BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 14344
ที่อยู่: N/A
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 13:17
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
Badbunnys พิมพ์ว่า:
DariusXalan พิมพ์ว่า:
เคยบอกไปแล้วว่าถ้าชนะด้วยที่ว่าหลักฐาน hack มา ชื่อเสียงแมนซิจะแย่เองเพราะ มันไม่ได้แก้ข้อครหาและจะจบลงไปแบบแมนซิเป็นทีมขี้โกงที่ลอยนวลแบบนี้แหละ แต่เขามองอาจจะมองว่าด่าขี้โกงก็บ่นไปแต่ถ้าโดนแบนจะหนักกว่า  


ถูกต้องครับบบ

อยากใหัทีมผมลงทุนสัก100ล้านปอนด์ เพื่อกันhack  


ลงทุนทำไม 100 ล้าน

เตรียมเงิน 9 ล้านไปรอจ่ายบนศาลดีกว่าครับ ถูกว่า10 เท่า

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Don't tell mom I'm in Succersuck



ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Aug 2009
ตอบ: 10
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 13:21
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
พวก Hater มันเยอะ ใครไปแสดงความเห็นตรงข้ามพวกเค้าโดนด่างี่เง่าหมดแหละ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Jan 2011
ตอบ: 5657
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 13:37
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
ยังดีที่ CAS ตัดสินตามหลักฐาน ไม่ได้ใช้ความรู้สึกตัดสิน

เอาตรง ๆ ถ้ายูฟ่าไม่ได้ตั้งใจโจมตีซิตี้ คดีความนี้มันจะไม่เกิดขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว
- นิติกรของยูฟ่าไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเอกสารจากแฮ็คเกอร์นั้นใช้ในศาลไม่ได้??? ไม่จริงหรอก ระดับนั้นแล้วไม่พลาดเรื่องแค่นี้

- ยูฟ่าจงใจตีขลุมระยะเวลาที่ซิตี้ผิดเพื่อให้เข้าเกณฑ์ 5 ปี (2011-2016) แต่ในชั้นเอกสารจริง ๆ เอกสารหลักฐานหลังปี 2014 ของซิตี้นั้นคลีนมาก เพราะทำให้เข้าเกณฑ์ของยูฟ่าเรียบร้อยแล้ว (ระยะเวลา 5 ปี ไม่ได้นับที่วันตัดสิน แต่นับตรงวันที่ยื่นฟ้องร้อง) ทำให้สงสัยว่าทำไมถึงดึงปี 2014-2016 มาเข้าในสำนวนเพื่อฟ้อง

- ความผิดของซิตี้ในปี 2011 ยูฟ่าลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว ถามว่ามีคดีความใดในโลกนี้ที่ลงโทษคนผิดแล้ว จนคนผิดรับโทษเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่หยิบหลักฐานใหม่มาเพิ่มอีกชิ้นแล้วตัดสินให้มีความผิดใหม่อีกรอบ สมมติคดีฆ่าคนตาย จำเลยสารภาพผิดรับโทษจำคุก 10 ปีแล้ว พ้นโทษออกมา เจ้าหน้าที่บอกว่าเจออาวุธที่ใช้ในการฆ่า เพราะงั้นต้องตัดสินใหม่ ให้ศาลจำคุกใหม่อีก 15 ปี ไม่มีที่ไหนในโลกที่อย่างงั้นหรอกครับ
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2409
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 13:49
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
ในเมื่อเค้าไม่ได้ถูกตัดสินว่าผิด ไม่สามารถหาหลักฐาน(ที่ยอมรับได้ในทางกฎหมาย)ว่าเค้าทำผิด มันก็เท่ากับเค้าไม่ผิดนั่นแหละ

ถึงคุณจะไม่อยากยอมรับ หรือทำใจยอมรับไม่ได้ สุดท้ายคุณก็ต้องยอมรับแล้วก้าวต่อไปอยู่ดี

ความรู้สึกก็คงอารมณ์ใกล้เคียงกับตอนที่ดูฟุตบอลโลกปี 2002
แม้ว่าไม่อยากยอมรับ ทำใจยอมรับไม่ได้ แต่สุดท้ายทีมที่ได้ที่ 3 ใน World Cup 2002 ก็เป็นเกาหลีใต้อยู่ดี

คุณอาจเอาคลิป เอาเหตุการณ์ต่างๆที่ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนทั้งภาพและเสียง ไปถามแฟนบอลเกาหลีใต้ก็ได้ว่าคิดยังไง
ดูจังหวะไล่เตะ ไล่หวดนี่สิ แบบนี้ไม่ฟาลว์ได้ไง? / ดูจังหวะที่ควรเสียจุดโทษแต่กลับกลายคู่แข่งโดนเหลือง-แดงได้ไง / ทำไมจังหวะนี้คู่แข่งไม่ได้ประตู เค้าล้ำหน้าตรงไหน? ลูกเปิดลูกนี้ออกหลังได้ไง บลาๆๆ

หลายๆจังหวะที่ถ้าคุณทันดู ทุกวันนี้ก็ยังจำแต่ละเหตุการณ์นั้นได้อย่างชัดเจนถึงแม้จะไม่มีภาพอะไรมาให้ดูเลยก็ตาม

แฟนบอลเกาหลีใต้บางส่วนก็อาจจะบอกว่ามันดูน่าเกลียดและไม่โปร่งใสจจริงๆ

แต่กับแฟนบางส่วนที่เค้าบอกว่าปกติตามเกมฟุตบอล ไม่เห็นทำผิดกติกาตรงไหน ชนะอย่างใสสะอาด เล่นกันแบบแฟร์ๆ
คุณจะไปไล่เบี้ยให้เค้ายอมรับว่ามันไม่โปร่งใส ไม่แฟร์ ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ อะไรแบบนี้ก็คงเปล่าประโยชน์

ถ้าฟาลว์ทำไมกรรมการไม่เป่าล่ะ? / ถ้ามีความไม่โปร่งใส ไม่แฟร์ ล็อคกรรมการ ล็อคคำตัดสิน ไหนล่ะหลักฐานที่สามารถเอาผิดในชั้นศาลได้น่ะ? แค่คำพูดใครก็พูดได้

ถ้าเค้าถามกลับแบบนี้คุณจะว่ายังไง

ถ้าเค้าบอกว่าอันดับ 3 ครั้งนั้น ชาติกลางๆเล็กๆ ควรจะมาร่วมกันยินดีกับเกาหลีใต้มากกว่าสนใจคำครหาที่เป็นได้แค่ลมปาก
เพราะเกาหลีใต้ทำให้เห็นว่าสามารถเอาชนะทีมมหาอำนาจเก่าหลายๆทีมของโลกฟุตบอลได้
ทีมกลางๆเล็กๆทีมอื่นควรนำวิธีการที่เกาหลีใต้ใช้จนได้ที่ 3 ในบอลโลกครั้งนั้นเป็นแบบอย่างในการพัฒนาทีมเพื่อไปสู้ทีมใหญ่ๆบ้าง

ส่วนคนที่หาว่าไม่โปร่ง หาว่าโกง แล้วหาหลักฐาน ก็เป็นแค่พวกที่ไม่อยากเห็นทีมกลางๆทีมเล็กๆลืมตาอ้าปากได้แค่นั้นแหละ

...
......
......... เจอเค้าสวนมาแบบนี้คุณจะว่ายังไงต่อได้อีก
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1075
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 14:04
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
blackmagician พิมพ์ว่า:
หัวเรื่องน่าจะเปลี่ยนเป็น "FFPกับความพ่ายแพ้ต่อแมนซิตี้ ความเสียหายที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้"

อ่านดูแล้วargumentต่างๆฟังไม่ขึ้นเลยครับ เขียนซะเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อ ทั้งๆที่ตัวเองโกงกฏที่ถูกเขียนขึ้นมา

แถมยังพยายามmislead บอกว่าตัวเองไม่ผิดเพราะศาลตัดสินว่าบริสุทธิ แต่พอพูดถึงว่าหลุดเพราะเงื่อนเวลาในคดีก็อ้างเชลซี

เดี๋ยวๆ ตั้งสติก่อน
1.เชลซีทำมาก่อนมีกฏข้อนี้ ซึ่งมันก็ไม่น่าจะตัดสินย้อนหลังได้หรือป่าว ไม่งั้นทีมฟุตบอลที่โดนริบประตูเพราะล้ำหน้าก็อ้างได้สิว่าทีสมัยก่อนตอนไม่มีกฏล้ำหน้ายังทำกันได้ละ ตลกละ

2.รอดเพราะเรื่องเงื่อนเวลาไม่น่ามาใช้คำว่า"เรื่องที่ไม่มีมูลเหตุ"ได้นะครับ ถ้าหลุดเพราะหลักฐานมีที่มามิชอบก็ว่าไปอย่าง แต่พอเอาตัวเลขมากางดูมันก็ชัดเจนอยู่ดีว่าโกง โดยที่แทบไม่ต้องอิงฟลักฐานอีเมลหลุดด้วยซ้ำ

มันยากนักหรือครับที่จะยอมรับว่า"แมนซิตี้ขึ้นมาได้เพราะเงินเจ้าของอัดฉีด และมันเป็นเรื่องผิดกฏ"  


ไม่ยากครับ ผมว่าแฟนซิตี้ทุกคน ยอมรับว่าโตขึ้นมาได้เพราะเงินอัดฉีด
แต่เรื่อง เอาเปรียบ กับเรื่องผิดกฏ ผมไม่ยอมรับครับ

ถ้าคุณอ่านดีๆ บทความนี้จะพยายามแยกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.เรื่องกฏ กับ 2.เรื่องสิ่งที่ถูกต้อง

เราพยายามอธิบายเรื่องกฏ เรื่องกระบวนการยุติธรรม ก็บอก ใช้เงินเยอะ เอาเปรียบ ก็ยอมรับมาสิ
อธิบายว่าทุกทีมใช้เงินหมดแหละ ต่างที่วิธีอัดเงินเข้าไปในระบบ ก็บอก เราหลบเลี่ยง ซิกแซก
มันก็แน่นอนอะไรที่กฏห้าม ใครเขาจะทำ เขาก็ต้องหาทางอื่น
โลกธุรกิจ คนมีเงินก็ใช้เงิน คนมี connection ก็ใช้ connection
เขาอาจจะเอาดีล เอาผลประโยชน์อื่นๆ ไปแลก
คุณไม่สามารถบอกได้ด้วยว่าเท่าไหร่เหมาะสม มันคือการลงทุน คนเราประเมินค่าไม่เท่ากัน
และแน่นอน เราไม่มีทางรู้รายละเอียดเชิงลึกหรอก แต่โลกธุรกิจมันต้องมีผลประโยชน์อยู่แล้ว

