ท่านพูดถึงผมเหรอครับ
หลักๆเลยคือล้อรถน่ะจะหมุนโดยที่เรียกว่า Roll without slip ครับ
หมายถึงว่าความเร็วที่จุดล่างสุดของล้อเป็น 0 นั่นแปลว่าแรงเสียดทานที่นำมาใช้เป็น Static friction
ส่วนนี้ลองหากราฟดูนะครับ คือ static friction จะมีค่า Max มากกว่า Kinetic friction ที่เกิดเมื่อล้อไถล
แรงเสียดทานเนี่ยเป็นแรงต้านความพยายามในการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ผิวสัมผัส
เช่นเมื่อรถเร่ง เครื่องยนต์พยายามหมุนล้อมาข้างหน้า แต่ที่พื้นคือล้อพยายามดันพื้นไปด้านหลัง
ทำให้แรงเสียดทานดันรถไปด้านหน้า รถจึงไปข้างหน้าได้
ในทางกลับกันเมื่อเบรกคือล้อพยายามหมุนช้าลง
หรือในแง่ของแรงคือพยายามหมุนกลับทิศหรือคือดันพื้นไปข้างหน้า
แปลว่าแรงเสียดทานจึงดันรถไปข้างหลัง นั่นคือหยุดรถให้ช้าลงได้
แน่นอนว่าแรงเสียดทานมันมีค่ามากที่สุด สูตรคือ f = uN (u คือสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน)
ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่าง รวมไปถึงน้ำหนักที่กดด้วย
ดังนั้นหลักการ abs ง่ายๆคือไม่จับเบรกยาวๆ เพราะอาจจะหยุดล้อเร็วไปจนใช้แรงเสียดทานเกินค่า Max
ส่งผลให้ล้อไถล แล้วแรงเสียดทานที่ใช้หยุดก็กลายเป็น kinetic friction ซึ่งน้อยลง ทำให้ระยะทางหยุดไกลกว่า
รวมไปถึงการควบคุมการเลี้ยวด้วย ซึ่งก็คือการใช้แรงเสียดทานช่วยดันรถให้โค้ง เรียกว่าแรงสู่ศูนย์กลาง แปรผันตามความเร็วกำลังสอง
ซึ่งแน่นอนว่าในโค้งเรามีโอกาสไถลมากกว่าเพราะต้องใช้แรงเสียดทานมาช่วยเลี้ยวด้วย แต่ค่า Max มันเท่าเดิม
ส่วนวิธีดูยังไงว่าจับเบรกมากไป ก็คือเค้าจะมี sensor วัดความเร็วทุกล้อ ถ้าล้อไหนหมุนช้าไปก็จะปล่อยจับๆตัวนั้น
ส่วนบนถนนปกตินั้นมี abs ดีแล้วครับ เพราะเราง่ายๆเลยคือกระทืบเบรก คอมพิวเตอร์จัดให้เอง
ส่วนรถแข่งผมไม่แน่ใจว่าเค้าต้องการให้รถไถลตอนเข้าโค้งไหมนะ เพราะผมเข้าใจว่ามันเข้าไวกว่า
ในส่วนของเคสที่เอามาผมไม่รู้เรื่องรุ่นนี้นะ แต่คิดว่ามี abs ก็คงไม่ไหว เนื่องจากช่วงล่างหลังรถกระบะถูกเซตให้เหมาะกับการบรรทุก
คือเมื่อบรรทุกของจะขับดีกว่า แปลว่าถ้าไม่บรรทุกอะไรเลยมันจะเบามาก
แถมในเคสนี้ดับเบรกสุดอีก น้ำหนักจึงเทไปข้างหน้า ล้อหลังยิ่งเบาเข้าไปอีก แรงเสียดทาน Max จึงมีน้อย
แปบเดียวก็ไถลละ สังเกตจากควันมาจากล้อหลังอย่างเดียว แปลว่าล้อหลังเริ่มหลุดจากถนนแล้ว
มีอะไรก็เพิ่มเติมได้นะครับ