[RE: ผู้ชายเว็บนี้เป็นบ้าอะไรกับวันเดอร์เฟรม และ Sexual harassment ครับ]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
คนขุดสุสาน พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
ผมก็ไม่ได้ชอบ วดฟ. นะ แต่สงสารมากที่โดนคุกคามแรงๆ เคยเห็นรูปที่โดนแล้ว โคตรรรรรร ....
แล้วผมก็เห็นด้วย คนมันจะหื่น ยังไงก็จะหื่นให้ได้ อย่างอิมเมจนี่แต่งตัวมิดชิดแค่ไหน จะมีคนจ้องนมอยู่เสมอ
ทีตอน หมอลิลลี่ดราม่าจะเป็นจะตาย บางล่าคนในกรุ๊ปเว็บบินงั้นงี้ แต่มู้รูปเดียวนี่เล่นมุข คุณ........คร้าบบบบบ กันต่อ
แต่หลายๆอย่าง หรือหลายคนทที่คุณยกมามันไม่เวิร์คอ่ะ อย่างที่ยก"ไม่ได้สนับสนุน Sexual harassment แต่แค่เพิกเฉย" บางคอมเมนต์ที่แคปมานี่มันไม่ได้เพิกเฉยอ่ะ มันผลิตซ้ำ Sexual harassment เองเลย
บางเรื่องจะให้ทุกคนไปไดรฟ์สังคมกันหมด ทำตลอดเวลาไม่ได้มั้ง แค่ ignore social movement ซักอย่าง นี่ก็ไม่น่าโดนด่าอ่ะ
ถ้าผมยกตัวอย่าง กรณี เรื่องการรปห. เพิกเฉยต่อการก่อกบฏแบบนี้ ประชาชนไทยทุกคนผิดมั้ยอ่ะ?
ผมว่าทำเท่าที่ได้ เท่าที่ปัจจัย เท่าที่สังคมเอื้อให้คุณก่อน แค่ไม่ได้ Sexual harassment ใส่ใครผมว่าอย่างน้อยก็ไม่ผิดอ่ะ
ผมเห็นด้วยนะ ที่บอกว่าไม่มีใครควรโดนคุกคามเพราะแต่งตัวเซ็กซี่ จริงๆไม่ควรโดนเลยไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
แต่คุณต้องเข้าใจว่าพอเห็นภาพ หรือ คนที่มันแต่งตัวเซ็กซี่ กลไกของร่างกายมันตอบสนองไปด้วย
hormones ต่างๆที่หลั่งมาแบบ testosterone progeterone oxytocin มันตอบสนองกับสิ่งเร้าทันที
ซึ่งในนี้ก็คือเรื่อง sexual thought แต่ไม่ได้ถูกแสดงออกมาทุกครั้งหรอก มนุษย์ปิดกั้นการแสดงความรู้สึกออกมาตามสังคม
ถ้าแต่งตัวมิดชิดเรียบร้อยจริง มันก็ลดโอกาสจะเป็นตัวกระตุ้นกลไกร่างกายได้
ตรงนี้คุณไม่คิดว่ามันมีความแตกต่างกันหรือไงครับ? อาจจะลดได้แค่ 1% ก็ยังดี
คุณเองก็ควรเลิก bash สังคม เหมารวมไปหมด ทำให้คนเค้าหมั่นไส้เฟมินิสต์ มันจะไม่มีใครให้ความร่วมมือหรอก
แล้วแนวทางแบบนี้มันเปลี่ยนสังคมได้หรือไง?