ผมขออนุญาตยกตัวอย่างลิเวอร์พูล ขอโทษที่พาดพิง การที่ FSG เข้ามา take over เอาเงินใช้หนี้ให้
เพื่อไม่ให้ล้มละลาย เป็นการใช้เงินเจ้าของสโมสรไหม
ให้เงินกู้แบบไม่มีดอกเบี้ยกับสโมสร นี่มันปกติในโลกไหม เงินกู้ไม่มีดอกเบี้ย
แต่ทำไมยอมรับได้ ก็กฏมันมีช่องให้ทำได้ไง ซึ่งผมยอมรับได้เช่นกัน

อยากจะบอกว่า ถ้าคุณจะยึดกฏ คุณก็ต้องเคารพกฏ รวมถึงคำตัดสินตามกฏเช่นกัน
การเขียนเรื่องอายุความในกฏ หรือหลักการณ์ในการพิจารณาหลักฐาน มันก็คือกฏทั้งหมด
คุณจะเลือกยอมรับกฏเฉพาะส่วนที่ตัวเองพอใจอย่างเดียวไม่ได้

ส่วนถ้าคุณจะยึดหลักศีลธรรมความถูกต้อง ทุกทีมก็ผ่านการอัดเงินเข้ามาหมดแหละ
เงินทุนเจ้าของโดยตรงทั้งนั้นด้วย คุณว่าผิดไหมล่ะ ถ้ายังบอกว่าไม่ผิดตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดกฏ
ช่วยกรุณากลับไปอ่านย่อหน้าก่อนหน้า กับคำว่ากฏอีกที
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1075
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 14:13
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
MilanBaros พิมพ์ว่า:
ในเมื่อเค้าไม่ได้ถูกตัดสินว่าผิด ไม่สามารถหาหลักฐาน(ที่ยอมรับได้ในทางกฎหมาย)ว่าเค้าทำผิด มันก็เท่ากับเค้าไม่ผิดนั่นแหละ

ถึงคุณจะไม่อยากยอมรับ หรือทำใจยอมรับไม่ได้ สุดท้ายคุณก็ต้องยอมรับแล้วก้าวต่อไปอยู่ดี

ความรู้สึกก็คงอารมณ์ใกล้เคียงกับตอนที่ดูฟุตบอลโลกปี 2002
แม้ว่าไม่อยากยอมรับ ทำใจยอมรับไม่ได้ แต่สุดท้ายทีมที่ได้ที่ 3 ใน World Cup 2002 ก็เป็นเกาหลีใต้อยู่ดี

คุณอาจเอาคลิป เอาเหตุการณ์ต่างๆที่ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนทั้งภาพและเสียง ไปถามแฟนบอลเกาหลีใต้ก็ได้ว่าคิดยังไง
ดูจังหวะไล่เตะ ไล่หวดนี่สิ แบบนี้ไม่ฟาลว์ได้ไง? / ดูจังหวะที่ควรเสียจุดโทษแต่กลับกลายคู่แข่งโดนเหลือง-แดงได้ไง / ทำไมจังหวะนี้คู่แข่งไม่ได้ประตู เค้าล้ำหน้าตรงไหน? ลูกเปิดลูกนี้ออกหลังได้ไง บลาๆๆ

หลายๆจังหวะที่ถ้าคุณทันดู ทุกวันนี้ก็ยังจำแต่ละเหตุการณ์นั้นได้อย่างชัดเจนถึงแม้จะไม่มีภาพอะไรมาให้ดูเลยก็ตาม

แฟนบอลเกาหลีใต้บางส่วนก็อาจจะบอกว่ามันดูน่าเกลียดและไม่โปร่งใสจจริงๆ

แต่กับแฟนบางส่วนที่เค้าบอกว่าปกติตามเกมฟุตบอล ไม่เห็นทำผิดกติกาตรงไหน ชนะอย่างใสสะอาด เล่นกันแบบแฟร์ๆ
คุณจะไปไล่เบี้ยให้เค้ายอมรับว่ามันไม่โปร่งใส ไม่แฟร์ ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ อะไรแบบนี้ก็คงเปล่าประโยชน์

ถ้าฟาลว์ทำไมกรรมการไม่เป่าล่ะ? / ถ้ามีความไม่โปร่งใส ไม่แฟร์ ล็อคกรรมการ ล็อคคำตัดสิน ไหนล่ะหลักฐานที่สามารถเอาผิดในชั้นศาลได้น่ะ? แค่คำพูดใครก็พูดได้

ถ้าเค้าถามกลับแบบนี้คุณจะว่ายังไง

ถ้าเค้าบอกว่าอันดับ 3 ครั้งนั้น ชาติกลางๆเล็กๆ ควรจะมาร่วมกันยินดีกับเกาหลีใต้มากกว่าสนใจคำครหาที่เป็นได้แค่ลมปาก
เพราะเกาหลีใต้ทำให้เห็นว่าสามารถเอาชนะทีมมหาอำนาจเก่าหลายๆทีมของโลกฟุตบอลได้
ทีมกลางๆเล็กๆทีมอื่นควรนำวิธีการที่เกาหลีใต้ใช้จนได้ที่ 3 ในบอลโลกครั้งนั้นเป็นแบบอย่างในการพัฒนาทีมเพื่อไปสู้ทีมใหญ่ๆบ้าง

ส่วนคนที่หาว่าไม่โปร่ง หาว่าโกง แล้วหาหลักฐาน ก็เป็นแค่พวกที่ไม่อยากเห็นทีมกลางๆทีมเล็กๆลืมตาอ้าปากได้แค่นั้นแหละ

...
......
......... เจอเค้าสวนมาแบบนี้คุณจะว่ายังไงต่อได้อีก  


ไม่แน่ใจว่าคุณพยายามอ้างอิงให้เข้าใจจริงๆ หรือแซะแมนซิตี้ โดยเอาไปเทียบกับเหตุการณ์เกาหลีใต้
ถ้าไม่มีเจตนาแซะ ผมขอโทษด้วย ช่วงนี้ระแวง

ความเห็นส่วนตัว เรื่องการตัดสินในสนามมี vdo บันทึกไว้ชัดเจนว่ามีความไม่โปร่งใส
เพียงแต่มันเป็นเรื่องผลการแข่งขันในสนาม โดยปกติมันไม่มีการย้อนไปแก้ไขอะไรเท่าไหร่
สมัยนั้น ข้ออ้างคลาสสิก ก็คือความผิดพลาดก็เป็นสเน่ห์ของฟุตบอล

ซึ่งมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกรณีแมนซิตี้
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: I'm Not perfect But I'm Limited Edition.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Dec 2007
ตอบ: 14273
ที่อยู่: Anfield & BayArena
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 14:21
(1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้
ททความนี้ เขียนมาเหมือนซิตี้โดนรังแก
ทุกอย่างผิด ยกเว้นตัวเอง
ยกเชลซีว่าเคยทําก็ผิดแล้ว ตอนนั้นไม่มีกฎ
ยกเดวิดกิล กับริค แพรี่มาด้วย ประมาณว่าถูกกลั่นแกล้ง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1075
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 15:03
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
เป็นการเขียนที่โยงใยได้งี่เง่ามากในหลายประเด็น

1. European Clubs Association (ECA) นี่เป็นองค์กรที่มีทีมฟุตบอลทั่วยุโรปอยู่ 109 สโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วย

แล้วสโมสรร่วมก่อตั้งองค์กรนี้ หลายทีมก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลยุโรป (ดินาโม ซาเกร็บ โอลิมเปียกอส อันเดอร์เลทช์ ฯลฯ) เดวิด กิลล์ออก CEO จากแมนฯยูไนเต็ดไปทำงานร่วมกับ FA มา 8 ปีแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลนี่ไม่ใช่ founding member ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากจะคงอำนาจไว้จริงๆ จะออกกฏ FFP มาให้ตัวเองเสริมทัพได้ยากขึ้นเพื่ออะไร? Does it even make sense?

มันเป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันการบริหารสโมสร ช่วยวางระบบฟุตบอลหญิง คอยสนับสนุนการผลักดันฟุตบอลระดับเยาวชน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าองค์กรนี้ทำเพื่อคงอำนาจไว้ของทีมใหญ่ คือเรื่องไร้สาระ


2. ทีมระดับนิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์, ท็อตแน่ม ที่ยกมาจะได้รับประโยชน์จากการพังลงของกฏ FFP?

ลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 2008-2011 ดูว่าซิตี้กว้านซื้อนักเตะทีมอื่นในลีคไปกี่คน กวาดพวกเอซของทีมไปกี่คน อาร์เซน่อลโดนดูดไป 6-7 คนมั้งในเวลาแค่ไม่กี่ปี

นักเตะแบบเบนจานี่เคยเป็นตัวหลักของปอร์ทสมัธ, โรเก้ ซานตา ครูซทำผลงานยอดเยี่ยมกับแบล็คเบิร์น ก็โดนดึงตัวมาร่วมทีม นักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์ ต้องย้ายมานั่งอยู่ม้านั่งสำรองจนไม่ได้พัฒนาฝีเท้าเท่าที่ควร

ทีมเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์รั้งนักเตะไว้ได้เลย เพราะพลังเงินมันสู้ไม่ไหว แล้วทีมเล็กมันได้ประโยชน์อะไร? กลุ่มเดียวที่เสียประโยชน์จาก FFP คือเศรษฐีเกิดใหม่ที่อยากใช้เงินซื้อนักเตะไปเลยทีเดียวนั่นแหละ


3. ข้อโต้แย้งที่ว่าซิตี้รอดได้เพราะเหตุผลทางเทคนิคกฏหมาย ทำให้เอาผิดไม่ได้?

