เซ็กส์เสื่อมในวัยหนุ่ม
บทที่ 10 : วิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติด
ตอนที่ 06 : rewire-unwire
เนื่องจากอาการเซ็กส์เสื่อมในวัยหนุ่มในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่มีต้นเหตุมาจากการเสพติดสื่อโป๊ ดังนั้นการจะรักษาอาการนี้มีหนทางเดียวคือต้องกำจัดนิสัยเสพติดสื่อโป๊ทิ้งไปเสีย
.
เนื้อหาในบทนี้จะเป็นเรื่องของวิธีการสร้างนิสัยใหม่ ๆ และค่อย ๆ สลายนิสัยเสียเก่า ๆ เกี่ยวกับการเสพติดสื่อโป๊ทิ้งไป พูดอีกนัยหนึ่ง ก็คือ วิธีการรักษา Porn-induced ED อย่างยั่งยืนนั่นเอง
.
เพื่อความเข้าใจในเนื้อหา หากท่านใดยังไม่ได้อ่านเนื้อหาในบทความก่อน ๆ ผมขอแนะนำให้ท่านย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาตอนก่อน ๆ ตามลิงค์ที่ให้ไว้ข้างล่างนี้นะครับ
.
บทความพิเศษ : Coolidge Effect
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2241175119466412&id=2230094023907855
.
บทความที่ 5 : วิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติด 01 : reward system
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2245894168994507&id=2230094023907855
.
บทความที่ 6 : วิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติด 02 : reward system vs supernormal stimulus
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2248750015375589&id=2230094023907855
.
บทความที่ 7 : วิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติด 03 : neural pathway
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2253454124905178&id=2230094023907855
.
บทความที่ 8 : วิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติด 04 : neuroplasticity
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2257686461148611&id=2230094023907855
.
บทความที่ 9 : วิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติด 05 : hypofrontality
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2261339704116620&id=2230094023907855
Rewire : การต่อสายวงจรในสมองใหม่
.
.
.
ในระหว่างที่เรากำลังคิดหรือทำอะไรอยู่ก็ตาม หากเราสามารถดูเข้าไปภายในลึกถึงระดับเซลส์ เราจะเห็นเซลส์ประสาทแต่ละเซลส์กำลังยิงประจุไฟฟ้าเล็ก ๆ ใส่กันอยู่ตลอดเวลา
.
จากหลักการที่ว่า “เซลส์ประสาทที่ยิงเข้าหากัน จะผูกเข้าหากัน” นี่จึงหมายความว่า ยิ่งเซลส์ประสาทเหล่านั้นมีการยิงกันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งก่อให้เกิด “วิถีประสาท” ที่ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น หรือที่เราเรียกว่า neural pathway
.
สิ่งนี้เกิดจากสมองของเรามันต้องการทุ่นแรงของตัวมันเอง มันคงรู้สึกเบื่อและเหนื่อยในทุก ๆ ครั้งที่ตัวเราต้องหยุดคิดทุกครั้งก่อนจะลงมือทำสิ่งเดิม ๆ มันจึงประดิษฐ์เครื่องมือวิเศษชิ้นนี้ขึ้นมา สิ่งนี้เปรียบเสมือนการสร้างนิสัยให้เราสามารถทำพฤติกรรมเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องคิด
.
สำหรับการ reboot เราจะใช้หลักการนี้ในการสร้างนิสัยใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในสมองแทนที่นิสัยเสียเดิม กระบวนการนี้เรียกว่า “rewire”
.
.
.
Rewire กับคู่รัก
.
.
คนที่ทำการ reboot จะมีอยู่ 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ ……
1. มีคู่รัก (กลุ่มคนที่มีแฟนหรือภรรยา)
2. ไม่มีคู่รัก (หนุ่มโสดทั้งหลายนั่นเอง)
ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่รักก็ตาม คนทั้ง 2 กลุ่มนี้ต่างก็สามารถทำการ reboot จนสำเร็จได้ไม่ต่างกันเลยครับ
.
