BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Aug 2006
ตอบ: 1382
ที่อยู่: 0 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 03:34
Beatles: In My Life
In my life, Beatles

There are places I'll remember
มีสถานที่หลายแห่งที่ฉันจะจารึกมันไว้ในความทรงจำ
All my life though some have changed
ตลอดชีวิตฉันที่ผ่านมา แม้จะมีหลายสี่งที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว
Some forever not for better
บางสิ่งที่คงอยู่ตลอดไป ก็ไม่ได้ดีเสมอไป
Some have gone and some remain
บางสิ่งได้จากไปแล้ว และบางสิ่งก็ยังคงอยู่
All these places have their moments
With lovers and friends I still can recall
ทุกที่เหล่านี้ต่างก็มีช่วงเวลาที่ฉันได้อยู่
กับคนรักและผองเพื่อนที่ฉันยังระลึกถึงได้
Some are dead and some are living
บ้างก็จากไปแล้วตลอดกาล บ้างก็ยังมีชีวิตอยู่
In my life I've loved them all
ในชีวิตของฉัน ฉันรักพวกเขาทุกคน

But of all these friends and lovers
แต่เหล่าเพื่อนและคนรักทั้งหมดนั้น
There is no one compares with you
ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมเธอกับเธอได้
And these memories lose their meaning
และความทรงจำเหล่านี้ก็หมดความหมาย
When I think of love as something new
เมื่อฉันคิดว่าความรักก็คือการเริ่มต้นครั้งใหม่
Though I know I'll never lose affection
For people and things that went before
ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่า ฉันจะไม่มีวันหมดความรักความผูกพันกับ
ผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตก่อนหน้านี้
I know I'll often stop and think about them
ฉันรู้ว่าฉันจะต้องหยุดและคิดถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นอยู่บ่อย ๆ
In my life I love you more
แต่ในชีวิตฉัน ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ

Though I know I'll never lose affection
For people and things that went before
ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่า ฉันจะไม่มีวันหมดความรักความผูกพันกับ
ผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตก่อนหน้านี้
I know I'll often stop and think about them
ฉันรู้ว่าฉันจะต้องหยุดและคิดถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นอยู่บ่อย ๆ
In my life I love you more
แต่ในชีวิตฉัน ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ
In my life I love you more
ในชีวิตฉัน ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ

เขียนโดย : จอห์น เลนนอน (John Lennon) และพอล แมคคาร์ทนีย์ (Paul McCartney)
วันบันทึกเสียง : 18 และ 22 ตุลาคม 2508 (1965)
ผู้อำนวยการผลิต : จอร์จ มาร์ติน (George Martin)
วิศวกร : นอร์แมน สมิธ (Norman Smith)
วันที่วางจำหน่าย : 3 ธันวาคม 2508 (ประเทศอังกฤษ) และ 6 ธันวาคม 2508 (สหรัฐอเมริกา)
จอห์น เลนนอน : ขับร้อง, กีตาร์ริทึม
พอล แมคคาร์ทนีย์ : ร้องประสานเสียง, กีตาร์เบส
ริงโก สตาร์ : กลอง
จอร์จ แฮริสัน : ร้องประสานเสียง, กีตาร์ลีด
จอร์จ มาร์ติน : เปียโน, แทรมโบลีน
อัลบัม : รับเบอร์โซล (Rubber Soul)



หนึ่งในเพลงเด่นของอัลบัมรับเบอร์โซล เพลง In My Life ซึ่งแต่งโดยจอห์น เลนนอน เกือบทั้งเพลง ถูกเขียนขึ้นมาจากความคิดถึงความทรงจำต่าง ๆ ของจอห์นในเมืองลิเวอร์พูล