อันนี้หนักเลย ไปเทียบกับเชลซีซึ่ง ณ เวลาปี 2003 มันยังไม่มีกฏ FFP เกิดขึ้นมา เอาไปเทียบได้หรือไง
แล้วเรื่องที่เอาผิดกับซิตี้นี่มันคนละประเด็นเลย

ใครก็รู้ว่าความตั้งใจคือ สอบสวนที่มาของเงิน 400 ล้านปอนด์จาก Etihad group ว่าเป็นการแอบอัดฉีดเงินแบบ Sugar daddy หรือไม่

ตรงนี้ไม่ได้แก้ต่างเลย ไปอ้างว่าคนอื่นก็ทำนี่ เหมือนโดนตำรวจจับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วบอกว่าคนอื่นก็ไม่ใส่เหมือนกันอ่ะ เลอะเทอะ


4. โทษของเรอัล มาดริด หรือทีมอื่นๆที่เซ็นดาวรุ่งผิดกฏเค้ารับโทษกันหมดไง โดนแบนไม่ให้ซื้อขายนักเตะนี่หนักกว่าปรับเงิน 9 ล้านปอนด์เยอะ

ทั้งๆที่ความผิดมันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับกรณีของซิตี้ที่โดนกล่าวหาเลย



สรุปคือ Martin Samuel นี่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้ซิตี้ได้เลยว่าไม่ได้ทำผิดกฏ เขียนออกมาเพื่อดีใจที่ซิตี้รอดมากกว่า  


1.การพูดว่าองค์กรนี้ทำเพื่อการคงอำนาจของทีมใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระ จริง
แต่ FFP เป็นการสนับสนุนการคงอำนาจของทีมใหญ่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ไร้สาระ
และมีการถกเถียงกันมาตลอดถึงความเป็นดาบสองคมของมัน

ส่วนคนใน ECA ที่ผลักดัน FFP ผมไม่ขอกล่าวถึง ลองหาข้อมูลแล้ว น่าจะใช้เวลาเยอะไป

2.ทีมขนาดกลางและเล็ก ได้ประโยชน์จากการพังลงของ FFP ผมเติมให้ว่า FFP version นี้

เรื่องนี้ถ้ามองในแง่การเปิดกว้างการแข่งขันทางธุรกิจ มันใช่แน่นอน 100%
ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดูดนักเตะ ที่ท่านยกมา

ถ้าปล่อยให้ค่อยๆเติบโตไปโดยปราศจากการอัดฉีดเงินทุน
คิดว่าอีกกี่ทศวรรษ ทีมอย่างนิวคาสเซิล วูลฟ์ จะก้าวขึ้นมา ทัดเทียมกับทีมระดับแถวหน้า
และด้วยกฏ FFP version นี้ จะมีนักลงทุนกี่คน กล้ามาลงทุนกับธุรกิจ ที่มีกฏไปในทางต่อต้านการแข่งขันเสรี
ผมคิดว่า จุดประสงค์ของ FFP ที่ประกาศมานั้น น่ายกย่อง ในการจะปกป้องสโมสรจากการล้มละลาย
แต่แนวทางปฏิบัติ ที่กฏเขียนออกมา นั้นตื้นเขินเกินไป ควรมีการปรับเปลี่ยน

การพังทลายของกฏ version นี้ เปิดทางให้นักลงทุนยังเห็นโอกาส ในการเข้ามาลงทุนพัฒนาทีมเล็กได้
โดยไม่โดนมัดมือมัดเท้า

2.1 ประเด็นเรื่องการดูดนักเตะ มองอีกแง่ นักเตะทีมเล็กๆ กี่คนที่ถูกดูดไปทีมใหญ่ ตอบให้ว่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องเงิน หรือชื่อเสียงของทีม ทีมเล็กเสียเปรียบอยู่แล้วเต็มประตู
การมีเงินเข้ามาในธุรกิจ จะปิดข้อเสียเปรียบของทีมเล็กไป 1 ข้อ

3.ข้อนี้ผมพูดหลายรอบมากๆ แบบพูดแบบย่อๆ ก็คือ มี 2 ประเด็น คือ กฏ กับ ความถูกต้อง
3.1)ถ้าอิงเรื่องกฏเป็นหลัก คุณควรเคารพกฏทั้งหมด เรื่องเงื่อนไขเวลา และเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาหลักฐาน ก็เป็นส่วนนึงของกฏ มันที่เหตุผลที่มาที่ไป ไม่ได้เขียนลงไปเล่นๆ คุณต้องเคารพเช่นกัน ไม่ใช่เลือกเคารพบางบรรทัด
3.2)ถ้าอิงเรื่องความถูกต้อง บทความยกเคสเชลซี แต่ทุกสโมสรใหญ่ ผ่านการอัดฉีดมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าซิตี้เอาเปรียบ ถ้ายังบอกว่าตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดเพราะแหกกฏ ให้กลับไปอ่าน 3.1

4.ซิตี้ (รวมถึง เปเอสเช) รับโทษไปครั้งนึงแล้วในช่วงแรก ถูกปรับ ถูกลิมิตงบเสริมทัพ ลดจำนวนโควต้านักเตะลงเล่น UCL เหมือนกัน

และขอแย้ง ที่คุณว่าความผิดการอัดฉีดเงินนั้นร้ายแรงกว่า ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าการแต๊บผู้เล่นผิดกฏ น่าเกลียดกว่าเหมือนไปลักลอบขโมยของคนอื่น การมีเงินอัดฉีดไม่ใช่ว่าซื้อความสำเร็จได้ ดังเห็นตัวอย่างจากหลายๆ ทีม ที่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและล้มละลายไป มันเป็นแค่วิธีการในการทำธุรกิจ

อันนี้ความเห็นผมในอีกมุมนึงนะ ผมว่าบทความไม่ขนาดไร้สาระซะทีเดียวหรอก
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมสำรอง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 23861
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 15:45
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
เป็นการเขียนที่โยงใยได้งี่เง่ามากในหลายประเด็น

1. European Clubs Association (ECA) นี่เป็นองค์กรที่มีทีมฟุตบอลทั่วยุโรปอยู่ 109 สโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วย

แล้วสโมสรร่วมก่อตั้งองค์กรนี้ หลายทีมก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลยุโรป (ดินาโม ซาเกร็บ โอลิมเปียกอส อันเดอร์เลทช์ ฯลฯ) เดวิด กิลล์ออก CEO จากแมนฯยูไนเต็ดไปทำงานร่วมกับ FA มา 8 ปีแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลนี่ไม่ใช่ founding member ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากจะคงอำนาจไว้จริงๆ จะออกกฏ FFP มาให้ตัวเองเสริมทัพได้ยากขึ้นเพื่ออะไร? Does it even make sense?

มันเป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันการบริหารสโมสร ช่วยวางระบบฟุตบอลหญิง คอยสนับสนุนการผลักดันฟุตบอลระดับเยาวชน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าองค์กรนี้ทำเพื่อคงอำนาจไว้ของทีมใหญ่ คือเรื่องไร้สาระ


2. ทีมระดับนิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์, ท็อตแน่ม ที่ยกมาจะได้รับประโยชน์จากการพังลงของกฏ FFP?

ลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 2008-2011 ดูว่าซิตี้กว้านซื้อนักเตะทีมอื่นในลีคไปกี่คน กวาดพวกเอซของทีมไปกี่คน อาร์เซน่อลโดนดูดไป 6-7 คนมั้งในเวลาแค่ไม่กี่ปี

นักเตะแบบเบนจานี่เคยเป็นตัวหลักของปอร์ทสมัธ, โรเก้ ซานตา ครูซทำผลงานยอดเยี่ยมกับแบล็คเบิร์น ก็โดนดึงตัวมาร่วมทีม นักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์ ต้องย้ายมานั่งอยู่ม้านั่งสำรองจนไม่ได้พัฒนาฝีเท้าเท่าที่ควร

ทีมเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์รั้งนักเตะไว้ได้เลย เพราะพลังเงินมันสู้ไม่ไหว แล้วทีมเล็กมันได้ประโยชน์อะไร? กลุ่มเดียวที่เสียประโยชน์จาก FFP คือเศรษฐีเกิดใหม่ที่อยากใช้เงินซื้อนักเตะไปเลยทีเดียวนั่นแหละ


3. ข้อโต้แย้งที่ว่าซิตี้รอดได้เพราะเหตุผลทางเทคนิคกฏหมาย ทำให้เอาผิดไม่ได้?

อันนี้หนักเลย ไปเทียบกับเชลซีซึ่ง ณ เวลาปี 2003 มันยังไม่มีกฏ FFP เกิดขึ้นมา เอาไปเทียบได้หรือไง
แล้วเรื่องที่เอาผิดกับซิตี้นี่มันคนละประเด็นเลย

ใครก็รู้ว่าความตั้งใจคือ สอบสวนที่มาของเงิน 400 ล้านปอนด์จาก Etihad group ว่าเป็นการแอบอัดฉีดเงินแบบ Sugar daddy หรือไม่

ตรงนี้ไม่ได้แก้ต่างเลย ไปอ้างว่าคนอื่นก็ทำนี่ เหมือนโดนตำรวจจับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วบอกว่าคนอื่นก็ไม่ใส่เหมือนกันอ่ะ เลอะเทอะ


4. โทษของเรอัล มาดริด หรือทีมอื่นๆที่เซ็นดาวรุ่งผิดกฏเค้ารับโทษกันหมดไง โดนแบนไม่ให้ซื้อขายนักเตะนี่หนักกว่าปรับเงิน 9 ล้านปอนด์เยอะ

ทั้งๆที่ความผิดมันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับกรณีของซิตี้ที่โดนกล่าวหาเลย



สรุปคือ Martin Samuel นี่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้ซิตี้ได้เลยว่าไม่ได้ทำผิดกฏ เขียนออกมาเพื่อดีใจที่ซิตี้รอดมากกว่า  


1.การพูดว่าองค์กรนี้ทำเพื่อการคงอำนาจของทีมใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระ จริง
แต่ FFP เป็นการสนับสนุนการคงอำนาจของทีมใหญ่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ไร้สาระ
และมีการถกเถียงกันมาตลอดถึงความเป็นดาบสองคมของมัน

ส่วนคนใน ECA ที่ผลักดัน FFP ผมไม่ขอกล่าวถึง ลองหาข้อมูลแล้ว น่าจะใช้เวลาเยอะไป

2.ทีมขนาดกลางและเล็ก ได้ประโยชน์จากการพังลงของ FFP ผมเติมให้ว่า FFP version นี้

เรื่องนี้ถ้ามองในแง่การเปิดกว้างการแข่งขันทางธุรกิจ มันใช่แน่นอน 100%
ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดูดนักเตะ ที่ท่านยกมา

ถ้าปล่อยให้ค่อยๆเติบโตไปโดยปราศจากการอัดฉีดเงินทุน
คิดว่าอีกกี่ทศวรรษ ทีมอย่างนิวคาสเซิล วูลฟ์ จะก้าวขึ้นมา ทัดเทียมกับทีมระดับแถวหน้า
และด้วยกฏ FFP version นี้ จะมีนักลงทุนกี่คน กล้ามาลงทุนกับธุรกิจ ที่มีกฏไปในทางต่อต้านการแข่งขันเสรี
ผมคิดว่า จุดประสงค์ของ FFP ที่ประกาศมานั้น น่ายกย่อง ในการจะปกป้องสโมสรจากการล้มละลาย
แต่แนวทางปฏิบัติ ที่กฏเขียนออกมา นั้นตื้นเขินเกินไป ควรมีการปรับเปลี่ยน

การพังทลายของกฏ version นี้ เปิดทางให้นักลงทุนยังเห็นโอกาส ในการเข้ามาลงทุนพัฒนาทีมเล็กได้
โดยไม่โดนมัดมือมัดเท้า

2.1 ประเด็นเรื่องการดูดนักเตะ มองอีกแง่ นักเตะทีมเล็กๆ กี่คนที่ถูกดูดไปทีมใหญ่ ตอบให้ว่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องเงิน หรือชื่อเสียงของทีม ทีมเล็กเสียเปรียบอยู่แล้วเต็มประตู
การมีเงินเข้ามาในธุรกิจ จะปิดข้อเสียเปรียบของทีมเล็กไป 1 ข้อ