ผมจะขอพูดถึงการ rewire สำหรับคนที่มีคู่เป็นข้อแรก และเพราะผมมีประสบการณ์ส่วนตัวอยู่ในข้อนี้ด้วย จึงทำให้ง่ายต่อการให้คำแนะนำ คำว่า rewire แปลว่าการต่อสายวงจรใหม่ ในกรณีที่เรามีคู่รัก การ rewire คือ การทำให้สมองของเราสามารถถูกกระตุ้นโดยคู่รักที่เป็นคนจริง ๆ ได้นั่นเอง
.
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สมองของเราตีความว่าเซ็กส์สำหรับเราคือการใช้เพียงแค่ตาจ้องสื่อโป๊ในหน้าจอและใช้มือช่วยตัวเองเท่านั้น เพราะเรามัวแต่ rewire สมองของเราให้เคยชินแต่กิริยาเช่นนี้มาตลอดหลายปี จนทำให้เราไม่สามารถมีเซ็กส์กับคนจริง ๆ ได้ ดังนั้นถ้าเราอยากให้สมองเราทำให้ตัวเราสามารถมีเซ็กส์กับคนจริง ๆ ได้ เราก็ต้องฝึกให้สมองและระบบประสาทของเราได้เจอสิ่งนั้น
.
ซึ่งการมีเซ็กส์กับคนจริง ๆ นั้นประกอบไปด้วยปฏิสัมพันธ์ธรรมชาติต่าง ๆ เช่น การพูดคุยหยอกล้อ, กอด,จูบ หรือในกรณีที่เรากำลังมีอะไรลึกซึ้งกันก็ต้องเริ่มจากการกอด จูบ สัมผัสเล้าโลม หยิบถุงยางอนามัยขึ้นมาสวม ไปจนถึงการสอดใส่ (คนที่เป็น Porn-induced ED ส่วนใหญ่ไม่สามารถสวมถุงยางอนามัยได้ด้วยซ้ำ เพราะเราไม่สามารถคงสภาพการแข็งตัวไว้ได้นานพอ)
.
การกระทำเหล่านี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับการช่วยตัวเองที่ใช้แค่เพียงตาจ้องหน้าจอแล้วและใช้มือสำเร็จความใคร่เท่านั้น เหมือนกับตัวอย่างที่ผมได้เอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ ที่ว่า “ถ้าเราอยากเก่งฟุตบอล เราก็ต้องฝึกทักษะเกี่ยวกับฟุตบอล ไม่ใช่เอาเวลาไปฝึกว่ายน้ำหรือเต้นรำ”
.
อันที่จริงแล้วในสามัญสำนึกของพวกเรา การมีเซ็กส์ควรจะเป็นสิ่งง่าย ๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้แก่สิ่งมีชีวิต มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ไม่ต้องมีการคิด หรือบังคับอวัยวะส่วนไหนเลยทั้งสิ้น แต่เพราะวันนี้เราเอาแต่ฝึกสมองของเราให้เชี่ยวชาญแต่กับการสำเร็จความใคร่ระหว่างเสพสื่อโป๊ ทำให้สมองเราเกิดการ rewire ตัวมันเองให้เข้ากับพฤติกรรมผิดธรรมชาตินี้ มันไม่เคยชินกับการมีเซ็กส์กับคนจริงๆ (รวมไปถึงอวัยวะเพศของเราก็ไม่สามารถแข็งตัวได้ด้วย เนื่องจากอาการดื้อโดปามีน dopamine downregulation ทำให้เกิดอาการด้านชา อันเป็นอาการปกติของคนที่เป็น Porn-induced ED)
.
นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมคนที่เคยมีคู่รักหรือกำลังมีคู่อยู่ จะสามารถทำการ reboot ได้เร็วกว่าคนที่ไม่มีคู่ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเซ็กส์กับคู่รักของเขา แต่เขาสามารถมีปฏิสัมพันธ์ธรรมชาติกับคู่ของเราได้ตลอดเวลาที่ต้องการ เช่น การพูดคุย, สัมผัส, กอด, จูบ เป็นต้น
.
ขอย้ำอีกครั้งว่าการ rewire กับคู่รักในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการต้องมีเซ็กส์กับคู่รักของเราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในช่วงแรกของการ rewire เราไม่จำเป็นต้องลึกซึ้งมากมายเลยด้วยซ้ำ (เพราะคนที่เป็น Porn-induced ED อวัยวะเพศก็ยังไม่สามารถแข็งตัวพอที่จะสอดใส่ได้อีกด้วย) แต่ขอให้เราเริ่มจากการปฏิสัมพันธ์ธรรมชาติทั่วไประหว่างชาย-หญิง เช่น พูดคุย, หยอกล้อ, ยิ้มแย้ม, เดินจับมือ ไปจนถึงสัมผัส, กอด หรือ จูบ เป็นต้น ( 3 ข้อหลังสำหรับในกรณีที่คนนั้นเป็นคู่รักของเราเท่านั้นนะครับ)
.
จะเห็นว่าการ rewire กับคู่รักเป็นการทำในสิ่งที่ต่างจากฉากในหนังโป๊อย่างสิ้นเชิง ถ้ากับคู่รักก็คือเป็นการแสดงความรักตามปกติโดยที่จะมีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้
.
.
.
เทคนิคที่ช่วยให้การ rewire - unwire ง่ายขึ้น
.
เทคนิคอีกเทคนิคที่ผมจะอธิบายนี้ เหมาะกับคนทั้ง 2 กลุ่มเลย ไม่ว่าคนนั้นจะมีคู่หรือไม่มีคู่ก็ตาม จะว่าไปมันคือแก่นแท้ของการบำบัดรักษาอาการเสพติดทุกชนิดด้วยซ้ำ
.
สำหรับการ reboot ในกรณีที่เราต้องการ rewire สมองของเราให้สามารถทำปฏิสัมพันธ์กับคนจริง ๆ ได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ การมีปฏิสัมพันธ์กับคู่รัก แต่คือการ unwire สมองของเราให้ออกห่างจากพฤติกรรมเสพสื่อโป๊ต่างหาก
.
พูดอีกความหมายหนึ่ง แก่นแท้ของการ rewire หมายถึง การฝึกการตอบสนองต่อสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสื่อโป๊ทุกชนิดให้ออกมาแบบอัตโนมัติ มันเป็นการทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้ความต้องการเสพสื่อโป๊ที่ผุดขึ้นหายไปให้บ่อยที่สุด จนวงจรประสาทที่เกี่ยวกับมันจะค่อย ๆ สลายไปเพราะไม่ถูกใช้งาน (unwire)
.
ดังนั้นแม้ว่าพวกเราบางคนอาจไม่มีคู่รักเป็นของตัวเอง แต่เราก็ยังสามารถ unwire พฤติกรรมเสพสื่อโป๊ให้ออกจากสมองของเรา และ rewire สมองของเราให้เข้ากับโลกในความเป็นจริงได้ด้วยวิธี Schwartz’s technicque
.
วิธีนี้เป็นวิธีรักษาคนไข้ที่เป็นโรค OCD (obsessive-compulsive disorder : โรคย้ำคิดย้ำทำ) ของ ดร. เจฟฟรี ชวาทซ์ (Dr. Jeffrey Schwartz) และเราสามารถนำมันมาปรับใช้กับนิสัยเสพติดสื่อโป๊ได้อย่างดี ผมเชื่อว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่ใช้เปลี่ยนนิสัยตัวเราเองได้ดีที่สุดแล้ว ตัวผมเองรวมถึงหลาย ๆ คนที่สามารถทำการ reboot จนสำเร็จต่างก็ใช้วิธีนี้ครับ
.