“มีช่วงเวลาหนึ่งที่ผมคิดว่าผมไม่ได้แต่งทำนอง พอลเป็นคนแต่ง แล้วผมก็เขียนเนื้อเพลงต่อ แต่แน่นอน ตอนที่ผมคิดถึงเพลงต่าง ๆ ของผม In My Life หรือเพลงอื่นก่อนหน้านี้ This Boy – ผมได้แต่งทำนองที่ดีที่สุดให้กับเพลงเหล่านี้”
All We Are Saying, David Sheff, 1980

จอห์นให้การยกย่องเพลง In My Life เป็นพิเศษ โดยจัดให้อยู่ในระดับเดียวกับเพลง Strawberry Fields Forever, I am the walrus และ Help! ซึ่งเป็นเพลงที่จอห์นจัดว่าดีที่สุดในเพลงที่เขาแต่ง

“สำหรับเพลง In My Life ผมได้เนื้อเพลงที่สมบูรณ์ครบถ้วนหลังจากเดินทางท่องเที่ยวจากบ้านไปยังใจกลางเมืองด้วยรถบัส พร้อมกับจดจำชื่อสถานที่ต่าง ๆ มันได้กลายมาเป็นเพลง In My Life ซึ่งเป็นความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อและคนรักในอดีต พอลมีส่วนช่วยแต่งท่อนแยก (middle eight) แต่เนื้อร้องทั้งหมดมีลายเซ็นอย่างเป็นทางการ และผมคิดว่าเพลงนี้คือผลงานใหญ่ชิ้นแรกของผมที่แท้จริง ผลงานอื่นก่อนหน้านั้นทั้งหมดล้วนแต่ ‘glib’ และ ‘a throwaway’ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมตั้งใจนำส่วนหนึ่งของชีวิตผมมาแต่งเป็นเนื้อเพลง โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Kenneth Alsop นักข่าวชาวอังกฤษและ Bob Dylan”
All We Are Saying, David Sheff, 1980

จอห์นมีแนวคิดเกี่ยวกับเพลงนี้ครั้งแรกในปี 2507 (1964) เมื่อนักข่าวชื่อ Kenneth Allsop ถามจอห์นว่า ทำไมเพลงต่าง ๆ ของจอห์นเปิดเผยและท้าทายน้อยกว่าหนังสือของเขา จอห์นไม่มีคำตอบกับคำถามนี้ แต่จอห์นก็ตัดสินใจที่จะใช้ใช้ความคิดถึงสถานที่บางแห่งและความทรงจำของเขาในอดีตเกี่ยวกับเมืองลิเวอร์พูลซึ่งเป็นบ้านเกิดมาใช้

“ผมคิดว่าเพลง In My Life เป็นเพลงแรกที่ผมตั้งใจเขียนเกี่ยวกับชีวิตของผมอย่างแท้จริง และเพลงนี้ได้จุดประกายโดยการตั้งข้อสังเกตของนักข่าวและนักเขียนชาวอังกฤษที่มีขึ้นหลังจากหนังสือ In His Own Write ตีพิมพ์ ผมคิดว่าเพลง In My Life แต่งขึ้นตามหลังหนังสือ In His Own Write … แต่เขาพูดกับผมว่า ‘ทำไมคุณไม่ใส่แนวทางที่คุณเขียนในหนังสือแบบที่คุณเคยเขียน ลงในเพลง? หรือทำไมคุณไม่ลองใส่อะไรบางอย่างในวัยเด็กของคุณลงในเพลงบ้าง?’ ซึ่งนำมาสู่เพลงอย่าง Penny Lane ของพอลในภายหลัง ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วผมต่างหากที่เคยอาศัยอยู่ใน Penny Lane และเพลง Strawberry Fields”
All We Are Saying, David Sheff, 1980

