป็น เสก๊าเซอร์ ที่มีความฝันคือการคว้าแชมป์ให้กับลิเวอร์พูล ไม่ใช่คว้าแชมป์ร่วมกับทีมอื่นโดยที่ทีมรักของเค้าต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
หลังผ่านเหตุการณ์นั้นเจอร์ราดก็มุ่งมั่นที่จะนำลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในถ้วยพรีเมยร์ลีคให้ได้ หลายปีผ่านมาความฝันของเค้าใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ลิเวอร์พูลนำหัวตาราง และดูเหมือนว่าในปีนั้นลิเวอร์พูลจะสามารถคว้าแชมป์ได้หากไม่มีเหตุการณืบางอย่างเกิดขึ้น!!!
ในปี 2013/2014 เจอร์ราดระเบิดฟอร์มทะลุปรอท นำทัพลิเวอร์พูล ทำคะแนนนำเรือใบสีฟ้าที่ตอนนั้นกลายร่างเป็น ทีม EDIT ที่มีเงินใช้จ่ายอย่างไม่มีวันหมดจากท่านชีค แห่งเมืองดูไบ
ในตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมเกิดขึ้นกับเจอร์ราด นัดนั้นลิเวอร์พูลต้องเจอกับเชลซี เจอร์ราดฝืนเจ็บฉีดยาเพื่อลงเล่นในนัดสำคัญนี้ หากลิเวอร์พูลชนะในนัดนั้นแทบจะการันตีการคว้าแชมป์ได้เลย แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างฝันเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ลื่นบรรลือโลก
เจอร์ราดลื่นล้มและบอลหลุดออกจากเท้าบริเวณกลางสนามทำให้ เดม บา บา ได้หลุดเดี่ยวไปยิงประตูให้เชลซีทำให้ในนัดนั้นลิเวอร์พูลแพ้ไปและเสียโมเมนตั้มจนในที่สุดเรือใบก็ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองอย่างน่าเจ็บใจ หลายคนล้อเลียนการลื่นนี่แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหลังจบเกมส์นั้น เจอร์ราดเดินไม่ได้ต้องนอนอยู่บนเตียงถึง 3 วัน เนื่องจากเค้าฝืนฉีดยาลงไปแข่งเพื่อหวังจะนำทีมค้าแชมป์
“ชิบหายแล้ว ผมคิดในใจตอนที่ผมลื่นล้ม” เจอร์ราดให้สัมภาษณ์ อเล็ก ภรรยาของเจอร์ราดอธิบายเพิ่มเติม “สำหรับเค้ามันเหมือนโลกถล่มลงมาต่อหน้า เค้าขังตัวเองและไม่พูดไม่จากับใครในบ้านอยู่หลายวัน” ทุกวันนี้เค้ายังรู้สึกผิดและเสียดายกับเหตุการณ์นั้น และยิ่งน่าเสียดายกว่าสำหรับแฟนบอลเมื่อนั่นคือความหวังที่ใกล้ที่สุดของเจอร์ราดกับถ้วยพรีเมียร์ลีค ก่อนที่จะย้ายไป แอลเอ กาแลคซี่
เจอร์ราดคือบทสรุปของนักเตะที่เลือกความรัก ความผูกพันธ์ มากกว่าเงินตราหรือความสำเร็จ แฟนบอลทีมอื่นอาจจะเลือกจำเค้าในความผิดหวัง หรือเหตุการณืลื่นล้ม แต่ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนสำหรับแฟนลิเวอร์พูล และรวมถึงชายที่ต้องการตัวเค้าอย่างที่สุด โฆเซ่ มูริญโญ่ “เจอร์ราดมีเส้นทางอาชีพที่สุดยอด เค้าเลือกทิ้งเงินตราและถ้วยรางวัลเพื่อทีมที่เค้ารัก เค้าคือหนึ่งในนักเตะที่ผมเสียดายมากที่สุดที่ไม่สามารถคว้าตัวมาร่วมทีมได้ แต่ผมก็เข้าใจในเหตุผลของเค้าดี และยกย่องในการตัดสินใจของเค้าเสมอมา”
source :
https://www.vice.com
ติดตามบทความฟุตบอลได้ที่ : facebook.com/sportbibleth
#Gerrard
#Liverpool
#England