ชนะ 20 นัดรวด กับแนวคิด money ball ของจอห์น เฮนรี่
เกริ่นก่อนครับจริง ๆ สามเรื่องนี้ เป็นคนละ ละเรื่องราว กันเลย
ชนะ 20 นัดรวดที่ของทีมโอ๊ค แลนด์ เอ ทีมเมเจอร์ลีก เบสบอล
จอห์น เฮนรี่ เจ้าของทีม บอสตั้น เรดซ๊อก และ ลิเวอร์พูล ฯลฯ
บิล เจมส์ นักประวัติศาสตร์ และสถิติกีฬา (ตอนเริ่มต้น ยามโรงงานขนมปัง)
บิลลี่ บีน ผู้จัดการทีม โอ๊คแลนด์ เอ
บอสตั้น เรดซ๊อก (ทีม เมเจอร์ลีกเบสบอล ของจอห์น เฮนรี่)
ก่อนอื่น จะหาว่ามามโน ว่าหงส์จะชนะ 20 นัด เหมือนโอ๊คแลนด์เอ ทีมเบสบอล เมเจอร์ลีก ผมก็ขอแอบคิดดังนั้น แต่หลักเลยอยากพูดถึงแนวคิดของ จอห์น เฮนรี่ ในการจัดการทีม นโยบาย และการซื้อผู้เล่น
ขอแชร์กันหน่อยครับ พอดีดูหนังเรื่อง Money Ball นำแสดงโดย แบรด พิต เล่นเป็นผู้จัดการทีม "โอ๊คแลน เอ" ทีมในเมเจอร์ลีก เบสบอล เนื้อเรื่องเริ่ม ตอนปีสุดท้ายก่อน ฤดูกาลในเนื้อเรื่องในหนัง ทีมประสบความสำเร็จ ชนะ 102 เกมส์ แต่ก็ยังไม่ได้ผ่าน เพลย์ออฟ

ย้อนกลับไปก่อนว่าสมัยนั้นลีคเบสบอลแบ่งเป็น 2 ลีคใหญ่นั่นคือ National League (NL) และ American League (AL) แต่ด้วยเรื่องของเศรษฐกิจและอื่นๆทำให้ความนิยมเริ่มอ่อนแอลงคนดูน้อยลง จึงเกิดการควบรวมขึ้นมาในปี 2000 เพื่อรักษาสถานะของทุกทีมเอาไว้ อีกอย่างตอนนั้นกีฬาชนิดอื่นรวมกันเป็นลีคเดียวกันหมดแล้ว เมื่อเข้ามารวมกันกลายเป็น MLB
หากทีมไหนสามารถยึดอันดับที่ 1-5 ได้ในแต่ละกลุ่มของตัวเอง ก็จะถูกจับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ Play-off เพื่อหาผู้ชนะที่เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เพลย์ออฟ แพ้คัดออก (ข้อมูล http://www.huntsvillestars.com/มารู้จักเมเจอร์ลีกเบสบ/)