ซึ่งจอห์นได้กล่าวถึงต้นร่างของเพลงในตอนแรกที่ต่างกับเพลงเวอร์ชั่นสุดท้ายที่ปล่อยออกมาเป็นอย่างมากว่า
“เพลง In My Life เริ่มขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถบัสจากบ้านของผมบนถนน 250 Menlove Avenue เข้าเมือง บรรยายถึงสถานที่ทุกแห่งที่ผมสามารถจำได้ และมันน่าตลก ซึ่งนี่เป็นเรื่องก่อนที่เพลง Penny Lane จะถูกเขียนขึ้น และผมมี Penny Lane, Strawberry Fields, Tram Sheds (Tram Sheds คือสถานีรถรางนอก Penny Lane) มันเป็นเพลงที่น่าเบื่อที่สุดประมาณว่า ‘นี่คือสิ่งที่ฉันทำในการเดินทางโดยรถบัสในวันหยุด’ และมันไม่ได้เรื่องเลยสักกะนิด ผมทำมันไม่ได้ ผมทำมันไม่ได้!
แต่เมื่อผมเอนตัวลงและเนื้อเพลงเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ที่ผมจำได้เหล่านี้เริ่มกลับมา ตอนนี้เองที่พอลได้ช่วยเขียนทำนองในท่อนแยกท่อนที่แปด (middle-eight melody) โดยที่เนื้อเพลงทั้งหมดได้ถูกเขียนขึ้นก่อนที่พอลจะได้ยินเนื้อเพลงเหล่านั้น ในเพลง In My Life ความช่วยเหลือของพอลด้านทำนองเพลง คือ การร้องประสานเสียง (Harmony) และทำนองท่อนแยกที่แปดเท่านั้น”
All We Are Saying, David Sheff, 1980

ต้นร่างของเพลงตอนเริ่มแรกนั้น ได้กล่าวถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในเมืองลิเวอร์พูล ได้แก่ Penny Lane, the Abbey pub ใน Childwall, the Old Dutch café และ the Docker’s Umbrella (ชื่อเรียกของสำนักงานใหญ่สถานีรถไฟในเมืองลิเวอร์พูล ปัจจุบันถูกทุบทิ้งไปแล้ว)

Penny Lane is one I’m missing
Up Church Road to the clock tower
In the circle of the abbey
I have seen some happy hours
Past the tram sheds with no trams
On the 5 bus into town
Past the Dutch and St Columbus
To the Dockers Umbrella that they pulled down



เพลง In My Life ถูกเรียบเรียงขึ้นที่ Kenwood บ้านของจอห์นที่ Weybridge ประเทศอังกฤษ



“ผมเคยชินกับการเขียนเพลงอยู่ที่ชั้นบน ที่ซึ่งผมมีเครื่องบันทึกเทปแบบ Brunnell สิบเครื่องต่อเชื่อมกันไว้ ซึ่งผมก็ยังเก็บมันเอาไว้อยู่ ผมใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วภายในเวลาแค่ปีหรือสองปี ผมอาจไม่เคยบันทึกเพลงอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่ผมสามารถใช้งานมันได้มากกว่าที่มันเป็น ผมเขียนเพลงอยู่ที่ชั้นบน นั่นเป็นที่ที่ผมเขียนเนื้อเพลงและร้อง ซึ่งนั่นก็เช่นเดียวกับเพลง In My Life และเพลง [Across The] Universe และเพลงอื่น ๆ ที่โดดเด่นอีกนิดหน่อย
ผมคิดว่าเพลง Norwegian Wood และ In My Life ที่พอลได้ช่วยแต่งท่อนแยกที่แปด พอลควรได้รับเครดิตในเรื่องนี้”
Rolling Stone, 1970

แต่สิ่งที่พอลจำได้กลับแตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าเขาและจอห์นได้พูดถึงเบื้องหลังของเพลงต่าง ๆ ของพวกเขาในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อพูดถึงเพลง In My Life และ Eleanor Rigby เท่านั้นที่ความทรงจำของทั้งคู่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

