Bruno Fernandes จากคำบอกเล่าของคนรอบข้าง
ติดตามได้ที่บทความแปลได้ที่ :
https://www.facebook.com/SportbioTH
ต้นฉบับ : Marcus Alves (18th June 2020)
ที่มา :
https://www.fourfourtwo.com/features/bruno-fernandes-manchester-united-man-utd-sporting-udinese-sampdoria-novara-portugal
แปล/เรียบเรียง : Gongza
#Sport Bible
#Bruno Fernandes
#Man Utd
จุดเริ่มต้นการเดินทาง
โปรตุเกสได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการเงินในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้การอพยพเพิ่มสูงขึ้นโดยมีพลเมืองมากกว่าสองล้านคนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เป็นเวลาห้าปีที่ Jose Fernandes เป็นส่วนหนึ่งของสถิติเหล่านี้ เขาตกงานและดิ้นรนหางานเลี้ยงครอบครัวเขาเลือกที่จะออกจากบ้านที่สวิตเซอร์แลนด์เพื่อหางานทำ ตอนแรกเขามีความคิดที่จะพาภรรยาและลูกสามคนไปด้วย แต่ในไม่ช้าก็มีปัญหาเกิดขึ้น บรูโน่ ลูกชายคนกลางของเขาไม่ยอมไป ที่แย่กว่านั้นบรูโน่ขู่ว่าจะหนีไปถ้าพ่อของเขายืนกรานที่จะเดินหน้าตามแผนของตัวเอง เนื่องจากในขณะนั้นบรูโน่เล่นอยู่ในทีมเยาวชนของ โบอวิสต้า และเค้าไม่อยากที่จะต้องออกจากทีมในเวลานั้น
“ ในสวิตเซอร์แลนด์พวกเขาไม่รู้วิธีเล่นฟุตบอล” บรูโน่บอกพ่อแม่ของเขาซ้ำ ๆ หลักจากที่ยืนยันอย่างหนักแน่น ความต้องการของบรูโน่ก็เป็นจริง โจเซ่ พ่อของ บรูโน เก็บกระเป๋าเดินทางไปประเทศใหม่ โดยที่แม่ของเขา เวอร์จิเนีย ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ที่ ปอร์โต้ เพื่อดูแลบรูโน่ในการไล่ตามความฝันของเขา และผลตอบแทนของการตัดสินใจที่ยากลำบากนี้ก็ให้ผลตอบแทนแก่เวอร์จิเนียเร็วกว่าที่เธอคิด…..
ก้าวแรกของอาชีพ
แมวมองของทีม โนวาร่า ในอิตาลี ได้เห็นผลงานของบรูโน่ในการแข่งขันรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี และมอบข้อเสนอให้เค้าย้ายออกจากโปรตุเกสในปี 2012 บรูโน่ ตอบตกลงทันที หลังจากนั้นการเจรจาระหว่าง โนวาร่า และ โบอวิสต้า ก็ดำเนินไปอย่างลุล่วงด้วยค่าตัว 40,000 ยูโร สำหรับ บรูโน่ ในวัย 17 ปี การมาถึงของ บรูโน่ ในปี 2012 ไม่มีนักข่าวหรือสื่อใดๆมารอเค้าอยู่เลย
โค้ชคนแรก
เซอจิโอ้ มาเกวซ คือโค้ชคนแรกของบรูโน่ได้พูดถึงบรูโน่หลังจากที่เค้าเปิดตัวย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เค้าคือคนแรกที่ค้นพบเพชรเม็ดนี้ ตั้งแต่ตอนที่ บรูโน่ อายุเพียง 7 ขวบ ที่เมืองเล็กๆใกล้กับปอร์โต้ "ผมเห็นความสามารถของบรูโน่ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน" มาเกวซ กล่าว "เขามีพรสวรรค์อยู่แล้ว เพียงแค่ต้องการคำแนะนำที่ถูกต้อง โดยปกติเด็กรุ่นนี้จะฝึกกันแค่ วันจันทร์ พุธ พฤหัส และมีแข่งในวันอาทิตย์ แต่สำหรับ บรูโน่ มันยังน้อยไป ผมจึงถามเค้าว่าต้องการฝึกเพิ่มเป็นการส่วนตัว เพื่อเพิ่มทักษะต่างๆมั้ย แน่นอนคำตอบของเค้าคือ "เยี่ยมเลยครับ" หลังจากนั้นทุกวันอังคาร ตอนเย็น เราจะมีนัดซ้อมแบบตัวต่อต่อกัน เพื่อฝึกการส่งลูกและเทคนิคต่างๆเพิ่ม"