*ภาพแบรด พิตต์ จากหนัง money ball
ทีมของแบรด พิตต์ (ตัวจริง คือ บิลลี่ บีน ผู้จัดการทีมตัวจริงเรื่องนี้เป็นหนังเชิงประวัติบุคคล) เสียตัวหลักไปสามคนให้กับทีม ใหญ่อย่าง นิวยอร์ค แยงกี้ ซึ่งเป็นทีมที่ ร่ำรวยแต่ โอ๊คแลนด์เอ งบทำทีมไม่เยอะ บิลลี่ บีน เอง มีแนวคิดที่แตกต่าง จากเดิม เพราะถ้าทำเหมือนเดิม ซื้อขายแข่งกัน คงซื้อตัวดีดีมาแทนไม่ได้แน่ ๆ เลยเปลี่ยนแนวคิดใหม่
ซึ่งแนวคิดเดิม ใช้แมวมองนักกีฬา ประเมินโดยใช้ประสบการณ์ เลือกเด็กหนุ่ม อนาคตไกล ทักษะดีเลิศครบเครื่อง บุคคลิกดี เป็นดาว ดึงดูคนดูได้
แต่ บิลลี่ บีนคิดว่าถ้าทำเหมือนเดิม ก็ไม่น่าจะทำทีมสู้เขาได้ เพราะงบประมาณ สู้ไม่ได้ เลยเปลี่ยนแนวคิด ไม่เน้นอายุ และเน้นตอบโจทย์ ตามตำแหน่งที่ต้องการอย่างเดีย และสถิติเป็นหลัก
โดยได้ ปีเตอร์ แบรน ซึ่งจบ เศรษฐศาสตร์ จากเยล เพิ่งเป็นผู้ช่วยพิเศษให้ทีมเบสบอลทีม คลีฟแลนด์ อินเดีย มาช่วย
แนวคิด ก็คือเน้นที่สถิติ อย่างเดียว โดยไม่สนใจอายุ ภาพลักษณ์ หรือนิสัยนอกสนาม เน้นเรื่องสถิติ และคำนวน ออกเป็น เปอร์เซ็นต์ และใช้สูตรคณิตศาสตร์ คำนวน จนได้คุณค่าที่แท้จริง ของผู้เล่น "เริ่มต้นแนวคิดจากหนังสือสถิติเบสบอล และการทำทีมของ บิล เจมส์ ซึ่งเขียนหนังสือขณะเป็นยาม โรงงาน" ผลก็คือทีม สามารถชนะ เป็นสถิติ ของทีมเบสบอล คือชนะได้ 20 นัดติดต่อกัน และผ่านเข้ารอบ เพลย์ออฟ

เอาล่ะทีนี้ ถามว่าเกี่ยวข้องกับ จอห์น เฮนรี่ยังไง จอห์น เฮนรี่ ซื้อทีมเบสบอล บอสตั้น เรดซอก ทีมที่มีประวัติ อันยาวนาน แต่ตกต่ำอย่างเหลือเชื่อ
เข้ามาก็ขยายสนาม แต่ทีมก็ยังไม่ได้ดีขึ้นในช่วงแรก จึงเปลี่ยนแนวคิด และพยายามติดต่อ ซื้อตัว บิลลี่ บีน มาเป็นผู้จัดการทีม และก่อนหน้าได้จ้าง บิล เจมส์มาเป็นที่ปรึกษาแล้ว และในที่สุด เรดซอก ก็ได้แชมป์ เบสบอล world series (บิลลี่ บีน ปฏิเสธ นะครับ กลับไปทำ โอ๊คแลนด์เอต่อ)

พอมามองที่ทีม ลิเวอร์พูล ก็จะเห็นแนวทางที่เหมือนกัน เรื่องการหาแนวทาง ผู้จัดการที่เหมือนกัน สุดท้ายได้ชายที่ชื่อย่อ JK และได้ คนแนะนำวิเคราะห์ ทางสถิติ ที่สำคัญ ซึ่งเป็นนัก ฟิสิกส์ ระดับดร. เอียน เกรแฮม มา และทีมบริหารสัญญานักเตะ ที่ดีมาทำให้การเซ็นต์สัญญา ที่ไม่เสียเปรียบเหมือนแต่ก่อน สุดท้ายผมมองแนวคิด จอห์น เฮนรี่ ก็เหมือนกันการบริหาร ทีม เรดซ๊อก
ให้อดคิดไม่ได้ว่าชัยชนะ 20 เกมส์ติดต่อกันจะเป็นไปได้ไม่ยาก ตอนนี้ไป 8 นัดแล้ว ที่สำคัญ แชมป์ พรีเมียร์ลีก หนแรก
ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาส ลองหาชมกันครับ ให้แนวคิดดีมาก เรื่อง Money Ball (2011) นำแสดงโดยแบรด พิตต์
สรุปแนวคิด ลดอคติ ใช้คนให้ถูกที่ ถูกเวลา และถ้าเป็นคนที่ใช่ยังไงก็ต้องได้มา
utahtd สอน 3d เขียน 3d ออกแบบตกแต่งภายในออนไลน์
https://interiordesignonlineservices.wordpress.com/
utahtd สอน 3d เขียน 3d
สอนสถาปัตย์

ก่อน jk เข้ามาทีมก็ใช้การซื้อนักเตะแบบในบทความเลยครับ แล้วตัวที่ได้มาคือบาโลฯ คือเก่งมาก แต่ภาพลักษณ์ไม่ดี สุดท้ายพัง