3.ข้อนี้ผมพูดหลายรอบมากๆ แบบพูดแบบย่อๆ ก็คือ มี 2 ประเด็น คือ กฏ กับ ความถูกต้อง
3.1)ถ้าอิงเรื่องกฏเป็นหลัก คุณควรเคารพกฏทั้งหมด เรื่องเงื่อนไขเวลา และเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาหลักฐาน ก็เป็นส่วนนึงของกฏ มันที่เหตุผลที่มาที่ไป ไม่ได้เขียนลงไปเล่นๆ คุณต้องเคารพเช่นกัน ไม่ใช่เลือกเคารพบางบรรทัด
3.2)ถ้าอิงเรื่องความถูกต้อง บทความยกเคสเชลซี แต่ทุกสโมสรใหญ่ ผ่านการอัดฉีดมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าซิตี้เอาเปรียบ ถ้ายังบอกว่าตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดเพราะแหกกฏ ให้กลับไปอ่าน 3.1

4.ซิตี้ (รวมถึง เปเอสเช) รับโทษไปครั้งนึงแล้วในช่วงแรก ถูกปรับ ถูกลิมิตงบเสริมทัพ ลดจำนวนโควต้านักเตะลงเล่น UCL เหมือนกัน

และขอแย้ง ที่คุณว่าความผิดการอัดฉีดเงินนั้นร้ายแรงกว่า ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าการแต๊บผู้เล่นผิดกฏ น่าเกลียดกว่าเหมือนไปลักลอบขโมยของคนอื่น การมีเงินอัดฉีดไม่ใช่ว่าซื้อความสำเร็จได้ ดังเห็นตัวอย่างจากหลายๆ ทีม ที่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและล้มละลายไป มันเป็นแค่วิธีการในการทำธุรกิจ

อันนี้ความเห็นผมในอีกมุมนึงนะ ผมว่าบทความไม่ขนาดไร้สาระซะทีเดียวหรอก  


 






FFP นี่มันบังคับใช้ทุกทีมเลยครับ ทีมใหญ่เองก็โดนผลกระทบตรงที่จะจ่ายเงินกว้านซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ อันนี้ผมว่าทีมใหญ่ๆเนี่ยก็เสียโอกาสตรงนี้ไปด้วย

ถ้าเกิดตรงนี้มันจะปล่อยฟรีไปเลย ผมไม่ได้มีปัญหาด้วยอยู่แล้ว แต่กฏนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทีมใหญ่คงอำนาจไว้เลย


ส่วนที่ว่ากฏนี้ขัดกับเรื่องการแข่งขันเสรีเนี่ย มันก็ใช่

แต่ถ้าวันนึงมันเกิด Monopoly ในฟุตบอล มันไม่ได้เป็นผลดีกับการแข่งขันหรอก มันจะมีทีมนึงกวาดนักเตะทั้งตลาดได้ กับทีมที่เหลือสู้ทางการเงินไม่ได้เลย

ตัวอย่างนึงคือบอลสก็อตติช พรีเมียร์ชิพ ที่มีแค่เซลติคกับเรนเจอร์ผลัดกันเป็นแชมป์มาตลอดกว่า 40 ปีได้ พอเรนเจอร์ตกไป เซลติคก็กวาดยาวมาจนทุกวันนี้ ทีมอื่นมันไม่ได้มีสภาพการเงินแข็งแรงเท่าเซลติค

ถ้าคุณจะบอกว่าก็ให้ sugar daddy มาเทคโอเวอร์ซักทีมนึงในสก็อตแลนด์เพื่อจะได้สู้ได้?

ก็ไปลีค เอิงได้เลยครับ เปแอสเช่นี่เล่นแบบกวาดแชมป์มากี่ปีละ ฟุตบอลฝรั่งเศสมันสนุกมั้ยล่ะ? เนี่ย FFP มันกันการผูกขาดลีคได้บางส่วนด้วยซ้ำ



ส่วนประเด็นที่ซิตี้โดนลงโทษไปแล้วนั้น มันคนละประเด็นกันเลย

นั่นมันเรื่องการที่ทีมขาดดุล ติดกัน 2(หรือ 3)ฤดูกาล ติดกันเลยโดนลงโทษ

มันคนละเรื่องกันกรณีสปอนเซอร์เอติฮํดกรุ๊ป ที่ยูฟ่าได้รับเรื่องว่า เงินที่มาเป็นเงินสอดไส้จาก sugar daddy
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Jan 2011
ตอบ: 5657
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 16:31
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
เป็นการเขียนที่โยงใยได้งี่เง่ามากในหลายประเด็น

1. European Clubs Association (ECA) นี่เป็นองค์กรที่มีทีมฟุตบอลทั่วยุโรปอยู่ 109 สโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วย

แล้วสโมสรร่วมก่อตั้งองค์กรนี้ หลายทีมก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลยุโรป (ดินาโม ซาเกร็บ โอลิมเปียกอส อันเดอร์เลทช์ ฯลฯ) เดวิด กิลล์ออก CEO จากแมนฯยูไนเต็ดไปทำงานร่วมกับ FA มา 8 ปีแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลนี่ไม่ใช่ founding member ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากจะคงอำนาจไว้จริงๆ จะออกกฏ FFP มาให้ตัวเองเสริมทัพได้ยากขึ้นเพื่ออะไร? Does it even make sense?

มันเป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันการบริหารสโมสร ช่วยวางระบบฟุตบอลหญิง คอยสนับสนุนการผลักดันฟุตบอลระดับเยาวชน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าองค์กรนี้ทำเพื่อคงอำนาจไว้ของทีมใหญ่ คือเรื่องไร้สาระ


2. ทีมระดับนิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์, ท็อตแน่ม ที่ยกมาจะได้รับประโยชน์จากการพังลงของกฏ FFP?

ลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 2008-2011 ดูว่าซิตี้กว้านซื้อนักเตะทีมอื่นในลีคไปกี่คน กวาดพวกเอซของทีมไปกี่คน อาร์เซน่อลโดนดูดไป 6-7 คนมั้งในเวลาแค่ไม่กี่ปี

นักเตะแบบเบนจานี่เคยเป็นตัวหลักของปอร์ทสมัธ, โรเก้ ซานตา ครูซทำผลงานยอดเยี่ยมกับแบล็คเบิร์น ก็โดนดึงตัวมาร่วมทีม นักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์ ต้องย้ายมานั่งอยู่ม้านั่งสำรองจนไม่ได้พัฒนาฝีเท้าเท่าที่ควร

ทีมเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์รั้งนักเตะไว้ได้เลย เพราะพลังเงินมันสู้ไม่ไหว แล้วทีมเล็กมันได้ประโยชน์อะไร? กลุ่มเดียวที่เสียประโยชน์จาก FFP คือเศรษฐีเกิดใหม่ที่อยากใช้เงินซื้อนักเตะไปเลยทีเดียวนั่นแหละ


3. ข้อโต้แย้งที่ว่าซิตี้รอดได้เพราะเหตุผลทางเทคนิคกฏหมาย ทำให้เอาผิดไม่ได้?

อันนี้หนักเลย ไปเทียบกับเชลซีซึ่ง ณ เวลาปี 2003 มันยังไม่มีกฏ FFP เกิดขึ้นมา เอาไปเทียบได้หรือไง
แล้วเรื่องที่เอาผิดกับซิตี้นี่มันคนละประเด็นเลย

ใครก็รู้ว่าความตั้งใจคือ สอบสวนที่มาของเงิน 400 ล้านปอนด์จาก Etihad group ว่าเป็นการแอบอัดฉีดเงินแบบ Sugar daddy หรือไม่

ตรงนี้ไม่ได้แก้ต่างเลย ไปอ้างว่าคนอื่นก็ทำนี่ เหมือนโดนตำรวจจับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วบอกว่าคนอื่นก็ไม่ใส่เหมือนกันอ่ะ เลอะเทอะ


4. โทษของเรอัล มาดริด หรือทีมอื่นๆที่เซ็นดาวรุ่งผิดกฏเค้ารับโทษกันหมดไง โดนแบนไม่ให้ซื้อขายนักเตะนี่หนักกว่าปรับเงิน 9 ล้านปอนด์เยอะ

ทั้งๆที่ความผิดมันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับกรณีของซิตี้ที่โดนกล่าวหาเลย



สรุปคือ Martin Samuel นี่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้ซิตี้ได้เลยว่าไม่ได้ทำผิดกฏ เขียนออกมาเพื่อดีใจที่ซิตี้รอดมากกว่า  


1.การพูดว่าองค์กรนี้ทำเพื่อการคงอำนาจของทีมใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระ จริง
แต่ FFP เป็นการสนับสนุนการคงอำนาจของทีมใหญ่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ไร้สาระ
และมีการถกเถียงกันมาตลอดถึงความเป็นดาบสองคมของมัน

ส่วนคนใน ECA ที่ผลักดัน FFP ผมไม่ขอกล่าวถึง ลองหาข้อมูลแล้ว น่าจะใช้เวลาเยอะไป

2.ทีมขนาดกลางและเล็ก ได้ประโยชน์จากการพังลงของ FFP ผมเติมให้ว่า FFP version นี้

เรื่องนี้ถ้ามองในแง่การเปิดกว้างการแข่งขันทางธุรกิจ มันใช่แน่นอน 100%
ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดูดนักเตะ ที่ท่านยกมา

ถ้าปล่อยให้ค่อยๆเติบโตไปโดยปราศจากการอัดฉีดเงินทุน
คิดว่าอีกกี่ทศวรรษ ทีมอย่างนิวคาสเซิล วูลฟ์ จะก้าวขึ้นมา ทัดเทียมกับทีมระดับแถวหน้า
และด้วยกฏ FFP version นี้ จะมีนักลงทุนกี่คน กล้ามาลงทุนกับธุรกิจ ที่มีกฏไปในทางต่อต้านการแข่งขันเสรี
ผมคิดว่า จุดประสงค์ของ FFP ที่ประกาศมานั้น น่ายกย่อง ในการจะปกป้องสโมสรจากการล้มละลาย
แต่แนวทางปฏิบัติ ที่กฏเขียนออกมา นั้นตื้นเขินเกินไป ควรมีการปรับเปลี่ยน

การพังทลายของกฏ version นี้ เปิดทางให้นักลงทุนยังเห็นโอกาส ในการเข้ามาลงทุนพัฒนาทีมเล็กได้
โดยไม่โดนมัดมือมัดเท้า

2.1 ประเด็นเรื่องการดูดนักเตะ มองอีกแง่ นักเตะทีมเล็กๆ กี่คนที่ถูกดูดไปทีมใหญ่ ตอบให้ว่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องเงิน หรือชื่อเสียงของทีม ทีมเล็กเสียเปรียบอยู่แล้วเต็มประตู
การมีเงินเข้ามาในธุรกิจ จะปิดข้อเสียเปรียบของทีมเล็กไป 1 ข้อ