“ผมไปถึงบ้านของจอห์นเพื่อเขียนเพลงและเขามีบทเปิดเพลงที่ดีมาก ในบรรดาเพลงมากมายที่เรามี นี่เป็นเพลงแรกที่เขียนถึงความคิดถึงที่มีต่อเมืองลิเวอร์พูล ...
เท่าที่ผมจำได้ จอห์นยังไม่มีทำนองเพลง และที่ผมพอจะนึกออก ผมคิดว่า มันผิดเพี้ยนไปจากที่จอห์นเคยพูด ผมบอกกับจอห์นว่า ‘ถ้านายยังไม่มีทำนองเพลง ก็ให้ฉันจัดการมันแอง’ และผมก็จึงนั่งลงตรงเครื่องเมโลโทรน (เครื่องดนตรี คล้ายคีย์บอร์ด) ของจอห์นและเริ่มใส่ทำนองที่มีในใจของผมเกี่ยวกับเพลง Smokey Robinson และ Miracles ลงไป …
ผมจำได้ว่าผมแต่งทำนองเองทั้งหมด และถ้าคุณวิเคราะห์มัน จะเห็นได้ว่ามันเป็นทำนองที่เป็นตัวผมอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าทำนองที่ผมแต่งขึ้นมันเข้ากับเนื้อเพลงได้ดี โครงสร้างของทำนองเป็นอะไรที่เป็นตัวผมมาก ๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมจำได้คือผมได้พูดกับจอห์นว่า ‘นายไปหาชาดื่มสักถ้วยหรือไปหาอะไรทำซะ ปล่อยฉันอยู่กับมันตามลำพังสัก 10 นาที ฉันทำมันได้’ …
ผมพยายามจะทำให้มันไพเราะ แต่มีความเป็นบลูส์นิดหน่อย พร้อมกับมีเสียงไมเนอร์และมีเสียงประสานหน่อยๆ และเมื่อผมแต่งมันออกมาได้สำเร็จ ผมก็พูดขึ้นว่า ‘ได้แล้ว เยี่ยม ทำนองที่ดี นายคิดว่าไง’ จอห์นพูดว่า ‘ดี’ และเราก็ทำงานกันต่อโดยใช้ทำนองที่ผมแต่ง ต่อเติมคำบางคำลงไป
ดังนั้นมันเป็นเพลงที่มาจากแรงบันดาลใจของจอห์น ผมคิดทำนองของผม ผมคิดทำนองกีตาร์ระหว่างท่อน (Guitar Riff) ผมไม่ต้องการไล่เรียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นั่นมันคือสิ่งที่ผมจำได้ … ผมพบว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งในทุก ๆ สิ่งที่เราแต่งขึ้นมา เรามีความเห็นต่างกันเพียงแค่สองเพลงเท่านั้น”
พอล แมคคาร์ทนีย์
Many Years From Now, Barry Miles

ในห้องบันทึกเสียง
หนึ่งในเพลงแรกที่ถูกบันทึกในอัลบัม Rubber Soul วงดนตรีเดอะบีทเทิลส์บันทึกเพลง In My Life ในวันที่ 18 ตุลาคม 2508 (1965) พวกเขาใช้เวลาสามครั้งในการบันทึกเสียงหลังจากการซ้อมระยะหนึ่ง
การหยุดพักระหว่างท่อนถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการบรรเลงดนตรีใด ๆ ทั้งวงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกถูกแก้ไขโดย George Martin ในวันที่ 22 ต.ค. 2508
“เพลง In My Life เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของผมเพราะมันเป็นจอห์นอย่างมาก ๆ ทั้งท่อนเพลงที่สุดยอดและเป็นเพลงที่เรียบง่าย มีบางอย่างที่จอห์นไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไงในท่อนกลาง และในระหว่างที่พวกเขาพักดื่มน้ำชา ผมจึงได้บรรเลงบาโรคเปียโนซึ่งจอห์นไม่ได้ยินจนกระทั่งเขากลับเขามา สิ่งที่ผมต้องการมันซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะเล่นสดได้ ดังนั้นผมจึงเล่นด้วยความเร็วเพียงครึ่งเดียว แล้วค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้น ซึ่งจอห์นก็ชอบมัน”
จอร์จ มาร์ติน, Anthology
ในตอนแรก จอร์จ มาร์ติน พยาวามจะบรรเลงแฮมมอนด์ออแกน แต่มันไม่ให้เสียงที่ต้องการ เขาจึงเปลี่ยนมาใช้เปียโนแทน เขาบรรเลงด้วยความเร็วที่ช้าลง และใช้เสียงคู่ต่ำกว่าในเวอร์ชั่นสุดท้ายหนึ่งระดับ ซึ่งวิธีการบรรเลงดังกล่าวทำให้ Harpsichord effect ตามที่ต้องการเมื่อเร่งความเร็วขึ้น
ผมทำมันด้วยสิ่งที่ผมเรียกกว่า เปียโนบาดใจ (Wound up piano) ซึ่งเป็นการเร่งความเร็วเป็น 2 เท่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณได้เสียง harpsichord ด้วยการลดเวลาให้สั้นลง แต่มันก็เป็นเพราะผมไม่สามารถเล่นมันได้ในความเร็วที่ควรจะเป็นจริง ๆ ด้วย ดังนั้นผมจึงเล่นมันด้วยเปียโนที่ความเร็วเพียงครึ่งเดียวของความเร็วปกติและลดระดับคู่เสียงลงมา เมื่อคุณเล่นเทปด้วยความเร็วปกติอีกครั้ง เสียงของมันจะไพเราะมาก มันเป็นวิธีการหลอกทุกคนให้คิดว่าคุณสามารถทำอะไรบางอย่างได้ดี”
จอร์จ มาร์ติน, Sounds of The Sixties, BBC Radio 2



ใครเป็นคนแต่งเพลง In My Life ของ The Beatles กันแน่ระหว่าง John Lennon กับ Paul McCartney?
ByBim Dudeplace
Posted on August 13, 2018

ปริศนาที่ค้างคาหลายทศวรรษ มีคนหาคำตอบได้แล้วโดยใช้หลักคณิตศาสตร์
เป็นที่ถกกันมานานหลายสิบปีก่อนจะมีอินเตอร์เน็ตเสียอีก เรื่องใครควรได้เครดิตแต่งทำนองเพลง In My Life ซึ่งเป็นประเด็นข้องใจของแฟนๆ เดอะ บีทเทิ้ลส์มายาวนาน
จอห์น เลนนอนได้กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์กับนิตยสาร Playboy ในปี 1980 ว่าเพลงนี้เขาแต่ง แถมยังเจาะจงลงไปอีกว่า “เป็นเพลงแรกที่ผมตั้งใจเขียนเกี่ยวกับชีวิตของผมเอง” เขาบอกว่าพอล แมคคาร์ทนีย์มีส่วนช่วยแต่งตรงท่อนแยก (Middle 8)
4 ปีต่อมา พอล แมคคาร์ทนีย์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเพลย์บอยอีกเช่นกัน แต่พูดต่างไปจากสิ่งที่เลนนอนกล่าวไว้
“ผมว่าผมเป็นคนแต่งทำนองนะ เพลงนี้เราเถียงกันอยู่ จอห์นคงลืมหรือไม่ได้คิดว่าผมเป็นคนแต่งทำนอง ผมจำได้ว่าเขามีเนื้อร้อง เป็นบทกวีเกี่ยวกับคนที่เขาระลึกถึง…ผมใช้เวลาอยู่เป็นครึ่งชั่วโมงอยู่หน้าคีย์บอร์ดเมโลโทรนของจอห์น แต่งทำนองขึ้นมา…”