จนต้องเปลี่ยนนโยบายใหม่คือ ให้แมวมองเสนอนักเตะมาให้ jk แล้ว jk จะเป็นคนเลือกคนสุดท้าย ถ้า jk ไม่โอเค จะไม่ทู่ซี้ซื้อมา

ซาล่าก็คือหนึ่งในการวิเคราะห์ด้วยสถิติ

ขอบคุณครับ

ยุค br ก็ใช้สถิติซื้อนักเตะ แต่ไม่ค่อยได้นักเตะเป้าหมายเพราะหงส์ยังอยู่ในยุคตกต่ำ ผจก.ทีมก็ไม่มีบารมีพอ มาถึงยุค jk ก็ยังเลือกนักเตะจากสถิติอยู่แต่ต้องเห็นตรงกันทั้งตัวเลขทางสถิติและความเห็นของ jk แล้วผลก็เป็นอย่างที่เห็น

ขอบคุณครับ

ช่วงแรกระบบเอาสถิติมาหาผู้เล่นไม่เวิร์คนะครับ ดาวนิ่งนี่ก็คนนึงเลยที่มาเพราะระบบนี้ กีฬาเบสบอลกับฟุตบอลการต่อเนื่องในการเล่นมันคนละเรื่องเลย กีฬาเบสบอลสถิติอ้างอิงมันแน่นอนกว่า แต่กับฟุตบอลความเป็นทีมมันมากกว่าเบสบอลเยอะ แต่ก็ยอมใจทีมงานนะก็ปรับแต่งจนลงตัวจนได้

ขอบคุณครับ

เรื่องรวมลีกเบสบอลผมไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุผลเรื่องคนดูหรือเปล่า เท่าที่เข้าใจ มันเป็นระบบของอเมริกันเกมส์มาแต่ไหนแต่ไร จำได้ว่าตอนที่ผมเริ่มดู NFL ยุคกลาง 90 มันก็ใช้ระบบนี้อยู่แล้ว (NL, AL)

ขอบคุณครับ

เรื่องนี้มันเฟลมานานละตามที่เม้นบนๆว่า เพราะฟุตบอลปัจจัยด้านบุคคลแวดล้อม
ทั้งฝั่งเราและคู่แข่งมันส่งผลต่อความสามารถของผู้เล่นมากกว่าเบสบอลหลายเท่า
อย่างเช่นถ้าเบสบอล ผู้เล่นคนนั้นอาจจวิ่งได้เร็วพอจะเข้าเบส เวลาแข่งโอกาสที่
เขาจะเข้าเบสทันค่อนข้างชัวเพราะไม่มีคนมาดึงมาแทค แต่บอลจริงอยู่ว่าวิ่งเร็วพอ
แต่ก็โดนดึงร่วงได้

แต่เรื่องนี้ก็ตอกย้ำว่าวิสัยทัศน์การบริหารเขาดีจริงๆ วิธีนี้ไม่ได้ผลก็เปลี่ยนวิธีใหม่
ที่ดีกว่า

ขอบคุณครับ

ผมว่าระบบการหาแบบนี้ดี แต่ฟุตบอลผมว่ามันต้องมีความพิเศษมากกว่านิดนึง

ส่วนตัวอารมณ์แบบว่าเบสบอล ต้องการมาตราฐาน แต่ฟุตบอลมาตราฐานและความพิเศษเพิ่มขึ้นมาด้วย

ภาพเฮียให้หนัง แต่ไม่ใช่เฮียแสดง



[/img]

จอห์นเว่าเกาหลี?

ขอบคุณครับ

เมื่อก่อน ลิเวอร์อาจใช่นะเข้าใจว่าจะแย่งตัวกับทีมเงินถุงเงินถังลำบาก
แต่ปัจจุบันผมว่าเปลี่ยนไปละ เพราะสามารถบิดสู้ได้ทุกทีม


ปล.ผลงานของโอ๊คแลนด์ เอส่วนนึงมาจากบิลลี่ บีนรวมใจลูกทีมได้นะจากเล่นไปวันๆ จนกลับมาชนะได้ 20 นัด