เหมือนพวกอ้างบิลเกต มาร์ค เรียนไม่จบ

แต่ไม่ดูเลยว่าสองคนนี้เขาได้เรียนที่ไหน

เอ็งม.ธรรมดายังสอบไม่ติดเลย ยังกล้าไปเทียบกับเขาอีก

ผมว่าน้องเค้า ประสบความสำเร็จมากกว่า งานที่ออกมาขายได้กระแสดี ก็ถือว่าดีไป แต่ศิลปิน ดารา หลายๆคนที่แจ้งเกิดไม่ได้

ก็กลับไปเรียนและประกอบอาชีพอย่างอื่นกันก็มีเยอะ อยากให้น้องๆรุ่นใหม่ มองตามความเป็นจริง ไม่ใช่แค่คำพูดตอนที่มันสำเร็จแล้ว

ทอยอาจผ่านอะไรมาเยอะ ผ่านการฝึกฝน ผ่านช่วงเวลาลำบากกว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ ถ้าคนรุ่นใหม่เสพข่าวเฉพาะหัวข้อผมว่ามีหลงทางกันบ้่าง

ยกตัวอย่างแถวบ้านผม มีน้องคนนึง ได้เรียนใน รร ประจำจังหวัด เป็นนักกีฬา รร แต่บอกพ่อกับแม่อยากเป็นนักแต่งเพลง

แต่น้องใช้แค่คำว่า " อยาก " ตัดสินใจดรอปเรียนมหาลัย สุดท้ายเคว้ง เพราะสนามจริงมันคนละเรื่องกับภาพที่วาดไว้

คนเรามีความฝันกันได้หมด แต่ก็ต้องอยู่บนความเป็นจริงด้วย เราลองวางแผนก่อนมั้ย 1 2 3 ว่าถ้าคลาดเคลื่อน

เราจะแก้ไขมันยังไงบ้าง เรียนไป แต่งเพลงไป ดีกว่ามั้ย ถามว่าผมรู้ได้ไง แม่ผมไปทำผมที่ร้านแม่น้อง แม่น้องเคลียด เลยเล่าให้แม่ผมฟัง

ระหว่างทางเราไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้ผ่านอะไรมาบ้าง

ต้นทุนชีวิตบางคนมันก็ไม่เท่ากัน บางคนต้องเล่นดนตรีกลางคืนกว่าจะมายืนบนจุดสูงสุด

บางคนบ้านฐานะดีอยู่แล้วไม่ต้องลำบากอะไร ก็เอาโอกาสตรงนั้นแหละมาผลักดันให้ทำสำเร็จ

สุดท้ายแล้ว เราทุกคนก็ต้องพยายามเหมือนกัน แต่อาจจะเริ่มจากคนละจุด อาจจะถึงช้าหรือเร็วกว่าคนอื่น แต่เป้าหมายเราต้องชัดเจนก่อนครับ

กินประเจิด ประเจ้อ เดี๋ยวโดนแฉ

มันก็มีแหละ แต่น่าจะไม่ประเจิด ประเจ้อ

ทอยนี่กว่าเป็นอัจฉริยะ ด้านดนตรี เค้าหมกตัวอยุ่แต่ในห้อง และซ้อมไม่ไปไหนเลยนะ น้องผมบอกมา

กับเด็กสมัยนี้จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ารักที่จะซ้อมและเล่นดนตรีจริงๆ

ควรเอาความลำบากระหว่างทางของเขามาเรียนรู้มากกว่า

ส่วนใหญ่คิดถึงตอนหลังที่มีชื่อเสียง มีงานโชว์แล้วทั้งนั้น

ประเด็นคือถ้าทำการทำงานแล้วมีรายได้ดีกว่า มันก็ไม่จำเป็นต้องเรียน
ถ้าไม่ได้มีรายได้แบบเขาก็เรียนสูงๆจะได้หางานดีๆไรงี้

เวลาใครอ้าง บิลเกต มาร์ค ผมด่ากลับเลย

คนเหล่านี้คือคนที่จบตั้งแต่ยังไม่เรียนด้วยซ้ำ

เป็นตู ตูก็ไม่เรียนแถมตีหม้อทุกวันด้วย

เรียนแนวๆดนตรีก็ได้แหละ เอาวุฒ มหาลัยที่มีคณะเกี่ยวกับดนตรี แทบจะอ้าแขนรับอยุ่แล้ว ดังขนาดนี้

ไม่เรียน เพราะมีทางที่ชอบและทำมันได้ดีแล้ว สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้

กับไม่เรียน เพราะขี้เกียจ แล้วเอาคนที่เค้าเรียนไม่จบแต่หาเงินได้เยอะ มายกยอเป็นไอดอลเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ ให้มีหลักยึดในการไม่เรียนหนังสือ มันไม่เหมือนกันนะ

ขอเสริมนิดนึง​ ถ้าเรามาทางวิชาชีพ​แล้ว​ มันจะมีเวลากำหนดนะครับว่าเรียนได้กี่ปีๆ​ ภ้าเกินก็จะถูกพ้นสภาพ​

อัจฉริยะขนาดนี้ผมว่ามหาลัยนี่แทบอ้าแขนรับเลย เรียนแปปๆก็จบได้ไม่ยากจากควาสามารถขนาดนี้

ดาราหลายคนก็ไม่เรียนมหาลัย ไว้ตอนงานทรงๆขาลงแล้วค่อยกลับมาเรียนก็ยังไม่สาย