แนวคิดสำคัญสำหรับวิธีนี้คือ “สิ่งที่เรากำลังทำ สำคัญมากกว่าสิ่งที่เรากำลังรู้สึก” หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือ “ไม่สำคัญว่าเรากำลังรู้สึกถึงแรงต้านมากแค่ไหน ตราบใดที่เราไม่เผลอใจกลับไปทำพฤติกรรมเก่า ๆ นั่นแสดงว่าเรากำลัง rewire สมองของเราอยู่ ยิ่งเราสามารถทำแบบนี้ได้บ่อยเท่าไหร่ เราก็ rewire สมองของเราได้มากขึ้นเท่านั้น”
.
การเสพติดสื่อโป๊ถือเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้สะสมรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นภารกิจของเราคือการไม่เรียนรู้พฤติกรรมนั้นอีกต่อไป โดยที่เราจะฝึกมันให้เป็นนิสัยแบบอัตโนมัติ
.
ทริคของวิธีการนี้คือ เมื่อเกิดแรงอยากที่จะเสพสื่อโป๊ผุดขึ้นมา ให้เราบอกกับตัวเราเองว่าเราจะอดทนไว้และไม่ดูมันเป็นเวลา 15 นาที หลังจากนั้นก็รีบเบนความสนใจโดยการออกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นทันที เช่น ออกไปวิ่ง, ฝึกควบคุมลมหายใจ, ทำอาหาร, อ่านหนังสือ, ฟังเพลง, จดบันทึกความรู้สึก ณ. เวลานี้ลงไปในไดอารี่, อาบน้ำเย็น เป็นต้น
.
ไม่ต้องสนใจว่ามันเป็นกิจกรรมอะไรหรอกครับ ตราบใดที่เราสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ทันทีแทนที่การดูสื่อโป๊ (ในกรณีที่หากิจกรรมทำไม่ได้จริง ๆ ในเวลานั้น ให้เราจินตนาการว่าเรากำลังทำกิจกรรมเหล่านั้นก็ได้ แต่ต้องตั้งใจจินตนาการให้สมจริงที่สุดนะครับ)
.
เพราะอารมณ์อยากเสพสื่อโป๊ก็เหมือนอารมณ์อื่น ๆ มันเกิดขึ้นได้และก็สามารถหายไปได้เช่นกัน หากเราเอาสมองไปคิดหรือทำเรื่องอื่นสักพักหนึ่ง
.
จำไว้ว่าเทคนิคนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนให้คุ้นชิน เราต้องทำมันให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเราออกห่างจากการเสพสื่อโป๊ และหันไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้บ่อยเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าเรากำลัง rewire สมองของเราให้ผูกเข้ากับวงจรที่เราต้องการได้มากเท่านั้น เรากำลังสร้าง neural pathway ใหม่ ๆ ขึ้นมาแทน และทำให้ neural pathway ของการใช้สื่อโป๊อ่อนกำลังลงตามระยะเวลาที่ผ่านไป
.
“พลังของการทำกิจกรรมอื่น” ไม่ใช่แค่ทำให้เราเอาชนะแรงอยากแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่มันสามารถพลิกโฉมชีวิตเราไปได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย มันสามารถเปลี่ยนนิสัยของเรา และทำลายวงจรของการเสพติดในสมองของเราแทบจะถาวรเลยทีเดียว
.
ผมขอเล่าเรื่องสั้นเกี่ยวกับหลักการนี้ของคนคนหนึ่งให้ฟังนะครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนนิสัยจากหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “Willpower Instinct : อ่านตัวเองได้ ชนะง่ายทุกสนาม” …
.