แต่ในเมื่อจอห์น เลนนอนไม่สามารถลุกมาโต้ได้อีกต่อไป นาย Jason Brown แฟนพันธุ์แท้ของวง เดอะ บีทเทิลส์และเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ได้พยายามค้นคว้าหาคำตอบให้กับประเด็นนี้มาระยะหนึ่ง โดยหลังจากที่ได้ความช่วยเหลือจากนาย Mark Glickman และนาย Ryan Song นักคณิตศาสตร์จากฮาร์วาร์ด เขาก็ไขปริศนานี้สำเร็จ

นายกลิคแมนได้เสนอผลลัพธ์จากการวิจัยนี้ในการประชุมวิชาการ Joints Statistical Meetings ที่แคนาดาเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีหัวข้อเป็นชื่อแบบวิชาการสุดๆ ว่า “การคำนวณหาผู้ประพันธ์เพลงของบีทเทิ้ลส์จากเนื้อหาดนตรี โดยใช้รูปแบบการคัดแยกของเบย์ส์จากการใช้หลักสถิติถุงคำ (Bags-Of-Words)”

ในผลลัพธ์ที่ได้นั้น เขาเสนอว่า จอห์น เลนนอน คือผู้ประพันธ์ทำนองเพลง In My Life

ใช้หลักการเดียวกันกับ word cloud infographic ที่เห็นตามเวบไซต์ต่างๆ ที่ขนาดของคำจะเล็กใหญ่ต่างกันไปตามจำนวนครั้งที่ถูกใช้ นักคณิตศาสตร์ทั้งสามคนดึงข้อมูลตามส่วนต่างๆ ของเพลงบีทเทิ้ลส์ 70 เพลง จนได้สถิติตัวโน้ตและคอร์ด

พวกเขาพบจุดเชื่อมต่อที่เป็นเอกลักษณ์ 149 จุดระหว่างโน้ตและคอร์ดต่างๆ โดยจุดเชื่อมเหล่านี้จะมีลักษณะต่างกันไปแล้วใครเป็นคนแต่งเพลง ดังนั้นการคำนวณว่าใครเป็นคนแต่งเพลง In My Life จึงขึ้นอยู่กับการนับสถิตินั่นเอง

โดยจากการคำนวณแล้ว ความเป็นไปได้ที่แมคคาร์ทนีย์เป็นผู้แต่งเพลงนี้มีอยู่เพียง 0.018 หรือแทบจะมีค่าเท่ากับศูนย์

หลายๆ คนอาจจะขมวดคิ้ว ไม่เห็นด้วยหรือไม่อยากเชื่อว่าตัวเลขและสถิติจะนำมาเป็นตัวตัดสินเรื่องนี้ได้ แต่หากคิดดูดี ๆ คณิตศาสตร์น่าจะน่าเชื่อถือได้กว่าความจำส่วนบุคคล โดยเฉพาะถ้าบุคคลนั้น มักจะอยู่ในภาวะมึนเมาจากสารเสพติดเวลาแต่งเพลง ยุคนั้นยุค 60s และเป็นที่รู้กันว่าสมาชิกบีทเทิ้ลส์ใช้ยาเพื่อช่วยสร้างสรรค์งานอยู่แล้วด้วย
คุณคิดอย่างไร #ทีมเลนนอน หรือ #ทีมแมคคาร์ทนีย์

อ้างอิง
(1) https://www.beatlesbible.com/songs/in-my-life/
(2) https://dudeplace.co/2018/08/13/maths-solves-who-wrote-in-my-life-the-beatles-myster/
(3) https://thematter.co/brief/news-1534140001/57285

แปลผิดๆถูกๆนะครับ ด้วยความที่ไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเลย ภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆ ท่านใดอ่านแล้วมีความสนใจสามารถตามไปอ่านเรื่องราวต้นฉบับได้ที่ลิ้งก์ (1) ครับ

เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมรักมากๆ มีทำออกมาหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน

ต้นฉบับ เสียงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ได้อารมณ์ร่วมดีครับ เพราะได้เห็นทั้ง 4 คนสมัยหนุ่มๆ
[/img]

Bette Midler ประกอบภาพยนตร์เรื่อง For The Boys


น้องเอ้ กุลจิรา The Voice SS3


Himesh Patel ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Yesterday



เพลงนี้พูดถึงสถานที่ ผู้คน และความทรงจำ ซึ่งเรายังคงจดจำ รัก ผูกพัน และยังระลึกถึงอยู่เสมอ แต่ทั้งหมดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับคนคนหนึ่ง
คนคนเดียวที่มีความหมายกับเรามากกว่าสิ่งใด
คนคนเดียวที่ทำให้ความทรงจำทั้งหมดที่ผ่านมานั้นไร้ความหมาย
คนคนนั้นคือ ...

ขอมอบเพลงนี้ไว้ให้กับเธอคนนั้น คนที่ผมรักที่สุดและจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป
ลาก่อนความรักของผม
ปลายทางมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังไว้
แต่ระหว่างทางมันยังสวยงามเสมอ



แก้ไขล่าสุดโดย anutarap เมื่อ Sun Dec 15, 2019 10:34, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2008
ตอบ: 5268
ที่อยู่: Shinjuku
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 03:59
[RE: Beatles: In My Life]
ไม่ได้มีสกิลด้านคณิตศาตร์คำนวนใดๆ ฟังในฐานะแฟน The Beatles เพลงนี้ผมสัมผัสได้ถึง Paul มากกว่า

แต่พออ่านแล้วฟังอีกรอบ อาจด้วยเรื่องของเมโลดี้ทำนองที่ทำให้นึกถึงPaul เลยลองไปฟังเพลงPaulอื่นๆดู Penny Lane MaxwellSilver THeFoolOnTheHill เออมันก็มีความต่างอยู่

4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Aug 2008
ตอบ: 1090
ที่อยู่: ประเทศไทย
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 07:13
Beatles: In My Life
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
ผมชอบเพลงนี้มาก
โดยเฉพาะ เวอร์ชั่น เบต มิทเลอร์ จากหนัง for the boy
ปล.เป็นกำลังใจให้ครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: We're All Made Here
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 41709
ที่อยู่: อย่ารู้เลย..
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 09:29
[RE: Beatles: In My Life]
สะเทือนไปถึงวิญญานเลย
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Aug 2006
ตอบ: 1382
ที่อยู่: 0 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 10:00
[RE: Beatles: In My Life]
popoing พิมพ์ว่า:
สะเทือนไปถึงวิญญานเลย  




3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: We're All Made Here
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 41709
ที่อยู่: อย่ารู้เลย..
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 10:04
[RE: Beatles: In My Life]
anutarap พิมพ์ว่า:
popoing พิมพ์ว่า:
สะเทือนไปถึงวิญญานเลย  




 



3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 74
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 10:10
[RE: Beatles: In My Life]
1 ในบทเพลงที่รักมากๆ
ชีวิตมันก็แค่นี้แหละ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 5097
ที่อยู่: Come on CITY !!!!!
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 10:16
[RE]Beatles: In My Life
เพลงนี้เพลงโปรดตอนผมเริ่มฟังBeatles แรกๆ เอาไปเปิดในรถแม่ร้องตามมาเลย กับเพลง All my loving อีกเพลง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Come on CITY !!!!!
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3004
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 10:35
[RE: Beatles: In My Life]
ชอบเพลงนี้ที่สุดละ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
อิงแลนด์ภักดี
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 7880
ที่อยู่: บนเขาหิมาลัย
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2019 10:44
[RE: Beatles: In My Life]
ชอบเพลงนี้นะไม่รู้paul หรือjohnแต่ง แต่นี่จริงๆถูกจริตเพลงของpaulมากกว่าทั้ง all my loving ,yesterday,hey jude
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel