(SPOIL) ความรู้สึกหลังเล่น The Last of Us 2 จบ
ออกตัวไว้ก่อนว่านี่เป็นเกมส์แรกของ PS4 ที่ผมซื้อราคาเต็ม ไม่ได้รอลดราคา และเฝ้าตั้งตารอเล่นอย่างมากหลังจากที่ผมพึ่งเล่นภาคแรกจบได้ประมาณ 6 เดือนก่อนภาค 2 ออก เพราะพึ่งซื้อเครื่อง ประกอบกับเห็นเกมส์เพลย์ที่โคตรน่าเล่น
โดยความเห็นต่อเกมส์อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมนะคับ ซึ่งอาจจะแตกต่างกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอื่น โดยขอแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
1) เนื้อเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นปัญหาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด โดยเฉพาะการตายของโจเอลที่ง่ายดาย และการที่เราต้องมารับบทแอบบี้ผู้ที่ฆ่าโจเอลซะเอง หรือการที่ตอนจบเอลลี่ดันไม่ฆ่าแอบบี้ซะงั้น
- โดยส่วนตัวผมไม่ติดในประเด็นนี้เลยคับ กลับรู้สึกว่ามันเป็นแรงผลักดันให้เกมภาค 2 นี้ ดำเนินเรื่องไปได้อย่างเข้มข้น
- ซึ่งอาจจะมีคนบ่นว่าโจเอลตายง่ายเกิน ดันเผลอไปบอกชื่อตนเองกับคนแปลกหน้า แต่ถ้าสังเกตดีๆ คนที่เผลอบอกชื่อของโจเอลก่อนคือทอมมี่ ก่อนที่จะหนีเข้ากระท่อมของกลุ่มวูลฟ์
- ในประเด็นที่โจเอลตายง่ายเกินอย่างงี้ ผมกลับรู้สึกชอบและรู้สึกว่าเกมส์แม่งโคตรเรียล เพราะในชีวิตจริงคนเราแม่งบทจะถึงคราวตายก็ตายง่ายอย่างงี้ ส่วนใครที่ยังไม่ถึงที่ตายยังไงก็ไม่ตาย
- ซึ่งประเด็นนี้ก็แสดงให้เห็นในตัวละครอีกหลายตัวไม่ว่าจะเป็นแมนนี่ที่โดนทอมมี่ยิง เจสซี่ที่โดนแอบบี้ฆ่า หรือแม้กระทั่งยาร่าที่แอบบี้อุตส่าห์พยายามแทบตายกว่าจะไปเอาอุปกรณ์ผ่าตัดมาได้ กลับมาตายเพราะช่วยเลฟ (เล่นแล้วปวดตับจริงๆ)
- ในส่วนของการที่เกมส์ให้เรามารับบทแอบบี้ ผมกลับรู้สึกว่าแม่งโคตรเป็นข้อดีของเกมส์ที่พยายามให้เรามองในมุมมองของทุกๆฝ่าย ไม่ใช่ตัวเอกจากภาคแรกอย่างเดียว ซึ่งทุกตัวละครมีเหตุผลรองรับในการกระทำหมด
- ไม่ว่าจะเป็นตอนจบที่เอลลี่ไม่ฆ่าแอบบี้ เพราะนึกถึงโจเอล โดยส่วนตัวผมตีความว่าแรงจูงใจอาจเกิดจาก 2 ประเด็น คือ การที่เอลลี่นึกถึงโจเอลขึ้นมาตอนนั้น อาจทำให้คิดได้ว่าถึงจะฆ่าแอบบี้ไปโจเอลก็ไม่ฟื้นคืนมาอยู่ดี
- ประกอบกับประโยคที่เอลลี่พูดกับโจเอลในคืนก่อนที่โจเอลจะตายในวันถัดมาว่า จะพยายามให้อภัยในสิ่งที่โจเอลทำ ทำให้ผมคิดว่าเอลลี่คงจะพยายามให้อภัยแอบบี้เช่นกัน