เธอมีชื่อว่า ลิซ่า อัลเลน (Lisa Allen) เธอเป็นคนที่เสพติดบุหรี่และเหล้าเข้าขั้นรุนแรงเป็นเวลากว่าสิบปี การเสพติดสิ่งเหล่านี้ทำให้สุขภาพและหน้าที่การงานของเธอเข้าขั้นเลวร้ายมาก เธอเป็นโรคอ้วนมาตลอดเนื่องจากพฤติกรรมเสพติดนี้ อีกทั้งในประวัติการทำงานของเธอบ่งชี้ว่า เธอไม่เคยทำงานที่ไหนได้เกินหนึ่งปีเลย สถานะทางการเงินของเธอถังแตก ไม่ต้องนึกถึงสถานะของครอบครัวของเธอเลย ไม่ว่าใครก็เดาได้อยู่แล้วว่าเธอคงเลิกกับสามีของเธอ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดของสามีหรือของเธอกันแน่ ที่เป็นเหตุให้สามีเธอนอกใจ เธอเป็นโรคซึมเศร้าขั้นหนัก เธอสติแตกไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนคนวิกลจริต ถึงขนาดที่เธอเคยเอาปากกามาจุดไฟเพราะนึกว่ามันคือบุหรี่ นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้
.
แต่ดังคำโบราณที่ว่า “ช่วงเวลาที่ฟ้ามืดที่สุดจะจบลง และตามมาด้วยแสงของรุ่งอรุณ” อาจเป็นโชคดีที่สุดของเธอที่ทำให้เธอได้ไปเดินเตร็ดเตร่ในอียิปต์ (ด้วยเงินในบัตรเครดิตใบสุดท้ายของเธอ) สถานที่อันแห้งแล้งและอ้างว้างจนดูไม่มีอะไรดีนี้กลับทำให้เธอเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา และความคิดนี้ได้พลิกชีวิตของเธอไปตลอดกาล
.
เธอแค่มีความคิดว่าเธออยากพิชิตทะเลทรายอันกว้างใหญ่นี้และเห็นปิระมิดอีกครั้ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เลยด้วยสุขภาพทางกายและการเงินของเธอในตอนนี้ และนั่นทำให้เธอตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ … เธอเริ่มจากการเลิกบุหรี่เป็นอย่างแรก !
.
การตัดสินใจเล็ก ๆ ครั้งนี้เป็นเหมือนการโยนหินลงใส่บ่อน้ำเรื่อย ๆ จนในที่สุดหินนั้นก็สะสมจนกลายเป็นทางเดินกลางน้ำที่ใช้ข้ามแทนสะพานได้ ทุกครั้งที่เธออยากสูบบุหรี่ เธอจะออกไปเดินหรือวิ่งเบา ๆ สัก 10-15 นาทีเสมอ ความเหนื่อยล้าแบบพอดี ๆ ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป และสารเอนโดรฟินที่หลั่งออกมาจากการออกกำลังกายช่วยทำให้เธอลืมความอยากบุหรี่ของเธอไปได้อย่างง่ายดาย
.
ความสม่ำเสมอที่เธอทำเพียงแค่อยากลืมความอยากบุหรี่สัก 10-15 นาทีได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ ด้านในชีวิตของเธอ ตลอดช่วงเวลา 6 เดือนที่เธอเลือกการออกกำลังกายแทนการสูบบุหรี่ มันส่งผลให้เธอต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชิวิตทุกอย่าง ทั้งเรื่องอาหารการกิน, การนอนหลับ, จัดตารางงาน, การเก็บออมเงิน ไปจนถึงการวางแผนในอนาคต และในที่สุด ปีนั้นเธอก็ทำฝันของเธอได้สำเร็จ
.
จากตอนนั้นถึงตอนนี้ เธอสามารถเลิกจากเหล้าและบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด เธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 30 กิโลกรัมจนหุ่นผอมเพรียว และหน้าตาของเธอก็ดูเด็กลงราวกับเธอสามารถย้อนเวลาได้ เธอมีคู่หมั้นใหม่ หน้าที่การงานของเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เธอทำงานในบริษัทออกแบบกราฟฟิกมาได้หลายปีแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เธอใช้กีฬาเป็นยาบำบัดนิสัยเสียของเธอ
.