"ไม่ได้ต่อต้านแค่เพิกเฉย" ผมไม่ได้พูดถึงหลายๆ เคสในภาพครับ พวกนั้นเลยจุดที่เรียกว่าเพิกเฉยไปแล้ว เพียงแต่ผมต้องพูด เพราะมันจะมีคนที่คิดแบบนี้แน่นอน
ผมบอกว่าการนิ่งเฉยมันเท่ากับการสนับสนุน และทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะในบางเรื่อง คุณไม่เลือกอะไรไม่ได้ ถ้าคุณไม่เลือก มันคือคุณเลือก default option ซึ่ง Victim blaming เป็น default option ของสังคมไทย
และผมก็พูดไปแล้วด้วยว่าในบางเรื่องมัน "เข้าใจได้" ถ้าจะนิ่งเฉย (แม้ว่าการเข้าใจได้จะไม่ได้เปลี่ยนความจริงว่าคุณคือส่วนหนึ่งของปัญหา) แต่กับ sexual harassment มันจะนิ่งเฉยทำไม ในเมื่อไม่มีใครเสียอะไร นอกจากพวก harasser การนิ่งเฉยยิ่งฟังไม่ขึ้น
เรื่องสัญชาติญาณ ถ้ามนุษย์มันจะดีกว่าสัตว์ ก็เพราะมนุษย์มันไม่ค้องทำทุกอย่างตาม "สัญชาติญาณ" ไม่ใช่เหรอครับ
คนนะครับ ไม่ใช่เดรัจฉานครับ ทำไมถึงต้องกดผู้ชายขนาดนั้น ฮอร์โมนจะแรงยังไง แค่จะไม่เคาะคีย์บอร์ดคุกคามมันทำได้อยู่แล้ว แต่มันไม่ทำครับ เพราะมันโดนสังคมสปอยครับ ไม่ใช่เพราะสัญชาติญาณ
แล้วคุณบอกลด 1% ก็ยังดี นั่นมันจริงในกรณีที่ต้นทุนในการป้องกันมันน้อย แต่ผมก็สาธยายไปให้หมดแล้วว่าต้นทุนที่บอกให้ผู้หญิงระวังตัวมันเยอะมาก และถ้าใครบอกว่าตัวเองเข้าใจเรื่องสิทธิ ก็ควรรู้ว่าการแต่งตัวเป็นสิทธิ และมันไม่ควรถูกพรากไปแลกกับ 1% นั้น (ซึ่งไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำครับ คุณแค่เชื่อ)
หรือคุณลองเทียบ argument สองอันนี้
P1 ถ้าเราล๊อคบ้าน เราจะปลอดภัยมากขึ้น
P2 การเพิ่มความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรทำ
C เราควรล๊อคบ้าน
กับ
P1 ถ้าเราแบนรถทุกครั้งในประเทศ เราจะปลอดภัยมากขึ้น (ได้ผลกว่าล๊อคบ้านอีก เพราะอุบัติเหตุบนถนนจะหายไป 100% อย่างแน่นอน)
P2 การเพิ่มความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรทำ
C เราควรแบนรถทุกคันในประเทศ
ทั้งสอง Argument นี้สมเหตุสมผล (Valid) และแตกต่างกันแค่ P1 ที่เปลี่ยนจากล๊อคบ้านเป็นแบนรถ
แต่ข้อสรุปใน Argument ที่สองกลับไม่มีน้ำหนัก (unsound) เพราะทั้งสอง Argument นี้มันละเลยเรื่องประโยชน์กับต้นทุนที่ได้รับจากการทำ P1 (แต่้มันจะดูเนียน ดูมีน้ำหนักในกรณีล๊อคบ้าน เพราะล๊อคบ้านต้นทุนมันน้อยอยู่แล้ว) และมันจะยิ่งอ่อน ถ้ามันมีวิธีอื่นที่ได้ผลกว่าหรือเหมือนกัน โดยที่มีต้นทุนในการทำน้อยกว่า ซึ่งผมก็พูดไปหมดแล้วครับ
ส่วนเรื่อง bash สังคม ขาวดำ เฟมินิสต์ คุณคิดไปเองครับ ผมไม่ได้มาพูดอะไรในนามของเฟมินิสต์เลย
ส่วนเหมารวมนี่ตอบคนอื่นไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้าใจว่าเหมารวมว่าอะไร ถ้าคุณเห็นคำว่า "ผู้ชายเว็บนี้" แล้วคุณเข้าใจว่าผมด่าผู้ชายทุกคนในเว็บนี้ อันนั้นคือคุณเข้าใจทั้งในทางตรรกะ และการใช้ภาษาครับ (อันนี้ตอบคนอื่นไปแล้ว)
การนิ่งเฉยมันมีเป็นปัญหายังไง คุณต้องการให้ทุกคนไดรฟ์สังคมตลอดเวลาแบบนี้หรอ เห็นปุ๊บก็ไป PC ปั๊บเลย แบบนี้หรอ?
อย่างผมเปิดเว็บมา เห็นกระทู้รูปเดียว รู้ว่าเข้าไปมันมีคอมเมนต์ที่คุกคามแน่ๆ แต่ไม่เข้าไปดู ไปตักเตือน แบบนี้ผมก็เป็นปัญหาด้วย?
คุณอาจจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการต่อต้าน sexual harassment เข้าไป PC ทุกครั้ง
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้นทั้งหมด บางคนก็ไม่ได้เป็น sexual harasser แค่ไม่ได้อินจัด จนไดรฟ์ทุกครั้งที่มีโอกาส
ส่วนเรื่องกลไกร่างกายก็บอกอยู่ว่าไม่ได้ทำตามสัญชาติญาณตลอดอยู่แล้ว แต่มันคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ไม่ได้พิมพ์ออกมาแต่มันก็รู้ในความรู้สึกนึกคิดอยู่ดี กับ ไม่เห็นสิ่งกระตุ้นเลย ไม่มีความรู้สึกเรื่องเพศเลย แบบไหนคุณว่าดีกว่ากันล่ะ
คุณบอกว่าลดแล้วเป็นต้นทุนการใช้ชีวิตของผู้หญิง แบบนี้ผู้หญิงแต่งตัวโชว์สัดส่วนร่างกาย มาให้ดูต่อหน้าแล้วผช.ดันเกิดอารมณ์แล้วบอกว่า ผญ.ที่แต่งตัวแบบนี้มาทำให้เค้าเกิดอารมณ์เป็นการคุกคามทางเพศต่อผู้ชาย เพราะผู้ชายยังไงก็ตอบสนองต่อสิ่งเร้าแบบนี้แน่นอน นอกจากไม่มีฮอร์โมนอีก
คุณจะเสนอทางแก้แบบไหน เฉือนอวัยวะเพศ ผช.ทิ้ง จะไม่ได้หลั่งฮอร์โมน ควักลูกตาออกจะได้ไม่เห็นสิ่งเร้า หรือให้ผู้หญิงระวังตัวเพิ่มขึ้นบ้าง
จะให้ผู้ชายนิ่งอยู่ตลอดไปฝ่ายเดียว โดยที่ผู้หญิงฟรีเดรส 100% แบบนี้ไม่เป็นต้นทุนการใช้ชีวิตจากฝั่งผช.อย่างเดียวหรือไง
ผมไม่ได้อยากบอกว่า how to dress นะ ผมเห็นด้วยว่าใครจะแต่งตัวยังไงก็ได้มันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนอยู่แล้ว
แต่ผมว่าป้องกันทั้งสองทางมันดีกว่ามั้ย?
เพิ่งหลุดแบน ตอนแรกว่าจะไม่ตอบ แต่ถ้าถึงขนาดจะจ่ายตังค์ให้ งั้นผมกลับมาตอบให้เป็นรอบสุดท้ายละกันครับ
1.ผมยังยืนยันว่า “การเพิกเฉยคือการสนับสนุน status quo” และ “การที่คุณเลือกจะไม่ทำอะไร มันคือการเลือก default option”
ยกตัวอย่าง ในปัจจุบัน ประเทศเรามีกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ LGBTQ+ จดทะเบียนสมรสกัน (หมายความว่าการห้าม LGBTQ+ จดทะเบียนเป็น default option ของสังคม)
ถ้าการเพิกเฉยคือการไม่เลือกข้างจริง งั้นการไม่เลือกข้างของเรามันก็ต้องไม่นำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายใดเลย
แต่ในกรณีนี้ ถ้าทุกคนเลือกจะเพิกเฉย คุณจะเห็นว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือสังคมจะได้ในสิ่งที่เป็น default option เพราะ ณ ปัจจุบันกฎหมายมันบอกว่า LGBTQ+ จดทะเบียนไม่ได้ ซึ่งถ้าทุกคนเพิกเฉยและไม่ต่อต้านกฎหมายข้อนี้ กฎหมายข้อนี้มันก็จะดำเนินของมันต่อไปเรื่อยๆ
หรือไม่ต้องไปไหนไกล ลองนึกถึงกรณีของหมอลิลลี่ที่เกิดขึ้นในนี้ก็ได้ ตอนนั้นหลายคนบอกอย่าเหมารวม ตัวปัญหาจริงๆ มีแค่ไม่กี่สิบคน คนในกรุ๊ปมีร่วมสี่พัน และคนส่วนใหญ่ในนั้นไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
แต่คุณคิดว่าทำไมตัวปัญหาไม่กี่สิบคนถึงสามารถทำพฤติกรรมเหล่านั้นอยู่ได้ตั้งนาน ทั้งๆ ที่คนสามพันเก้าร้อยคนที่เหลือไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเหล่านั้น? ไม่ใช่เพราะว่า bystander สามพันเก้าร้อยคนนั้น “เลือก” จะยืนดูอยู่เฉยๆ หรือครับ?
