เห็นมีมู้ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อถามเรื่องข้อพิพาททะเลจีนใต้ และเรื่องการเคลมพื้นที่ของจีน
ว่าจากแผนที่ซึ่งปรากฏในโซเชี่ยล และตามหน้าข่าวต่างๆ จีนเคลมพื้นที่ทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดเลยทีเดียว
ซึ่งคอมเม้นท์ของชาวเน็ตส่วนใหญ่ จะออกมาแนวๆว่า
"หน้าด้านชิบหาย "
"ก็มหาอำนาจอะเน้อะ.. "
ซึ่งหลายๆคอมเม้นต์ก็ไปในทิศทางนั้นแหละครับ
จริงๆแล้วถ้าดูจากแผนที่ ที่ลากเส้นมาอย่างเดียวก็ไม่แปลกครับ ที่จะคิดแบบนั้น
แต่จริงๆแล้ว ต้องลองมาฟังเหตุอื่นๆ และหลักฐานรวมถึงหลักการณ์ ที่จีนจะพยายามเคลมพื้นที่ตรงนี้กันครับ
**อนึ่งที่เขียนตรงนี้ไม่ได้เพื่อโปรจีน หรือสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ใดๆของจีน
แต่เขียนเพื่อให้ทราบสาเหตุ และหลักฐานที่ฝั่งจีนยกมา เพื่ออ้างสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้นครับ
ส่วนใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างไร นั่นเป็นสิทธิ์ของแต่ละท่านเลยครับ ด้วยความเคารพ **
เรามาดูพื้นเพกันก่อนแล้วกันนะครับ
จะเห็นพื้นที่สีน้ำเงินทึบๆ ที่เขียนว่า
"South China Sea" ใช่ไหมครับ
ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เนี่ยครับ มันมีหลายประเทศเลยที่มีส่วนได้ส่วนเสีย นับได้ร่วมๆเกือบ 10 ประเทศ
นั่นคือ "จีน" "ไต้หวัน" "มาเลเซีย" "เวียดนาม" "อินโดฯ" "บรูไน" "ฟิลิปปินส์" "สิงคโปร์" บางประเทศเกี่ยวเยอะ บางประเทศเกี่ยวน้อย
ทีนี้ครับ ไอ้สภาวะแบบนี้เนี้ย มันอยู่กันมาหลายร้อยปีแล้วครับ ที่ไม่มีใครเคลมเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างชัดเจน
หมายความว่าที่ผ่านมาเนี้ย ก็ต่างคนต่างใช้ ก็ใช้พื้นที่เท่าที่ตัวเองแสวงหาได้ เรียกว่ามือใครยาว สาวได้สาวเอานั่นแหละครับ
นี่ไม่นับรวมแค่ 6 - 7 ประเทศข้างต้นนะครับ ยังมีประเทศที่เข้ามาเดินเรือ และตั้งกองเรือ(รบ)แถวนี้ภายหลังอย่างอเมริกาด้วยครับ
Spoil
กองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีเรือในความรับผิดชอบราว 70 ลำ รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ และมีเครื่องบินอีกราว 140 ลำ และทหารประมาณ 20,000 คน รับผิดชอบภารกิจในทะเลจีนใต้และคาบสมุทรเกาหลี - มีฐานทัพอยู่ที่ญี่ปุ่น (เมืองโยโกสึกะ)
เห็นมั้ยครับว่ามันพลุกพล่านและวุ่นวายพอสมควร
เอาหละครับ ทีนี้มันเริ่มวุ่นเมื่อจีนต้องการเคลมพื้นที่เหนือ หมู่เกาะนึงครับ กลางพื้นที่ทะเลจีนใต้
นั่นคือหมู่เกาะ
"สแปรดลี่" SPRATLY
เห็นมั้ยครับว่าหมู่เกาะนี้ ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ค่อนข้าง
ห อ ม เลย เพราะเรียกว่าใจกลางทะเลจีนใต้ได้เลย
เนื้อหอมขนาดนี้ ใครก็อยากได้ครับ
แต่จีนไม่ได้มาเล่นๆครับ เพราะแกเล่นยก
"แผนที่ 9ขีด" ขึ้นมาด้วย เพื่อยืนยันสิทธิ์ของตัวเองครับ
แผนที่ 9 ขีดคืออะไร
แผนที่ 9 ขีด (nine-dashed line)
เดิมทีเคยเป็นแผนที่ 11 ขีด แต่ต่อมา
ลดลงมาเหลือ 9 ขีด โดยตัดขีดพื้นที่ของเวียดนามออกไป นัยว่าเพื่อเป็นการเอาใจเวียดนาม(ที่เป็นชาติคอมมิวนิสต์เหมือนกัน) ตอนนี้เลยเหลือแค่ 9 ขีด ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงๆนั่นแหละครับ 9 ขีดเห็นมั้ย
โดยแผนที่ 11 ขีดนี้ จัดทำโดยรัฐบาลชุด “ก๊กมินตั๋ง” ของจีนซึ่งขณะนั้นยังครอบครองจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ (ปี พ.ศ.2490 - เห็นไหมครับว่าไม่นานมานี้) ต่อมาครับ หลังจากที่พรรคก๊กมินตั๋ง โดนขับไล่ออกมาจากแผ่นดินใหญ่ (ไปอยู่ไต้หวัน) ด้วยการมาถึงของพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้ตอนนี้ผู้ปกครองของจีน ไม่ใช่พรรคก๊กมินตั๋งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีน (ที่ได้ประกาศว่าตนคือผู้ปกครองของจีนแต่เพียงผู้เดียว) ก็ได้ยึดถือประกาศฉบับเดิมที่พรรคก๊กมินตั๋งได้ทำไว้
แปลง่ายๆคือ รัฐบาลจีนชุดเดิม (ก๊กมินตั๋งเป็นผู้ทำแผนที่ฉบับนี้) ต่อมาแม้รัฐบาลก๊กมินตั๋งจะถูกโค่นล้ม แต่จีนคอมมิวนิสต์ยังยึดถือแผนที่ฉบับนี้อยู่ครับ
ส่วนที่มาที่ไปของแผนที่ 9 ขีด (หรือ 11 ขีดเนี้ย) มันอาจจะฟังดูแปลกไปซักหน่อย ตรงที่จีนมีการอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าว เคยอยู่ในการครอบครองของจีนหลายส่วน มีแผนที่ที่อ้างอิงได้ มีการเรียกชื่อเกาะเหล่านั้นเป็นภาษาจีน รวมทั้งจีนเองเคยสำรวจไว้เมื่อนานมาแล้วครับ ดังนั้นในทางพฤตินัยเนี้ย มันก็คืออดีตที่เคยเป็นของจีนนั่นแหละ
มาไล่ไทม์ไลน์กันมันส์ๆ มันจะเป็นประมาณนี้ครับ
- จีนเคยส่งกองเรือของเจิ้งเหอ (ตั้งแต่ราชวงศ์หมิง ออกทำการสำรวจพื้นที่ทั้งเอเชีย และภาคแปซิฟิกมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อสมัย คศ. 1400 กว่าๆ
ซึ่งการเดินทางในครั้งนั้นก็ผ่านหลายดินแดนครับ ไม่ว่าจะเป็น อาณาจักรจามปา ชวา มะละกา สมุทรา (เซมูเดรา) และแลมบรีทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา
และขากลับก็ได้นำคณะทูต +
เครื่องเครื่องบรรณาการมาเข้าเฝ้าพระจักรพรรดิด้วย
ทีนี้พอมีเครื่องบรรณาการ ในมุมมองของจีน ก็มองว่าเป็นประเทศภายใต้ปกครองของจีนไปโดยปริยาย ทั้งๆที่บางประเทศไม่ได้ส่งเครื่องบรรณาการในฐานะรัฐใต้ปกครอง แต่ส่งเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีก็มี
- พื้นที่บางส่วนแถบเวียดนาม ก็เคยเป็นของจีนมาก่อน (จีนเคยปกครองพื้นที่เวียดนามตอนบน มาถึงราวๆสมัยราชวงศ์ชิง)
- มีเอกสารมากมายในสมัยซ่งใต้ หมิง และชิงที่วาดแผนที่รวมหมู่เกาะเหล่านี้เข้าไปด้วย
- บันทึกในสมัยจักรพรรดิถงจื้อและกวางสู ก็เคยทำเรื่องประท้วงไปยังทูตเยอรมันเนื่องจากเยอรมันทำการสำรวจเกาะนี้โดยพละการในศตวรรษที่ 19 ตอนปลายๆ
- ในปี 1960 ขณะนั้นรัฐบาลก๊ก มิน ตั๋ง เป็นตัวแทนของจีนที่ปักกิ่ง จีนได้แสดงหลักฐานว่าในปีนั้น สหรัฐฯ ต้องการไปเยือนเกาะต่างๆ ในหมู่เกาะสแปตลีย์ต้องทำหนังสือขออนุญาตรัฐบาลจีนที่ไต้หวันก่อน หมายความว่า สหรัฐฯ เองก็ยอมรับว่าหมู่เกาะเหล่านั้นเป็นของจีน
(มีช่วงเดียวที่จีนไม่ได้มีอำนาจเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์คือปี 1930 เพราะถูกฝรั่งเศสเอาเรือเข้ามายึดเกาะต่างๆ ช่วงราชวงศ์ชิง)
- ความมันส์บังเกิดต่อเนื่องในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ
เมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีน ได้มายึดครองเกาะต่างๆ ในสแปรตลีย์ แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสนธิสัญญากรุงไคโร สนธิสัญญบอสตัน รวมทั้งสนธิสัญญาไทเป ระบุชัดเจนว่า ญี่ปุ่นจะต้องคืนเกาะต่างๆ ที่ยึดมาด้วยกำลังให้กับจีน ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่สหรัฐฯ และพันธมิตรยอมรับแล้วทั้งหมด
สนธิสัญญาไทเประบุว่าญี่ปุ่นสละสิทธิ กรรมสิทธิ์ และการอ้างสิทธิ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน เผิงหู หมู่เกาะสแปรตลี และหมู่เกาะแพราเซล[1] โดยเจาะจง สาธารณรัฐจีนสละค่าชดเชยบริการแก่ญี่ปุ่นในสนธิสัญญานี้ตามข้อ 14(ก).1 แห่งสนธิสัญญาซานฟรานซิสโก
นั่นหมายความว่า จีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะนี้ โดยมีนานาชาติอย่าง ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น ลงนามยอมรับ ผ่านสนธิสัญญาต่างๆนั่นเอง
แต่นั่นแหละครับ แผนที่ซึ่งประกาศมาเนี้ย มันก็เป็นแค่ประกาศฉบับนึงครับ ตอนนั้นโลกยังไม่มี UN ครับ แต่ละประเทศใครจะประกาศอะไรก็ว่าไป จะยึดถืออะไรก็ไม่ผิด (อย่างที่บอกไปแล้วว่า ช่วงที่มือใครยาวสาวได้สาวเอาครับ)
ดังนั้นแผนที่ฉบับนี้ของจีน จึงเป็นปัญหาข้อแรกครับ
จนกระทั้งปี พ.ศ. 2525 ครับ หรือในปี 1982 เราได้มี UN (สหประชาชาติ)ขึ้นมา และ UN ก็ได้จัดทำสนธิสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่งครับเราเรียกว่า UNCLOS - หรือกฏหมายทะเล ที่ซึ่งได้มีการจัดสรร และกำหนดขอบเขตในการแสดงหาผลประโยชน์ของชาติต่างๆในพื้นที่ทางทะเล เพื่อไม่ให้แต่ละประเทศอ้างสิทธิ์กันมั่วซั่วครับ ไม่งั้นตีกันตาย
ซึ่งหลักการของสนธิสัญญาฉบับนี้ก็เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และจีนเองก็ด้วยเช่นกันครับ
แต่อย่าลืมนะครับว่า สนธิสัญญาฉบับนี้ทำเมื่อปี พ.ศ. 2525
ในขณะที่แผนที่ฉบับ 9 ขีดของจีน ทำมาเมื่อไป พ.ศ. 2490
นี่คือปัญหาที่ 2 ครับ
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันครับ
หลังจากที่จีนแสดงแผนที่ 9 ขีด เพื่อที่จะถือครองสิทธิ์ต่างๆในน่านน้ำนี้แล้ว หลายประเทศก็ออกมาโจมตีทันทีครับ (แม้ประเทศที่อยู่ห่างไกลอย่างอเมริกา
)
โดยทั้ง ฟิลิปินส์ - เวียดนาม ฯลฯ ต่างงัดหลักฐานออกมา ว่าตนเองก็ปกครองพื้นที่ตรงนี้อยู่ก่อนแล้วเหมือนกัน เองจะมาอ้างอะไรน่าเกลียดแบบนี้ไม่ได้ และยกไม้ตายขึ้นมา คือ
อนุสัญญา UNCLOS หรือกฏหมายทะเลครับ ที่ซึ่งหลายประเทศยอมรับร่วมกันว่า พื้นที่ซึ่งแต่ละประเทศเคลมได้เนี้ย ต้องอยู่ภายในระยะ 200 ไมล์ทะเล จากชายฝั่งประเทศตัวเอง (หรือเกาะ)เท่านั้นโว้ย เองจะมาลากเป็นถุงห้อยมาทั้งภูมิภาคแบบนี้ไม่ได้
ดังนั้นจีนหยุดเลย จะมาอ้างแบบนี้ไม่ถูก ผิดสนธิสัญญาโว้ย
ทีนี้ทางฝั่งจีนบอก สนธิสัญญาอะไร อั๋วไม่รู้เรื่อง.. ก็ในเมื่อสนธิสัญญามันมาที่หลัง
ส่วนแผนที่อาณาเขตอั๋ว อั๋วประกาศไปก่อนมีสนธิสัญญาไม่รู้กี่ปี
มันคือสิทธิ์ที่จีนอ้างผ่าน Historic Rights หรือว่า Historic Claim ครับ
ว่ามันเป็นของจีนมานานแล้ว มาโดยตลอด โดยไม่เกี่ยวว่าจะมีสนธิสัญญาฉบับใหม่เข้ามา
ดังนั้น เรื่องราวทั้งหมด มันเลยแยกเป็นสองประเดน
1. ความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่จีนนำมาอ้างเหนือ Nine-Dash line (แผนที่ 9 ขีด)
ซึ่งในส่วนนี้หลายหลักฐานที่จีนมีจับต้อง และหลักฐานโดยทางอ้อม เช่นสนธิสัญญาหลายๆฉบับก็ยืนยันสิทธิ์นี้ให้กับจีน ดังนั้นถือว่ามีน้ำหนักพอสมควร ไม่ใช่เรื่องที่จีนเคลมเส้นทางการเดินเรือในสมัยพระเจ้าเหา แต่อย่างเดียวเท่านั้นครับ
และ
2. สิทธิ์ของประเทศคู่กรณี (โดยจีนอ้างตาม Historical ส่วนประเทศอื่นๆอ้างตาม UNCLOS)
ซึ่งตรงนี้หลายๆประเทศมีสิทธิ์ร่วมกัน และต้องจัดสรรให้เป็นไปตามสนธิสัญญาดังกล่าวเท่านั้น แต่ด้วยมุมมองที่ต่างกัน ทำให้จีนเอง ไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องสิทธิ์ใน UNCLOS แต่ยังยืนยันว่ามันเป็นของตัวเองมาตั้งนานแล้ว
ดังนั้นด้วยหลักการที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เอามาคุยยังไงก็ไม่จบครับ
แถมให้นิดนึงครับ เรื่อง
Historical claim
Spoil
หลายท่านอาจะงงว่า เอ้ย จีนจะเคลมว่าหมู่เกาะนี้ จีนเจอมาตั้งพันปีก่อนแล้ว
แบบนี้ ไทยเคยไปตีลาว ตีเวียงจันทร์ ก็เคลมว่าเป็นของไทยได้อะดิ
หรือว่า ถ้าวันนึง โรมันหรือ มองโกล จะเคลมพื้นที่มาค่อนโลกก็ได้เหมือนกันสินะ
ตอบว่า "ไม่ได้ครับ"
การครอบครอง และอ้างสิทธิ์ดังกล่าว ต้องเป็นมาอย่าง "ต่อเนื่อง" ครับ
เช่นที่จีนกำลังอ้างว่านับตั้งแต่จำความได้ 555+ จีนก็พยายามมีอิทธิพล ปกครอง หรือใช้พื้นที่ดังกล่าวมาตลอดครับ ถึงแม้จะมีเสียสิทธิ์ไปบ้าง แต่ก็ได้รับกลับมาตามสนธิสัญญาต่างๆที่ผมเกริ่นไปแล้วนั่นแหละครับ
สรุปเลยนะครับ
คงจะเถียงกันไปอีกนานครับ เรื่องนี้ เพราะแต่ละประเทศย่อมไม่ยอมเสียสิทธิ์ในพื้นที่ ซึ่งอาจจะตีกินมาเป็นของตนได้ ส่วนนานาประเทศตรงนั้นก็ต้องพยายามอ้างสิทธิ์ให้มากไว้ก่อนอยู่แล้ว เดี๋ยวที่เหลือค่อยไปตกลงกัน
ประเทศไทยเอง ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่พิพาท สำหรับผมคิดว่าการไม่เอาตัวไปยุ่ง หรือไม่ไปแสดงออกมากมายนัก ก็เป็นทางออกที่ดี เพราะตอนนี้ทั้งไต้หวัน / มาเล / ฟิลิปินส์ ต้องการหาพวกอยู่แล้ว (อาเซียนรวมใจ
)
การออกตัวสนับสนุนฝ่ายไหน โดยที่เราไม่ได้ประโยชน์อย่างชัดเจนนัก ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรกับประเทศที่ไม่ใหญ่แบบเราครับ
อ้างอิง ::
ขอบคุณ และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ
ถ้าถูกใจช่วยกดโหวตให้หน่อยนะคับ
ไว้โอกาสหน้า (ถ้ามี) จะมาพูดถึงหมู่เกาะสแปรลีย์ กับ พาราเซล ครับ