- นอกจากนี้ในฉากที่เอลลี่ให้ภัยโจเอล ผมโคตรประทับใจกับคำพูดของโจเอลเลยที่บอกว่า ถ้าได้รับโอกาสอีกครั้งจากพระเจ้า ก็จะเลือกทำแบบเดิมคือฆ่าคนอื่นเพื่อช่วยเอลลี่ ซึ่งผมว่าเอลลี่คงจะเข้าใจในจุดนี้ในวันที่เอลลี่ได้เลี้ยงเจเจ
- ในส่วนของฉากแบ็คกราวน์หน้าจอของเกมส์ที่เป็นรูปเรือบนทะเลและมีโทนสีหม่นๆ มีหมอกและไม่เห็นฝั่งปลายทาง ผมรู้สึกว่าผู้สร้างเกมส์ตั้งใจสื่อว่าทั้งเอลลี่และแอบบี้ต่างจมอยู่ในวังวนในทะเลแห่งความแค้นจนไม่เห็นฝั่งปลายทาง
- ในขณะที่ตอนจบหลังจากเคลียร์เกมส์แล้ว ซึ่งเอลลี่และแอบบี้ต่างให้อภัยกัน ฉากของเกมส์กับเป็นภาพสว่างและเห็นปลายทางของฝั่ง ผมชอบที่ผู้สร้างเกมส์ตั้งใจจะสื่อถึงมุมมองนี้ หรือผมคิดไปเองฟระ 555
2) เกมส์เพลย์ ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่เกมส์เมอรส์สายฮาร์ดคอร์ ไม่ถึงกับเล่นเกมส์เก่งมาก บอกตรงๆว่าตายหลายรอบมาก 555 หลังจากได้เล่นจนจบเกมส์แล้ว บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด
- เกมส์เพลย์ทำให้เราสึกมีอารมณ์ร่วม และตื่นเต้นกับเกมส์ได้ตลอด โดยเฉพาะฉากที่ต้องวิ่งหนีกลุ่มผู้ติดเชื้อในหลายๆฉาก ความมืดของฉาก และศัตรูที่ผมเกลียดที่สุด เพราะเวลาเล่นแล้วโคตรอึดอัดเลยคือ Stalker แม่งฟังเสียงก็หาไม่เจอ เล่นเกมส์แล้วรู้สึกโคตรเหนื่อยเลย
- ในขณะที่บอส Rat King ทำให้ผมตายในตอนวิ่งหนีบ่อยมาก ฉากที่ต้องสู้กับสไนเปอร์ที่โคตรเก่งและมารู้ทีหลังว่าคือทอมมี่แม่งโคตรว้าวเลย ถึงว่าแม่งทำไมศัตรูใช้ผู้ติดเชื้อให้เป็นประโยชน์ได้ด้วย
- ยิ่งตอนสู้กับเอลลี่แรกๆ ผมตายบ่อยมาก เพราะไม่รู้ว่าห้ามเผชิญหน้าตรงๆ เกมส์ออกแบบฉากต่อสู้กับหัวหน้าแต่ละตัวออกมาได้ดีมากๆ
3) กราฟฟิค ในส่วนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ผมแม่งกดถ่ายรูปไปหลายร้อยรูป ตั้งแต่เล่นเกมส์มาร่วม 30 ปี ไม่เคยเจอเกมส์ไหนภาพสวยขนาดนี้มาก่อน
ผมขอเพิ่มในส่วนของการแปลภาษาไทย นี่มันระดับหนังโรงชัดๆ แปลได้ดีจนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับเกมส์ได้
สุดท้ายนี้ผมอยากให้เกมส์นี้มีทำภาค 3 ต่อ เพราะมีปมหลายอย่างที่ยังไม่คลี่คลาย และคาดหวังว่าเกมส์ภาค 3 คงมีฉากที่แอบบี้ต้องร่วมมือกับเอลลี่เพราะความจำเป็นบางอย่างเช่นไปช่วยเลฟ หรือเจเจ และค่อยๆผูกพันกันมากขึ้น มันคงจะเป็นความรู้สึกที่แปลกพิลึก