3.ข้อนี้ผมพูดหลายรอบมากๆ แบบพูดแบบย่อๆ ก็คือ มี 2 ประเด็น คือ กฏ กับ ความถูกต้อง
3.1)ถ้าอิงเรื่องกฏเป็นหลัก คุณควรเคารพกฏทั้งหมด เรื่องเงื่อนไขเวลา และเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาหลักฐาน ก็เป็นส่วนนึงของกฏ มันที่เหตุผลที่มาที่ไป ไม่ได้เขียนลงไปเล่นๆ คุณต้องเคารพเช่นกัน ไม่ใช่เลือกเคารพบางบรรทัด
3.2)ถ้าอิงเรื่องความถูกต้อง บทความยกเคสเชลซี แต่ทุกสโมสรใหญ่ ผ่านการอัดฉีดมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าซิตี้เอาเปรียบ ถ้ายังบอกว่าตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดเพราะแหกกฏ ให้กลับไปอ่าน 3.1

4.ซิตี้ (รวมถึง เปเอสเช) รับโทษไปครั้งนึงแล้วในช่วงแรก ถูกปรับ ถูกลิมิตงบเสริมทัพ ลดจำนวนโควต้านักเตะลงเล่น UCL เหมือนกัน

และขอแย้ง ที่คุณว่าความผิดการอัดฉีดเงินนั้นร้ายแรงกว่า ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าการแต๊บผู้เล่นผิดกฏ น่าเกลียดกว่าเหมือนไปลักลอบขโมยของคนอื่น การมีเงินอัดฉีดไม่ใช่ว่าซื้อความสำเร็จได้ ดังเห็นตัวอย่างจากหลายๆ ทีม ที่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและล้มละลายไป มันเป็นแค่วิธีการในการทำธุรกิจ

อันนี้ความเห็นผมในอีกมุมนึงนะ ผมว่าบทความไม่ขนาดไร้สาระซะทีเดียวหรอก  


 






FFP นี่มันบังคับใช้ทุกทีมเลยครับ ทีมใหญ่เองก็โดนผลกระทบตรงที่จะจ่ายเงินกว้านซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ อันนี้ผมว่าทีมใหญ่ๆเนี่ยก็เสียโอกาสตรงนี้ไปด้วย

ถ้าเกิดตรงนี้มันจะปล่อยฟรีไปเลย ผมไม่ได้มีปัญหาด้วยอยู่แล้ว แต่กฏนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทีมใหญ่คงอำนาจไว้เลย


ส่วนที่ว่ากฏนี้ขัดกับเรื่องการแข่งขันเสรีเนี่ย มันก็ใช่

แต่ถ้าวันนึงมันเกิด Monopoly ในฟุตบอล มันไม่ได้เป็นผลดีกับการแข่งขันหรอก มันจะมีทีมนึงกวาดนักเตะทั้งตลาดได้ กับทีมที่เหลือสู้ทางการเงินไม่ได้เลย

ตัวอย่างนึงคือบอลสก็อตติช พรีเมียร์ชิพ ที่มีแค่เซลติคกับเรนเจอร์ผลัดกันเป็นแชมป์มาตลอดกว่า 40 ปีได้ พอเรนเจอร์ตกไป เซลติคก็กวาดยาวมาจนทุกวันนี้ ทีมอื่นมันไม่ได้มีสภาพการเงินแข็งแรงเท่าเซลติค

ถ้าคุณจะบอกว่าก็ให้ sugar daddy มาเทคโอเวอร์ซักทีมนึงในสก็อตแลนด์เพื่อจะได้สู้ได้?

ก็ไปลีค เอิงได้เลยครับ เปแอสเช่นี่เล่นแบบกวาดแชมป์มากี่ปีละ ฟุตบอลฝรั่งเศสมันสนุกมั้ยล่ะ? เนี่ย FFP มันกันการผูกขาดลีคได้บางส่วนด้วยซ้ำ



ส่วนประเด็นที่ซิตี้โดนลงโทษไปแล้วนั้น มันคนละประเด็นกันเลย

นั่นมันเรื่องการที่ทีมขาดดุล ติดกัน 2(หรือ 3)ฤดูกาล ติดกันเลยโดนลงโทษ

มันคนละเรื่องกันกรณีสปอนเซอร์เอติฮํดกรุ๊ป ที่ยูฟ่าได้รับเรื่องว่า เงินที่มาเป็นเงินสอดไส้จาก sugar daddy  


กรณีที่คุณว่าน่ะ มันคือการใช้หลักฐานที่ไม่ถูกต้องนั่นแหละครับ

ยูฟ่าเชื่อหลักฐานจากแฮ็คเกอร์และทำการลงโทษซิตี้ทันที เหมือนคนอ่านนิยายแล้วเชื่อว่าจริง จากนั้นเอาหลักฐานจากนิยายไปลงโทษคนอื่นน่ะครับ อาจจะฟังดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ในการตัดสินคดีก็เปรียบประมาณนั้น ซิตี้เลือกที่จะไม่คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ขอขึ้นศาลเลย ให้ศาลตัดสินเอา มันก็จบเลย เพราะยูฟ่าเริ่มเรื่องด้วยหลักฐานเลื่อนลอยนี่แหละ ซึ่งผิดปกติมากในการทำคดีระดับนี้ ที่จะเอาแค่หลักฐานเลื่อนลอยมาใช้กล่าวโทษ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 14344
ที่อยู่: N/A
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 16:40
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
warhammer พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
เป็นการเขียนที่โยงใยได้งี่เง่ามากในหลายประเด็น

1. European Clubs Association (ECA) นี่เป็นองค์กรที่มีทีมฟุตบอลทั่วยุโรปอยู่ 109 สโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วย

แล้วสโมสรร่วมก่อตั้งองค์กรนี้ หลายทีมก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลยุโรป (ดินาโม ซาเกร็บ โอลิมเปียกอส อันเดอร์เลทช์ ฯลฯ) เดวิด กิลล์ออก CEO จากแมนฯยูไนเต็ดไปทำงานร่วมกับ FA มา 8 ปีแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลนี่ไม่ใช่ founding member ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากจะคงอำนาจไว้จริงๆ จะออกกฏ FFP มาให้ตัวเองเสริมทัพได้ยากขึ้นเพื่ออะไร? Does it even make sense?

มันเป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันการบริหารสโมสร ช่วยวางระบบฟุตบอลหญิง คอยสนับสนุนการผลักดันฟุตบอลระดับเยาวชน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าองค์กรนี้ทำเพื่อคงอำนาจไว้ของทีมใหญ่ คือเรื่องไร้สาระ


2. ทีมระดับนิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์, ท็อตแน่ม ที่ยกมาจะได้รับประโยชน์จากการพังลงของกฏ FFP?

ลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 2008-2011 ดูว่าซิตี้กว้านซื้อนักเตะทีมอื่นในลีคไปกี่คน กวาดพวกเอซของทีมไปกี่คน อาร์เซน่อลโดนดูดไป 6-7 คนมั้งในเวลาแค่ไม่กี่ปี

นักเตะแบบเบนจานี่เคยเป็นตัวหลักของปอร์ทสมัธ, โรเก้ ซานตา ครูซทำผลงานยอดเยี่ยมกับแบล็คเบิร์น ก็โดนดึงตัวมาร่วมทีม นักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์ ต้องย้ายมานั่งอยู่ม้านั่งสำรองจนไม่ได้พัฒนาฝีเท้าเท่าที่ควร

ทีมเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์รั้งนักเตะไว้ได้เลย เพราะพลังเงินมันสู้ไม่ไหว แล้วทีมเล็กมันได้ประโยชน์อะไร? กลุ่มเดียวที่เสียประโยชน์จาก FFP คือเศรษฐีเกิดใหม่ที่อยากใช้เงินซื้อนักเตะไปเลยทีเดียวนั่นแหละ


3. ข้อโต้แย้งที่ว่าซิตี้รอดได้เพราะเหตุผลทางเทคนิคกฏหมาย ทำให้เอาผิดไม่ได้?

อันนี้หนักเลย ไปเทียบกับเชลซีซึ่ง ณ เวลาปี 2003 มันยังไม่มีกฏ FFP เกิดขึ้นมา เอาไปเทียบได้หรือไง
แล้วเรื่องที่เอาผิดกับซิตี้นี่มันคนละประเด็นเลย

ใครก็รู้ว่าความตั้งใจคือ สอบสวนที่มาของเงิน 400 ล้านปอนด์จาก Etihad group ว่าเป็นการแอบอัดฉีดเงินแบบ Sugar daddy หรือไม่

ตรงนี้ไม่ได้แก้ต่างเลย ไปอ้างว่าคนอื่นก็ทำนี่ เหมือนโดนตำรวจจับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วบอกว่าคนอื่นก็ไม่ใส่เหมือนกันอ่ะ เลอะเทอะ


4. โทษของเรอัล มาดริด หรือทีมอื่นๆที่เซ็นดาวรุ่งผิดกฏเค้ารับโทษกันหมดไง โดนแบนไม่ให้ซื้อขายนักเตะนี่หนักกว่าปรับเงิน 9 ล้านปอนด์เยอะ

ทั้งๆที่ความผิดมันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับกรณีของซิตี้ที่โดนกล่าวหาเลย



สรุปคือ Martin Samuel นี่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้ซิตี้ได้เลยว่าไม่ได้ทำผิดกฏ เขียนออกมาเพื่อดีใจที่ซิตี้รอดมากกว่า  


1.การพูดว่าองค์กรนี้ทำเพื่อการคงอำนาจของทีมใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระ จริง
แต่ FFP เป็นการสนับสนุนการคงอำนาจของทีมใหญ่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ไร้สาระ
และมีการถกเถียงกันมาตลอดถึงความเป็นดาบสองคมของมัน

ส่วนคนใน ECA ที่ผลักดัน FFP ผมไม่ขอกล่าวถึง ลองหาข้อมูลแล้ว น่าจะใช้เวลาเยอะไป

2.ทีมขนาดกลางและเล็ก ได้ประโยชน์จากการพังลงของ FFP ผมเติมให้ว่า FFP version นี้

เรื่องนี้ถ้ามองในแง่การเปิดกว้างการแข่งขันทางธุรกิจ มันใช่แน่นอน 100%
ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดูดนักเตะ ที่ท่านยกมา