นักวิจัยหลายคนได้สแกนสมองของเธอและได้พบกับสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ พวกเขาพบว่าระบบประสาท หรือที่เราเรียกว่า neural pathway ชุดหนึ่ง ได้ถูกควบคุมโดย neural pathway ที่เกิดขึ้นใหม่ ถึงแม้ neural pathway ชุดเก่าของเธอยังคงทำงานได้อยู่ แต่มันก็ถูกแรงกระตุ้นใหม่ ๆ เบียดตกเหวไปอย่างง่ายดาย
.
พูดอีกนัยหนึ่ง ก็คือ เมื่อนิสัยของเธอเปลี่ยนแปลงไป สมองของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยนั่นเอง
.
.
.
เห็นไหมครับว่าเราสามารถเปลี่ยนนิสัยเราได้ การเสพติดก็แค่สิ่ง ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นในสมองของเรา เราสามารถเอาชนะมันได้ด้วยความตั้งใจ และสมองของเรามันก็พร้อมที่จะร่วมมือกับเราเสมอ สมองคืออวัยวะที่ยืดหยุ่นปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้ง่ายที่สุดในร่างกายของเรา มันพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา มันพร้อมที่จะช่วยเราใส่สิ่งใหม่ ๆ เข้าไปและโยนสิ่งที่เราไม่ต้องการออกมาด้วย
.
แต่ก่อนที่มันจะช่วยเรา เราต้องช่วยออกแรงฉุดมันขึ้นมาจากหลุมการเสพติดสักระดับหนึ่งก่อน หลังจากนั้น มันจะตอบแทนเรากลับอย่างคุ้มค่าที่สุดแน่นอน
.
.
.
Flashback of the past
.
มีปรากฎการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่งที่ผู้ทำการ reboot หลาย ๆ คนเชื่อว่ามันเกิดจากการ unwire วิถีประสาทเก่า ๆ ทิ้งไปทีละนิด ๆ ปรากฎการณ์นี้ยังไม่มีทฤษฎีใด ๆ มายืนยันแบบเป็นทางการ แต่เป็นเพียงการเล่าประสบการณ์และการคาดเดาเท่านั้น พวกเขาเดาว่าปรากฎการณ์นี้น่าจะเกิดจาก neural pathway ที่ไม่ได้ใช้นาน ๆ กำลังค่อย ๆ สลายไปชนิดที่เราสามารถรู้สึกได้เองโดยที่เราไม่ต้องสแกนสมองด้วยซ้ำ ปรากฎการณ์นั้นคือ “ปรากฎการณ์ภาพย้อนหลัง” หรือ “porn flashback”
.
มีผู้ที่ทำการ reboot คนหนึ่งได้เคยเจอกับปรากฎการณ์นี้และได้กล่าวความรู้สึกของเขาไว้ว่า ……
.
“ผมสังเกตุว่ายิ่งเวลาในการ reboot ของผมผ่านไป ภาพของหนังโป๊ที่ผุดขึ้นมาในหัวของผม มันเป็นภาพของหนังโป๊ตอนก่อนหน้าที่ผมเคยผ่านมา มันเหมือนเป็นการย้อนสิ่งที่เราเคยดูกลับไปเรื่อย ๆ หลายเรื่องหลายฉากที่ผุดขึ้นมาเป็นเรื่องที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนแรก ๆ ซึ่งผมได้ลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ มันเหมือนกับภาพประสบการณ์ของเราค่อย ๆ ถูกปลอกเปลือกล่อนหลุดออกไปทีละชั้น ๆ จากปัจจุบันย้อนกลับไปยังอดีต”
.
ซึ่งตัวผมเองก็เจอกับปรากฎการณ์แบบนี้ขึ้นจริง ๆ มันเหมือนกับภาพของหนังโป๊ที่เคยผ่านตาผมกำลังหลุดล่อนออก และการหลุดล่อนนี้ก็ค่อย ๆ ย้อนกลับไปหาแกนกลางที่เป็นต้นกำเนิดเข้าไปเรื่อย ๆ เหมือนเรากำลังแกะหัวหอมออกทีละชั้น ๆ จนถึงแกนกลางของมัน นั่นทำให้ผมเดาว่า neural pathway ที่ถูกผูกเอาไว้กับสื่อโป๊ที่เราเคยดูกำลังถูกเมินเฉยและค่อย ๆ เหี่ยวแห้งตายและหลุดร่อนออกไปทีละชั้นจากการที่เราเมินเฉยไม่สนใจมัน
.
ผมจึงขอยืนยันทฤษฎีเหล่านี้ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของผม ยิ่งเราเอาพลังงานและความคิดของเราไปทำสิ่งอื่นมากเท่าไหร่ neural pathway เก่า ๆ ก็ยิ่งหมดอำนาจไปเท่านั้น
.
.
.
สำหรับบทความวิทยาศาสตร์ขนาดย่อมของการเสพติดก็ได้จบลงแล้ว บทต่อไปผมจะอธิบายเกี่ยวกับภาวะด้านลบที่พวกเขาต้องเจอในระหว่างที่เรากำลังหยุดสิ่งเร้า นั่นคือ withdrawal symptom หรืออาการขาดของ และอีกอาการหนึ่งที่มีในเฉพาะ Porn-induced ED เท่านั้น นั่นคือ ภาวะ flatline
.
.
.
*** หากท่านรู้สึกมีปัญหากับสมรรถภาพทางเพศของท่าน ผมขอแนะนำให้ท่าน “ปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้ และ จงดูแลสุขภาพของตัวท่านก่อนเป็นอันดับแรก”
หากผลตรวจสุขภาพของท่านเป็นปกติและไม่มีโรคอะไร อีกทั้งถ้าท่านยังมั่นใจว่าสุขภาพกายและใจของท่านเป็นปกติทุกอย่าง แต่ยังคงมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และรู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้น
ท่านจะลองศึกษา “วิธีที่ผมแนะนำ” นี้เป็นอีกทางเลือกก็ได้ครับ
*** บทความนี้เป็นการเล่าประสบการณ์และให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ “ไม่มีการขายหรือแนะนำอาหารเสริมใดๆทั้งสิ้น”
.
.
.
——————————————————
.
references ...
https://www.psychologytoday.com/us/blog/all-about-addiction/201003/triggers-and-relapse-craving-connection-addicts
https://www.intechopen.com/books/recent-advances-in-drug-addiction-research-and-clinical-applications/alcohol-cues-craving-and-relapse-insights-from-animal-models
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5811475/
https://www.yourbrainonporn.com/tools-for-change-recovery-from-porn-addiction/♦solo-tools/vigorous-and-not-so-vigorous-exercise/endurance-training-effects-on-striatal-d2-dopamine-receptor-binding-and-striatal-dopamine-metabolite-levels-1987/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3273304/
https://theartofstanding.com/links-in-a-change-lisa-allens-amazing-life/
http://hope4ocd.com/foursteps.php
https://www.harleytherapy.co.uk/counselling/managing-obsessive-compulsive-disorder-ocd.htm
http://discovermagazine.com/2013/nov/14-defense-free-will
https://healthtransformer.co/the-neuroscience-of-behavior-change-bcb567fa83c1
http://www.authenticityassociates.com/neural-plasticity-4-steps-to-change-your-brain/
http://www.truevitality.com.au/articles/creating-new-neural-pathways-2/
http://www.authenticityassociates.com/neural-plasticity-4-steps-to-change-your-brain/
https://www.youtube.com/embed/B7ig6sIwIC8