บางทีถ้าแค่สัก 10% ของสามพันเก้าร้อยคนนั้นแสดงความกล้าหาญออกมาสักนิด ช่วยกัน call out ว่าการคุกคามทางเพศและปล่อยข่าวลือเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย และสังคมของคุณจะไม่ยอมรับคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ตัวปัญหาสิบกว่าคนนั้นก็คงจะไม่เหิมเกริมและทำพฤติกรรมแบบนี้ได้นานขนาดนั้น
เพราะงั้นผมขอย้ำว่าการเพิกเฉยคือการสนับสนุน status quo ถ้าคุณเป็นกลางในสถานการณ์ที่อยุติธรรม มันมายความว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้การกดขี่นั้นดำเนินต่อไป และการที่คุณไม่เลือกอะไรเลย มันหมายความว่าคุณกำลัง “เลือก” ให้สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นมันดำเนินต่อไป
2.มีส่วนสนับสนุน sexual harassment ≠ เห็นด้วยกับ sexual harassment
อย่าสับสนระหว่างสองคำนี้ ผมบอกว่าการ “เพิกเฉย” มันจะไป “สนับสนุน” harassment culture แต่ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนที่นิ่งเฉยจะ “เห็นด้วย” กับการคุกคามนั้นเสมอไป และผมก็ไม่ได้บอกว่าสังคมควรจะ shame ทุกคนที่เพิกเฉยเหมือนกันหมด
กรณีกฎหมาย same sex marriage คุณอาจเพิกเฉยเพราะไม่อิน, คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง หรือเพิกเฉยเพราะคิดว่าตัวเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับผลดีผลเสียของกฎหมายนี้ดีพอ แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเพิกเฉยของคุณมันนำไปสู่ผลลัพท์ที่ทำให้กฎหมายซึ่งเลือกปฏิบัติกับ LGBTQ+ นี้ดำเนินต่อไป แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้จงเกลียดจงชัง LGBTQ+ ก็ตาม
กรณี sexual harassment คุณอาจเพิกเฉยเพราะไม่อิน, คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง, ไม่ว่าง, ไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าคุณจะเพิกเฉยด้วยเหตุผลอะไร มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกจะเงียบนั้น มันเป็นส่วนนึงที่ไปสนับสนุนให้การคุกคามมันยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ได้ในเว็บนี้
ส่วนที่คุณถามว่า
อ้างอิงจาก:
ไม่ได้พิมพ์ออกมาแต่มันก็รู้ในความรู้สึกนึกคิดอยู่ดี กับ ไม่เห็นสิ่งกระตุ้นเลย ไม่มีความรู้สึกเรื่องเพศเลย แบบไหนคุณว่าดีกว่ากันล่ะ
แบบแรกต้องดีกว่าอยู่แล้ว เพราะอย่างหลังนี่นอกจากคนเสนอจะไม่เข้าใจเรื่องสิทธิของคนอื่นแล้ว มันยังชัดว่าเขาไม่เข้าใจสิทธิของตัวเองด้วย
คนทุกคนมีสิทธิจะหื่น แต่คุณต้องจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ อย่าให้มันไปทำใครเดือดร้อน
ไม่มีใครบอกว่าการมีอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องผิด มันเป็นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นสิทธิของคุณที่จะรู้สึกหื่น และตราบใดที่ความหื่นนี้ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มันก็ไม่มีปัญหา
หน้าที่ของคุณคือการไม่ไปคุกคามคนอื่น ไม่ใช่การไม่มีอารมณ์ทางเพศครับ
รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี ส่วนอะไรที่ไม่ใช่ก็ไม่ต้องดันทุรังไปแบกมัน แล้วไปไล่บีบให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปกับคุณด้วยครับ
ส่วนเรื่องผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่จะไปเป็นต้นทุนให้ชีวิตผู้ชายลำบากนี่ ผมหวังว่าคุณจะไม่ได้คิดอย่างงั้นจริงๆ เพราะไม่สมเหตุสมผลเอามากๆ
การไม่คุกคามทางเพศไม่ใช่ต้นทุนของผู้ชาย แต่มันคือต้นทุนในฐานะมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมีหน้าที่ที่จะไม่ไปคุกคามคนอื่น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ชายมันไปคุกคามผู้หญิง เสร็จแล้วโทษว่าเป็นเพราะผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ผู้ชายเลยคุกคาม
ผมบอกว่าวิธีคิดแบบนี้มันแย่ เพราะคุณกำลังโยนความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์ "ของผู้ชาย" ให้ผู้หญิงมาร่วมรับผิดชอบ
การทำแบบนี้จะไปเพิ่มต้นทุนการใช้ชีวิตของผู้หญิง ทั้งที่จริงๆ มันไม่ใช่ความรับผิดชอบอะไรของเขา มันเป็นความรับผิดชอบของผู้ชายต่างหากที่จะต้องไม่คุกคามแม้จะรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศก็ตาม มันไม่ใช่กงการอะไรของเขาเลยที่จะต้องมาแชร์ความรับผิดชอบส่วนนี้ของผู้ชาย
คุณกำลังโยนหน้าที่ของผู้ชายให้ผู้หญิงมาร่วมรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงเหล่านั้นก็มีหน้าที่ต้องไม่ไปคุกคามคนอื่นแม้จะรู้สึกหื่นเหมือนๆ กัน ผู้หญิงต้องรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ของตัวเองให้ดี ส่วนผู้ชายก็ทำของผู้ชายไป อย่าไปก้าวล่วงให้เขาต้องมารับผิดชอบส่วนของผู้ชาย