ถ้าปล่อยให้ค่อยๆเติบโตไปโดยปราศจากการอัดฉีดเงินทุน
คิดว่าอีกกี่ทศวรรษ ทีมอย่างนิวคาสเซิล วูลฟ์ จะก้าวขึ้นมา ทัดเทียมกับทีมระดับแถวหน้า
และด้วยกฏ FFP version นี้ จะมีนักลงทุนกี่คน กล้ามาลงทุนกับธุรกิจ ที่มีกฏไปในทางต่อต้านการแข่งขันเสรี
ผมคิดว่า จุดประสงค์ของ FFP ที่ประกาศมานั้น น่ายกย่อง ในการจะปกป้องสโมสรจากการล้มละลาย
แต่แนวทางปฏิบัติ ที่กฏเขียนออกมา นั้นตื้นเขินเกินไป ควรมีการปรับเปลี่ยน

การพังทลายของกฏ version นี้ เปิดทางให้นักลงทุนยังเห็นโอกาส ในการเข้ามาลงทุนพัฒนาทีมเล็กได้
โดยไม่โดนมัดมือมัดเท้า

2.1 ประเด็นเรื่องการดูดนักเตะ มองอีกแง่ นักเตะทีมเล็กๆ กี่คนที่ถูกดูดไปทีมใหญ่ ตอบให้ว่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องเงิน หรือชื่อเสียงของทีม ทีมเล็กเสียเปรียบอยู่แล้วเต็มประตู
การมีเงินเข้ามาในธุรกิจ จะปิดข้อเสียเปรียบของทีมเล็กไป 1 ข้อ

3.ข้อนี้ผมพูดหลายรอบมากๆ แบบพูดแบบย่อๆ ก็คือ มี 2 ประเด็น คือ กฏ กับ ความถูกต้อง
3.1)ถ้าอิงเรื่องกฏเป็นหลัก คุณควรเคารพกฏทั้งหมด เรื่องเงื่อนไขเวลา และเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาหลักฐาน ก็เป็นส่วนนึงของกฏ มันที่เหตุผลที่มาที่ไป ไม่ได้เขียนลงไปเล่นๆ คุณต้องเคารพเช่นกัน ไม่ใช่เลือกเคารพบางบรรทัด
3.2)ถ้าอิงเรื่องความถูกต้อง บทความยกเคสเชลซี แต่ทุกสโมสรใหญ่ ผ่านการอัดฉีดมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าซิตี้เอาเปรียบ ถ้ายังบอกว่าตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดเพราะแหกกฏ ให้กลับไปอ่าน 3.1

4.ซิตี้ (รวมถึง เปเอสเช) รับโทษไปครั้งนึงแล้วในช่วงแรก ถูกปรับ ถูกลิมิตงบเสริมทัพ ลดจำนวนโควต้านักเตะลงเล่น UCL เหมือนกัน

และขอแย้ง ที่คุณว่าความผิดการอัดฉีดเงินนั้นร้ายแรงกว่า ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าการแต๊บผู้เล่นผิดกฏ น่าเกลียดกว่าเหมือนไปลักลอบขโมยของคนอื่น การมีเงินอัดฉีดไม่ใช่ว่าซื้อความสำเร็จได้ ดังเห็นตัวอย่างจากหลายๆ ทีม ที่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและล้มละลายไป มันเป็นแค่วิธีการในการทำธุรกิจ

อันนี้ความเห็นผมในอีกมุมนึงนะ ผมว่าบทความไม่ขนาดไร้สาระซะทีเดียวหรอก  


 






FFP นี่มันบังคับใช้ทุกทีมเลยครับ ทีมใหญ่เองก็โดนผลกระทบตรงที่จะจ่ายเงินกว้านซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ อันนี้ผมว่าทีมใหญ่ๆเนี่ยก็เสียโอกาสตรงนี้ไปด้วย

ถ้าเกิดตรงนี้มันจะปล่อยฟรีไปเลย ผมไม่ได้มีปัญหาด้วยอยู่แล้ว แต่กฏนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทีมใหญ่คงอำนาจไว้เลย


ส่วนที่ว่ากฏนี้ขัดกับเรื่องการแข่งขันเสรีเนี่ย มันก็ใช่

แต่ถ้าวันนึงมันเกิด Monopoly ในฟุตบอล มันไม่ได้เป็นผลดีกับการแข่งขันหรอก มันจะมีทีมนึงกวาดนักเตะทั้งตลาดได้ กับทีมที่เหลือสู้ทางการเงินไม่ได้เลย

ตัวอย่างนึงคือบอลสก็อตติช พรีเมียร์ชิพ ที่มีแค่เซลติคกับเรนเจอร์ผลัดกันเป็นแชมป์มาตลอดกว่า 40 ปีได้ พอเรนเจอร์ตกไป เซลติคก็กวาดยาวมาจนทุกวันนี้ ทีมอื่นมันไม่ได้มีสภาพการเงินแข็งแรงเท่าเซลติค

ถ้าคุณจะบอกว่าก็ให้ sugar daddy มาเทคโอเวอร์ซักทีมนึงในสก็อตแลนด์เพื่อจะได้สู้ได้?

ก็ไปลีค เอิงได้เลยครับ เปแอสเช่นี่เล่นแบบกวาดแชมป์มากี่ปีละ ฟุตบอลฝรั่งเศสมันสนุกมั้ยล่ะ? เนี่ย FFP มันกันการผูกขาดลีคได้บางส่วนด้วยซ้ำ



ส่วนประเด็นที่ซิตี้โดนลงโทษไปแล้วนั้น มันคนละประเด็นกันเลย

นั่นมันเรื่องการที่ทีมขาดดุล ติดกัน 2(หรือ 3)ฤดูกาล ติดกันเลยโดนลงโทษ

มันคนละเรื่องกันกรณีสปอนเซอร์เอติฮํดกรุ๊ป ที่ยูฟ่าได้รับเรื่องว่า เงินที่มาเป็นเงินสอดไส้จาก sugar daddy  


กรณีที่คุณว่าน่ะ มันคือการใช้หลักฐานที่ไม่ถูกต้องนั่นแหละครับ

ยูฟ่าเชื่อหลักฐานจากแฮ็คเกอร์และทำการลงโทษซิตี้ทันที เหมือนคนอ่านนิยายแล้วเชื่อว่าจริง จากนั้นเอาหลักฐานจากนิยายไปลงโทษคนอื่นน่ะครับ อาจจะฟังดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ในการตัดสินคดีก็เปรียบประมาณนั้น ซิตี้เลือกที่จะไม่คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ขอขึ้นศาลเลย ให้ศาลตัดสินเอา มันก็จบเลย เพราะยูฟ่าเริ่มเรื่องด้วยหลักฐานเลื่อนลอยนี่แหละ ซึ่งผิดปกติมากในการทำคดีระดับนี้ ที่จะเอาแค่หลักฐานเลื่อนลอยมาใช้กล่าวโทษ  


พูดในมุมโปรแกรมเมอร์นะครับ เอกสารที่หลุดออกมา มาจาก email ใช่ไหมครับ พวกนี้มันจะมีพวก digital signature อยู่แล้วทั้งใน email หรืออาจจะถึงฝังอยู่ในพวกเอกสาร word/pdf/excel บลาๆ ว่าส่งมาจากemailแมนซิจริงไหม ผู้รับเป็นใคร ตรวจสอบง่ายมากๆ ตรวจจาก digital signature เลย คือถ้าศาลจะตรวจสอบว่าจริงหรือเปล่าศาลตรวจสอบได้ครับ

ส่วนตัวคิดว่าจริงแหละ เพราะแดร์ สปิเกล มันก็ต้องตรวจสอบก่อนเสนอข่าวอยู่แล้ว ซึ่งเสียตังซื้อมาไม่พอถ้ามันปลอมมาหมายถึงอนาคตบริษัทเลยครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Don't tell mom I'm in Succersuck



ออนไลน์
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมสำรอง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 23861
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 16:52
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
warhammer พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
เป็นการเขียนที่โยงใยได้งี่เง่ามากในหลายประเด็น

1. European Clubs Association (ECA) นี่เป็นองค์กรที่มีทีมฟุตบอลทั่วยุโรปอยู่ 109 สโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วย

แล้วสโมสรร่วมก่อตั้งองค์กรนี้ หลายทีมก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลยุโรป (ดินาโม ซาเกร็บ โอลิมเปียกอส อันเดอร์เลทช์ ฯลฯ) เดวิด กิลล์ออก CEO จากแมนฯยูไนเต็ดไปทำงานร่วมกับ FA มา 8 ปีแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลนี่ไม่ใช่ founding member ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากจะคงอำนาจไว้จริงๆ จะออกกฏ FFP มาให้ตัวเองเสริมทัพได้ยากขึ้นเพื่ออะไร? Does it even make sense?

มันเป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันการบริหารสโมสร ช่วยวางระบบฟุตบอลหญิง คอยสนับสนุนการผลักดันฟุตบอลระดับเยาวชน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าองค์กรนี้ทำเพื่อคงอำนาจไว้ของทีมใหญ่ คือเรื่องไร้สาระ


2. ทีมระดับนิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์, ท็อตแน่ม ที่ยกมาจะได้รับประโยชน์จากการพังลงของกฏ FFP?

ลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 2008-2011 ดูว่าซิตี้กว้านซื้อนักเตะทีมอื่นในลีคไปกี่คน กวาดพวกเอซของทีมไปกี่คน อาร์เซน่อลโดนดูดไป 6-7 คนมั้งในเวลาแค่ไม่กี่ปี

นักเตะแบบเบนจานี่เคยเป็นตัวหลักของปอร์ทสมัธ, โรเก้ ซานตา ครูซทำผลงานยอดเยี่ยมกับแบล็คเบิร์น ก็โดนดึงตัวมาร่วมทีม นักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์ ต้องย้ายมานั่งอยู่ม้านั่งสำรองจนไม่ได้พัฒนาฝีเท้าเท่าที่ควร

ทีมเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์รั้งนักเตะไว้ได้เลย เพราะพลังเงินมันสู้ไม่ไหว แล้วทีมเล็กมันได้ประโยชน์อะไร? กลุ่มเดียวที่เสียประโยชน์จาก FFP คือเศรษฐีเกิดใหม่ที่อยากใช้เงินซื้อนักเตะไปเลยทีเดียวนั่นแหละ


3. ข้อโต้แย้งที่ว่าซิตี้รอดได้เพราะเหตุผลทางเทคนิคกฏหมาย ทำให้เอาผิดไม่ได้?