ผลงานของ บรูโน่ ในทัวร์นาเม้น เข้าตา ปอร์โต้ อย่างจัง แต่สุดท้ายแล้วเขาเลือกไปอยู่ที่ โบอวิสต้า คู่แข่งของ ปอร์โต้ จากข้อเสนอที่จะจัดให้มีรถรับส่งไปที่สนามซ้อมของทีม
บรูโน่ เล่นตำแหน่ง เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เป็นส่วนใหญ่จนถึงอายุ 15 ปี แต่ในเช้าวันหนึ่งเค้าก็บอกผู้จัดการทีมของเค้าว่า เค้าไม่อยากเล่นเกมส์รับอีกแล้ว บรูโน่ ขอให้ทีมปล่อยตัวเค้าให้ทีม ปาสเตลลีล่า ยืมตัว แล้วชีวิตเค้าก็เปลี่ยนไป
From Center to Playmaker
“ ในตอนนั้นเรากำลังประเมินผู้เล่นว่าพวกเขาเหมาะกับตำแหน่งไหนในสนาม อย่างที่เราทำในช่วงเริ่มต้นของทุกฤดูกาล” อันโตนิโอ เปเรส กุนซือปาสเตลลีรากล่าว“ ถ้าตอนนั้นในทีมเรามีผู้เล่นหมายเลข 10 เค้าคงไม่มีโอกาสลงสนาม แต่เราไม่มีและเขาก็คว้าโอกาสนั้นไว้ เขายิงระเบิด เขาสามารถยิงได้ในแทบจะทุกเกมส์ ในฐานะกัปตันทีม บรูโน่ ตั้งมาตรฐานไว้สูงมาก เขามักจะซ้อมเพิ่มคนเดียวหลังซ้อมเสร็จทั้งการยิงฟรีคิก และลูกยิงไกล”
“ครั้งแรกที่ผมเห็น บรูโน่ ในโปรตุเกส ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเค้า ผมถูกสั่งให้มาดูฟอร์มของเค้า แค่นั้นคือข้อมูลที่ผมได้มา ผมจึงไปดูการแข่งขันรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี และ บรูโน่เป็นเด็กเพียง หนึ่งในสองคนที่อายุเพียงแค่ 17 ปี เขาไม่ได้ทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย แต่เขาแสดงบุคลิกและทักษะที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่า คงมีบางคนบอกเค้าว่าจะมีแมวมองมาดูฟอร์มเค้าวันนี้ ซึ่งนั่นทำให้เค้ากดดันอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีพรสวรรค์ ในฤดูกาลนั้นโนวารายังคงแข่งขันในเซเรียอา แต่เรากำลังจะตกชั้นสู่เซเรียบีดังนั้นเป้าหมายของเราคือนำผู้เล่นอายุน้อยที่มูลค่าตลาดอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต ท้ายที่สุดพวกเขาสรุปว่า บรูโน่คือคนๆนั้น" คำอธิบายถึงการเจอกันครั้งแรกระหว่าง บรูโน่ และ เมาโร บอเก็ตติ หัวหน้าแมวมองของทีม โนวาร่า
ก้าวแรกใน SERIE A
หลังจากโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมที่โนวาร่า ในปี 2013 บรูโน่ก็ได้ย้ายทีมอีกครั้งโดยครั้งนี้ อูดิเนเซ่ คือทีมที่ได้ตัวเค้าไป พวกเขามอบข้อเสนอให้ บรูโน่ ด้วยสัญญาว่าจะลงสนามอย่างต่อเนื่องและได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอย่างมากจากค่าเหนื่อยเริ่มต้น 1,500 ยูโรต่อเดือน เขาใช้เวลาสามปีกับ อูดิเนเซ่ และมีความสัมพันธ์อันดีกับ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ตำนานดาวยิงของทีม “ เขาทำให้ผมหงุดหงิด” ดินาตาเลกล่าว“ เพราะเขายังเด็กมากและมีความสามารถมากกว่าพวกเรา เขาเล่นบอลได้ทั้งสองเท้า และหลายๆครั้งเค้ายังสามารถเลี้ยงบอลผ่านคนอื่นอย่างง่ายดายอีกด้วย”
ด้วยวัยที่ยังเด็กทำให้การสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงเป็นไปอย่างยากลำบาก ทำให้ในปี 2016 บรูโน่ ตัดสินใจย้ายทีมสู่ ซามโดเรีย โดยได้สวมเสื้อหมายเลข 10 ที่เคยเป็นของตำนานทีมอย่าง โรแบโต้ มันชินี่ แต่การขาดความทะเยอทะยานของสโมสร โดยเฉพาะการจบอันดับที่ 10 ในเซเรียอาและความสำเร็จใดๆนอกจากเข้ารอบ 16 ทีมในบอลถ้วย ทำให้เค้าตัดสินใจย้ายกลับโปรตุเกสใน 1 ปีให้หลัง
กลับบ้านเกิดด้วยค่าตัวระดับสถิติของสโมสร
บรูโน่กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาลของสโมสรสปอตติ้ง ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านยูโร ในปีแรกเค้าได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอมเยี่ยมแห่งปี ของลีคโปรตุเกส
แต่ในเรื่องดีก็มีเรื่องร้ายเมื่อกลุ่มอัลตร้า 50 คนที่ผิดหวังจากความล้มเหลวของทีมในการผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีกบุกเข้าไปในศูนย์ฝึกของ สปอตติ้งและทำร้ายนักเตะด้วยเข็มขัด,หมัดและไม้ในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 “ ผมไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน - ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของผมและ [หลังการโจมตี] ผมขอให้ภรรยาพาลูกสาวของฉันไปที่ปอร์โต” เฟอร์นันเดสกล่าวในคำให้การของเขาเกี่ยวกับคดีนี้ และเขาจ้างการ์ดรักษาความปลอดภัยส่วนตัวหลังจบเรื่องนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้เล่นเก้าคนที่ฉีกสัญญาก่อนที่จะตกลงกลับมาในที่สุดโดยปฏิเสธข้อเสนอจากอังกฤษและสเปน ด้วยเงินเดือนที่มากกว่าเดิมสองเท่า
มหากาพย์การย้ายตัวจากเหยี่ยวเป็นซาตาน
2 ปีครึ่งต่อมาเค้าย้ายออกจากโปรตุเกส ในเดือน มกราคม ปี 2020 หลังจบมหากาพย์การย้ายตัวและเกือบจะเป็นอีก 1 ในตำนาน 48 ชั่วโมงของแฟนผี เขาไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในยุโรปซึ่งผู้ซึ่งบันทึกตัวเลขที่น่าอัศจรรย์ตลอดสองฤดูกาลครึ่ง: 63 ประตูและ 48 แอสซิสต์จาก 135 เกม เขาเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นมากจนเพื่อนร่วมทีมชาวมาซิโดเนีย สเตฟาน ริสทอฟสกี้ เคยบอกเขาไว้ว่าว่า:“ บรูโน่ช่วยอยู่กับเราต่อไปในฤดูกาลหน้านะ ถ้าไม่งั้นทีมเราพังแน่ๆ”
จากคนรอบข้างถึงบรูโน่
ในลิสบอน บรูโน่ มีความสุขอย่างมากที่ได้เล่นร่วมกับศูนย์หน้าชาวเนเธอแลนด์อย่าง บาส โดสท์ ที่พึ่งย้ายไปเล่นให้กับทีม ไอทรัล แฟร้งเฟิร์ต ในเยอรมันนี เมื่อปีที่แล้ว “ เขาสมบูรณ์แบบ” บาส โดสท์ ให้คำนิยามถึงบรูโน่ "เขามีการจับบอลแรกที่ยอดเยี่ยม และยังมีการเล่นที่เหลือเชื่อ”เขาพูดถูก แฟนๆของ สปอตติ้ง ไม่ได้เห็นกองกลางที่มีพรสวรรค์มากขนาดนี้นับตั้งแต่ หมดยุคของตำนานชาว บัลแกเรีย คราสเมีย บาลาคอฟ ในยุค 1990 ซึ่งแม้แต่ คริสเตียโน โรนัลโด กับ หลุยส์ ฟิโก ก็ไม่ได้รับการพูดถึงในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่หลังจากมหากาพย์การซื้อตัวที่ลากยาวเป็นเวลาหลายเดือนจบลง การมาถึงของเฟอร์นันเดสที่สนามบินไทเรสเพื่อขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่มุ่งหน้าสู่แมนเชสเตอร์จึงได้รับการถ่ายทอดสดทางทีวีของโปรตุเกส….
“ ผมอยู่ในวงการนี้มานานแล้วและผมรับรองได้ว่า บรูโน่ เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดที่เรามีในโปรตุเกสในช่วงสองสามฤดูกาลที่ผ่านมา” ซูซา ซินตราอดีตประธานสปอร์ติ้งกล่าว "เขาเป็นนักกีฬาที่สามารถพัฒนาทีมของคุณได้ เขาสุภาพและตั้งใจ นอกจากนั้นเขายังนำมิติใหม่มาสู่ห้องแต่งตัวของเรา เขาชี้แนะและกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้พวกเขาวิ่งจนเหงื่อหยดสุดท้ายเขาสำคัญกับเราเหมือนกับที่โรนัลโด้สำคัญสำหรับ รีล มาดริด นั่นคือคำจำกัดความของบรูโน่ "
และในเวลาเพียงไม่นานแฟนๆของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เข้าใจคำกล่าวเหล่านั้น บรูโน่ประเดิมประตูแรกได้ในเดือนกุมภาพันธ์ในนัดที่เจอกับ วูฟแฮมตั้น นอกจากนั้นยังเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ที่จำเป็นมากในแผงกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการทำประตูหรือส่งให้เพื่อนทำประตูในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกสี่นัดถัดไปของเขา และปิดท้ายด้วยการเปิดฟรีคิกให้ มาซิอัล ยิงประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในดาบี้แมตช์ที่พบกันช่วงเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา ในแทบจะทันที บรูโน่ มีบทบาทสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของแมนยูที่ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ในฤดูกาลนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยผลงานของดาวเตะวัย 25 ปีผู้นี้ ทำให้กองเชียตั้งฉายาให้เค้าว่า "อัจฉริยะ ชาวโปรตุเดส" และเริ่มนึกย้อนไปถึงตอน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผู้ที่บรูโน่มองเป็นต้นแบบมาตลอด
โอเล่ กุนนา โซลชา ชื่นชม บรูโน่ เป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากคำสัมภาษณ์ของเค้าที่พูดถึง ลูกทีมคนใหม่ "บรูโน่ คือส่วนผสมของ พอล สโคลล์ แล้ว ฮวน เวรอน และคุณจะสังเกตได้ว่า สมองของเค้าเร็วกว่าคนอื่นในสนาม และตอนนี้เค้าเป็นตัวแปรสำคัญของผลงานในทีม"
โรดริโก มานน์ อดีตเพื่อนร่วมทีม โบอวิสต้า เป็นอีกคนที่ไม่แปลกใจกับฟอร์มการเล่นของ บรูโน่ ในตอนนี้“ ถ้าคุณเห็นเค้าเล่นในสนาม คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเค้าเกิดมาเพื่อเป็นดาวเด่น ทุกคนอยากก้าวขึ้นไปถึงจุดเดียวกับ บรูโน่ แต่ตัวเค้าเองมองสูงกว่านั้น นั่นอาจเป็นจุดที่ทำให้เค้าต่างจากผู้เล่นคนอื่น
หลายคนเริ่มพูดกันว่าเงินจำนวน 55 ล้านยูโรที่จ่ายไปนั้น เป็นการจ่ายเงินที่คุ้มค่า และบางคนถึงกับพูดว่าเป็นการซื้อตัวที่ดีที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่หมดยุคของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน
ติดตามได้ที่บทความแปลได้ที่ :
https://www.facebook.com/SportbioTH
ต้นฉบับ : Marcus Alves (18th June 2020)
ที่มา :
https://www.fourfourtwo.com/features/bruno-fernandes-manchester-united-man-utd-sporting-udinese-sampdoria-novara-portugal
แปล/เรียบเรียง : Gongza
#Sport Bible
#Bruno Fernandes
#Man Utd
[/img][/imgr]