อันนี้หนักเลย ไปเทียบกับเชลซีซึ่ง ณ เวลาปี 2003 มันยังไม่มีกฏ FFP เกิดขึ้นมา เอาไปเทียบได้หรือไง
แล้วเรื่องที่เอาผิดกับซิตี้นี่มันคนละประเด็นเลย

ใครก็รู้ว่าความตั้งใจคือ สอบสวนที่มาของเงิน 400 ล้านปอนด์จาก Etihad group ว่าเป็นการแอบอัดฉีดเงินแบบ Sugar daddy หรือไม่

ตรงนี้ไม่ได้แก้ต่างเลย ไปอ้างว่าคนอื่นก็ทำนี่ เหมือนโดนตำรวจจับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วบอกว่าคนอื่นก็ไม่ใส่เหมือนกันอ่ะ เลอะเทอะ


4. โทษของเรอัล มาดริด หรือทีมอื่นๆที่เซ็นดาวรุ่งผิดกฏเค้ารับโทษกันหมดไง โดนแบนไม่ให้ซื้อขายนักเตะนี่หนักกว่าปรับเงิน 9 ล้านปอนด์เยอะ

ทั้งๆที่ความผิดมันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับกรณีของซิตี้ที่โดนกล่าวหาเลย



สรุปคือ Martin Samuel นี่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้ซิตี้ได้เลยว่าไม่ได้ทำผิดกฏ เขียนออกมาเพื่อดีใจที่ซิตี้รอดมากกว่า  


1.การพูดว่าองค์กรนี้ทำเพื่อการคงอำนาจของทีมใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระ จริง
แต่ FFP เป็นการสนับสนุนการคงอำนาจของทีมใหญ่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ไร้สาระ
และมีการถกเถียงกันมาตลอดถึงความเป็นดาบสองคมของมัน

ส่วนคนใน ECA ที่ผลักดัน FFP ผมไม่ขอกล่าวถึง ลองหาข้อมูลแล้ว น่าจะใช้เวลาเยอะไป

2.ทีมขนาดกลางและเล็ก ได้ประโยชน์จากการพังลงของ FFP ผมเติมให้ว่า FFP version นี้

เรื่องนี้ถ้ามองในแง่การเปิดกว้างการแข่งขันทางธุรกิจ มันใช่แน่นอน 100%
ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดูดนักเตะ ที่ท่านยกมา

ถ้าปล่อยให้ค่อยๆเติบโตไปโดยปราศจากการอัดฉีดเงินทุน
คิดว่าอีกกี่ทศวรรษ ทีมอย่างนิวคาสเซิล วูลฟ์ จะก้าวขึ้นมา ทัดเทียมกับทีมระดับแถวหน้า
และด้วยกฏ FFP version นี้ จะมีนักลงทุนกี่คน กล้ามาลงทุนกับธุรกิจ ที่มีกฏไปในทางต่อต้านการแข่งขันเสรี
ผมคิดว่า จุดประสงค์ของ FFP ที่ประกาศมานั้น น่ายกย่อง ในการจะปกป้องสโมสรจากการล้มละลาย
แต่แนวทางปฏิบัติ ที่กฏเขียนออกมา นั้นตื้นเขินเกินไป ควรมีการปรับเปลี่ยน

การพังทลายของกฏ version นี้ เปิดทางให้นักลงทุนยังเห็นโอกาส ในการเข้ามาลงทุนพัฒนาทีมเล็กได้
โดยไม่โดนมัดมือมัดเท้า

2.1 ประเด็นเรื่องการดูดนักเตะ มองอีกแง่ นักเตะทีมเล็กๆ กี่คนที่ถูกดูดไปทีมใหญ่ ตอบให้ว่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องเงิน หรือชื่อเสียงของทีม ทีมเล็กเสียเปรียบอยู่แล้วเต็มประตู
การมีเงินเข้ามาในธุรกิจ จะปิดข้อเสียเปรียบของทีมเล็กไป 1 ข้อ

3.ข้อนี้ผมพูดหลายรอบมากๆ แบบพูดแบบย่อๆ ก็คือ มี 2 ประเด็น คือ กฏ กับ ความถูกต้อง
3.1)ถ้าอิงเรื่องกฏเป็นหลัก คุณควรเคารพกฏทั้งหมด เรื่องเงื่อนไขเวลา และเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาหลักฐาน ก็เป็นส่วนนึงของกฏ มันที่เหตุผลที่มาที่ไป ไม่ได้เขียนลงไปเล่นๆ คุณต้องเคารพเช่นกัน ไม่ใช่เลือกเคารพบางบรรทัด
3.2)ถ้าอิงเรื่องความถูกต้อง บทความยกเคสเชลซี แต่ทุกสโมสรใหญ่ ผ่านการอัดฉีดมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าซิตี้เอาเปรียบ ถ้ายังบอกว่าตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดเพราะแหกกฏ ให้กลับไปอ่าน 3.1

4.ซิตี้ (รวมถึง เปเอสเช) รับโทษไปครั้งนึงแล้วในช่วงแรก ถูกปรับ ถูกลิมิตงบเสริมทัพ ลดจำนวนโควต้านักเตะลงเล่น UCL เหมือนกัน

และขอแย้ง ที่คุณว่าความผิดการอัดฉีดเงินนั้นร้ายแรงกว่า ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าการแต๊บผู้เล่นผิดกฏ น่าเกลียดกว่าเหมือนไปลักลอบขโมยของคนอื่น การมีเงินอัดฉีดไม่ใช่ว่าซื้อความสำเร็จได้ ดังเห็นตัวอย่างจากหลายๆ ทีม ที่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและล้มละลายไป มันเป็นแค่วิธีการในการทำธุรกิจ

อันนี้ความเห็นผมในอีกมุมนึงนะ ผมว่าบทความไม่ขนาดไร้สาระซะทีเดียวหรอก  


 






FFP นี่มันบังคับใช้ทุกทีมเลยครับ ทีมใหญ่เองก็โดนผลกระทบตรงที่จะจ่ายเงินกว้านซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ อันนี้ผมว่าทีมใหญ่ๆเนี่ยก็เสียโอกาสตรงนี้ไปด้วย

ถ้าเกิดตรงนี้มันจะปล่อยฟรีไปเลย ผมไม่ได้มีปัญหาด้วยอยู่แล้ว แต่กฏนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทีมใหญ่คงอำนาจไว้เลย


ส่วนที่ว่ากฏนี้ขัดกับเรื่องการแข่งขันเสรีเนี่ย มันก็ใช่

แต่ถ้าวันนึงมันเกิด Monopoly ในฟุตบอล มันไม่ได้เป็นผลดีกับการแข่งขันหรอก มันจะมีทีมนึงกวาดนักเตะทั้งตลาดได้ กับทีมที่เหลือสู้ทางการเงินไม่ได้เลย

ตัวอย่างนึงคือบอลสก็อตติช พรีเมียร์ชิพ ที่มีแค่เซลติคกับเรนเจอร์ผลัดกันเป็นแชมป์มาตลอดกว่า 40 ปีได้ พอเรนเจอร์ตกไป เซลติคก็กวาดยาวมาจนทุกวันนี้ ทีมอื่นมันไม่ได้มีสภาพการเงินแข็งแรงเท่าเซลติค

ถ้าคุณจะบอกว่าก็ให้ sugar daddy มาเทคโอเวอร์ซักทีมนึงในสก็อตแลนด์เพื่อจะได้สู้ได้?

ก็ไปลีค เอิงได้เลยครับ เปแอสเช่นี่เล่นแบบกวาดแชมป์มากี่ปีละ ฟุตบอลฝรั่งเศสมันสนุกมั้ยล่ะ? เนี่ย FFP มันกันการผูกขาดลีคได้บางส่วนด้วยซ้ำ



ส่วนประเด็นที่ซิตี้โดนลงโทษไปแล้วนั้น มันคนละประเด็นกันเลย

นั่นมันเรื่องการที่ทีมขาดดุล ติดกัน 2(หรือ 3)ฤดูกาล ติดกันเลยโดนลงโทษ

มันคนละเรื่องกันกรณีสปอนเซอร์เอติฮํดกรุ๊ป ที่ยูฟ่าได้รับเรื่องว่า เงินที่มาเป็นเงินสอดไส้จาก sugar daddy  


กรณีที่คุณว่าน่ะ มันคือการใช้หลักฐานที่ไม่ถูกต้องนั่นแหละครับ

ยูฟ่าเชื่อหลักฐานจากแฮ็คเกอร์และทำการลงโทษซิตี้ทันที เหมือนคนอ่านนิยายแล้วเชื่อว่าจริง จากนั้นเอาหลักฐานจากนิยายไปลงโทษคนอื่นน่ะครับ อาจจะฟังดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ในการตัดสินคดีก็เปรียบประมาณนั้น ซิตี้เลือกที่จะไม่คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ขอขึ้นศาลเลย ให้ศาลตัดสินเอา มันก็จบเลย เพราะยูฟ่าเริ่มเรื่องด้วยหลักฐานเลื่อนลอยนี่แหละ ซึ่งผิดปกติมากในการทำคดีระดับนี้ ที่จะเอาแค่หลักฐานเลื่อนลอยมาใช้กล่าวโทษ  




ท่านโคว้ทผิดคนหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้พูดถึงการตัดสิน ผมไม่ได้ติดใจอะไรกับการตัดสินของศาล

แต่ท่าน อย่ากระนั้น เค้ายกมาว่าซิตี้โดนยูฟ่าลงโทษไปแล้ว ผมเลยชี้แจงว่ามันคนละเรื่องกันกับเรื่องที่ยูฟ่าพยายามเอาผิดในครั้งนี้ครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1075
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 16, 2020 19:49
[RE: (1) แมนซิตี้กับชัยชนะต่อ FFP ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
เป็นการเขียนที่โยงใยได้งี่เง่ามากในหลายประเด็น

1. European Clubs Association (ECA) นี่เป็นองค์กรที่มีทีมฟุตบอลทั่วยุโรปอยู่ 109 สโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วย

แล้วสโมสรร่วมก่อตั้งองค์กรนี้ หลายทีมก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลยุโรป (ดินาโม ซาเกร็บ โอลิมเปียกอส อันเดอร์เลทช์ ฯลฯ) เดวิด กิลล์ออก CEO จากแมนฯยูไนเต็ดไปทำงานร่วมกับ FA มา 8 ปีแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลนี่ไม่ใช่ founding member ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากจะคงอำนาจไว้จริงๆ จะออกกฏ FFP มาให้ตัวเองเสริมทัพได้ยากขึ้นเพื่ออะไร? Does it even make sense?

มันเป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันการบริหารสโมสร ช่วยวางระบบฟุตบอลหญิง คอยสนับสนุนการผลักดันฟุตบอลระดับเยาวชน

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าองค์กรนี้ทำเพื่อคงอำนาจไว้ของทีมใหญ่ คือเรื่องไร้สาระ


2. ทีมระดับนิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์, ท็อตแน่ม ที่ยกมาจะได้รับประโยชน์จากการพังลงของกฏ FFP?

ลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 2008-2011 ดูว่าซิตี้กว้านซื้อนักเตะทีมอื่นในลีคไปกี่คน กวาดพวกเอซของทีมไปกี่คน อาร์เซน่อลโดนดูดไป 6-7 คนมั้งในเวลาแค่ไม่กี่ปี

นักเตะแบบเบนจานี่เคยเป็นตัวหลักของปอร์ทสมัธ, โรเก้ ซานตา ครูซทำผลงานยอดเยี่ยมกับแบล็คเบิร์น ก็โดนดึงตัวมาร่วมทีม นักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์ ต้องย้ายมานั่งอยู่ม้านั่งสำรองจนไม่ได้พัฒนาฝีเท้าเท่าที่ควร

ทีมเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์รั้งนักเตะไว้ได้เลย เพราะพลังเงินมันสู้ไม่ไหว แล้วทีมเล็กมันได้ประโยชน์อะไร? กลุ่มเดียวที่เสียประโยชน์จาก FFP คือเศรษฐีเกิดใหม่ที่อยากใช้เงินซื้อนักเตะไปเลยทีเดียวนั่นแหละ


3. ข้อโต้แย้งที่ว่าซิตี้รอดได้เพราะเหตุผลทางเทคนิคกฏหมาย ทำให้เอาผิดไม่ได้?

อันนี้หนักเลย ไปเทียบกับเชลซีซึ่ง ณ เวลาปี 2003 มันยังไม่มีกฏ FFP เกิดขึ้นมา เอาไปเทียบได้หรือไง
แล้วเรื่องที่เอาผิดกับซิตี้นี่มันคนละประเด็นเลย

ใครก็รู้ว่าความตั้งใจคือ สอบสวนที่มาของเงิน 400 ล้านปอนด์จาก Etihad group ว่าเป็นการแอบอัดฉีดเงินแบบ Sugar daddy หรือไม่

ตรงนี้ไม่ได้แก้ต่างเลย ไปอ้างว่าคนอื่นก็ทำนี่ เหมือนโดนตำรวจจับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วบอกว่าคนอื่นก็ไม่ใส่เหมือนกันอ่ะ เลอะเทอะ


4. โทษของเรอัล มาดริด หรือทีมอื่นๆที่เซ็นดาวรุ่งผิดกฏเค้ารับโทษกันหมดไง โดนแบนไม่ให้ซื้อขายนักเตะนี่หนักกว่าปรับเงิน 9 ล้านปอนด์เยอะ

ทั้งๆที่ความผิดมันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับกรณีของซิตี้ที่โดนกล่าวหาเลย



สรุปคือ Martin Samuel นี่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรให้ซิตี้ได้เลยว่าไม่ได้ทำผิดกฏ เขียนออกมาเพื่อดีใจที่ซิตี้รอดมากกว่า  


1.การพูดว่าองค์กรนี้ทำเพื่อการคงอำนาจของทีมใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระ จริง
แต่ FFP เป็นการสนับสนุนการคงอำนาจของทีมใหญ่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ไร้สาระ
และมีการถกเถียงกันมาตลอดถึงความเป็นดาบสองคมของมัน

ส่วนคนใน ECA ที่ผลักดัน FFP ผมไม่ขอกล่าวถึง ลองหาข้อมูลแล้ว น่าจะใช้เวลาเยอะไป

2.ทีมขนาดกลางและเล็ก ได้ประโยชน์จากการพังลงของ FFP ผมเติมให้ว่า FFP version นี้

เรื่องนี้ถ้ามองในแง่การเปิดกว้างการแข่งขันทางธุรกิจ มันใช่แน่นอน 100%
ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดูดนักเตะ ที่ท่านยกมา

ถ้าปล่อยให้ค่อยๆเติบโตไปโดยปราศจากการอัดฉีดเงินทุน
คิดว่าอีกกี่ทศวรรษ ทีมอย่างนิวคาสเซิล วูลฟ์ จะก้าวขึ้นมา ทัดเทียมกับทีมระดับแถวหน้า
และด้วยกฏ FFP version นี้ จะมีนักลงทุนกี่คน กล้ามาลงทุนกับธุรกิจ ที่มีกฏไปในทางต่อต้านการแข่งขันเสรี
ผมคิดว่า จุดประสงค์ของ FFP ที่ประกาศมานั้น น่ายกย่อง ในการจะปกป้องสโมสรจากการล้มละลาย
แต่แนวทางปฏิบัติ ที่กฏเขียนออกมา นั้นตื้นเขินเกินไป ควรมีการปรับเปลี่ยน

การพังทลายของกฏ version นี้ เปิดทางให้นักลงทุนยังเห็นโอกาส ในการเข้ามาลงทุนพัฒนาทีมเล็กได้
โดยไม่โดนมัดมือมัดเท้า

2.1 ประเด็นเรื่องการดูดนักเตะ มองอีกแง่ นักเตะทีมเล็กๆ กี่คนที่ถูกดูดไปทีมใหญ่ ตอบให้ว่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเหตุผลเรื่องเงิน หรือชื่อเสียงของทีม ทีมเล็กเสียเปรียบอยู่แล้วเต็มประตู
การมีเงินเข้ามาในธุรกิจ จะปิดข้อเสียเปรียบของทีมเล็กไป 1 ข้อ

3.ข้อนี้ผมพูดหลายรอบมากๆ แบบพูดแบบย่อๆ ก็คือ มี 2 ประเด็น คือ กฏ กับ ความถูกต้อง
3.1)ถ้าอิงเรื่องกฏเป็นหลัก คุณควรเคารพกฏทั้งหมด เรื่องเงื่อนไขเวลา และเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาหลักฐาน ก็เป็นส่วนนึงของกฏ มันที่เหตุผลที่มาที่ไป ไม่ได้เขียนลงไปเล่นๆ คุณต้องเคารพเช่นกัน ไม่ใช่เลือกเคารพบางบรรทัด
3.2)ถ้าอิงเรื่องความถูกต้อง บทความยกเคสเชลซี แต่ทุกสโมสรใหญ่ ผ่านการอัดฉีดมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าซิตี้เอาเปรียบ ถ้ายังบอกว่าตอนนั้นไม่มีกฏ แต่ซิตี้ผิดเพราะแหกกฏ ให้กลับไปอ่าน 3.1

4.ซิตี้ (รวมถึง เปเอสเช) รับโทษไปครั้งนึงแล้วในช่วงแรก ถูกปรับ ถูกลิมิตงบเสริมทัพ ลดจำนวนโควต้านักเตะลงเล่น UCL เหมือนกัน

และขอแย้ง ที่คุณว่าความผิดการอัดฉีดเงินนั้นร้ายแรงกว่า ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าการแต๊บผู้เล่นผิดกฏ น่าเกลียดกว่าเหมือนไปลักลอบขโมยของคนอื่น การมีเงินอัดฉีดไม่ใช่ว่าซื้อความสำเร็จได้ ดังเห็นตัวอย่างจากหลายๆ ทีม ที่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและล้มละลายไป มันเป็นแค่วิธีการในการทำธุรกิจ

อันนี้ความเห็นผมในอีกมุมนึงนะ ผมว่าบทความไม่ขนาดไร้สาระซะทีเดียวหรอก  


 






FFP นี่มันบังคับใช้ทุกทีมเลยครับ ทีมใหญ่เองก็โดนผลกระทบตรงที่จะจ่ายเงินกว้านซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ อันนี้ผมว่าทีมใหญ่ๆเนี่ยก็เสียโอกาสตรงนี้ไปด้วย

ถ้าเกิดตรงนี้มันจะปล่อยฟรีไปเลย ผมไม่ได้มีปัญหาด้วยอยู่แล้ว แต่กฏนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทีมใหญ่คงอำนาจไว้เลย


ส่วนที่ว่ากฏนี้ขัดกับเรื่องการแข่งขันเสรีเนี่ย มันก็ใช่

แต่ถ้าวันนึงมันเกิด Monopoly ในฟุตบอล มันไม่ได้เป็นผลดีกับการแข่งขันหรอก มันจะมีทีมนึงกวาดนักเตะทั้งตลาดได้ กับทีมที่เหลือสู้ทางการเงินไม่ได้เลย

ตัวอย่างนึงคือบอลสก็อตติช พรีเมียร์ชิพ ที่มีแค่เซลติคกับเรนเจอร์ผลัดกันเป็นแชมป์มาตลอดกว่า 40 ปีได้ พอเรนเจอร์ตกไป เซลติคก็กวาดยาวมาจนทุกวันนี้ ทีมอื่นมันไม่ได้มีสภาพการเงินแข็งแรงเท่าเซลติค

ถ้าคุณจะบอกว่าก็ให้ sugar daddy มาเทคโอเวอร์ซักทีมนึงในสก็อตแลนด์เพื่อจะได้สู้ได้?

ก็ไปลีค เอิงได้เลยครับ เปแอสเช่นี่เล่นแบบกวาดแชมป์มากี่ปีละ ฟุตบอลฝรั่งเศสมันสนุกมั้ยล่ะ? เนี่ย FFP มันกันการผูกขาดลีคได้บางส่วนด้วยซ้ำ



ส่วนประเด็นที่ซิตี้โดนลงโทษไปแล้วนั้น มันคนละประเด็นกันเลย

นั่นมันเรื่องการที่ทีมขาดดุล ติดกัน 2(หรือ 3)ฤดูกาล ติดกันเลยโดนลงโทษ

มันคนละเรื่องกันกรณีสปอนเซอร์เอติฮํดกรุ๊ป ที่ยูฟ่าได้รับเรื่องว่า เงินที่มาเป็นเงินสอดไส้จาก sugar daddy  


เข้าใจนะครับ​ แต่จากตัวอย่างที่ยกมา​ ทั้งสก็อต ทั้งฝรั่งเศษ
คิดว่า​ จากจุดเวลา​ ณ​ ปัจจุบัน​ เมื่อไหร่จะมีทีมโค่นเซลติก​ หรือ​ เปเอสเช​ ได้ครับ​ ถ้าไม่มีเศรษฐีมาทุ่มพัฒนาสโมสรอื่นมาสู้​ สถานการณ์ในทั้ง​ 2​ ประเทศจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน

ผมถึงบอกว่า​ FFP.version นี้​มันไม่เหมาะสม​ ถ้าทุกทีมเริ่มต้นเท่ากันสิ​ ถึงควรจะใช้กฏแบบนี้

รูปแบบกฏถ้าอยากให้เกิดความเท่าเทียมที่ผมนึกเร็วๆออก​ ก็คือ​ ระบบ​ำดับการ​ Draft.ของ​ NBA ที่ทำให้ทีมขยับเข้าใกล้กันอย่างแท้จริง​ แต่คงปรับใช้กับ​ฟุตบอลยากโขอยู่

เรื่องบทลงโทษที่โดนไปผมก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นอันเดียวกันครับ​ เพียงแต่จะบอกว่าก็เคยโดนลงโทษกรณี​ FFP.นี้มาบ้าง​ ไม่ใช่ที่ผ่านมาลอยตัวทำอะไรก็ได้​ ไม่ใช่แบบนั้น
ครั้งนี้เองถ้ามันจำนนด้วยหลักฐาน​ ก็คงไม่รอดหรอก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel