นับถอยหลังไม่กี่วัน Game of Throne ฤดูสุดท้ายกำลังจะมา
หลังจากฉายมายาวนานถึง 8 ปี
The Wall ปราการ และด่านเหนือ
กำแพงที่กั่นระหว่างชาวเมือง และคนเถื่อน
ก่อนที่ภาพยนต์ชุดกำลังจะฉาย เรามาสู่วิชาประวัติศาสตร์ที่มาของกำแพงนี้ในโลกจริงกัน
George R.R. Martin ยอมรับว่า the Wall มีแรงบรรดาลใจมาจาก Hadrian's Wall
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Hadrian's Wall กำแพงซึ่งเป็นแรงบรรดาลใจของหนังเรื่องนี้กัน
ในสมัยยุคจักวรรดิโรมันอันรุ่งเรือง ได้ขยายอาณาเขตไปครอบคลุมทั่วทวีปยุโรป
และหนึ่งในนั้นคือ เกาะบริทเตเนีย
กองทัพโรมันได้บุกเข้ายึดพื้นที่ เพื่อครอบครองทรัพยากรเป็นของจักรวรรดิ
ซึ่งแต่เดิมชนพื้นเมืองนั้นเป็นคนป่าไร้อารยธรรม
ชาวโรมันเข้าไปยึดครองและสอนให้ทำการเกษตร
เพื่อเป็นแหล่งทรัพยกร ส่องมอบกลับไปยังโรมัน
โดยก่อตั้งเมือง ข้างแม่น้ำเธมที่ดูเหมือนสภาพแวดล้อมสำบูรณ์
ซึ่งกลายมาเป็นเมืองหลวงของอังกฤษในปัจจุบันคือ ลอนดอน เปรียบเสมอ King's Landing ใน game of throne
ช่วงที่โรมันปกครอง ก็มีขับไล่ชาวเผ่าต่างๆออกไป
ไม่ก็จับมาเป็นพวก แล้วสอนวิชาการให้รู้จักทำมาหากิน
เป็นเวลาหลายสิบปีที่เกาะ บริทเตเนียได้กลายเป็นแหล่งทรัพยากรที่ดีให้โรมัน
ในเกาะบริทเตนเนีย ก็ได้รับการศึกษาการเรียนรู้ พัฒนาสังคมของตัวเอง
มีวัฒนธรรมขึ้น มีเจ้าปกครองเขต ปกครองเมือง
ทำการค้า และร่วมมือกับชาวโรมัน แบบผู้มีอารยธรรม
ในยุคหลังที่โรมันมาปกครอง ชนเผ่าได้ก่อสร้างอารยธรรมถึง
มีแคว้นที่ปกครอง ดูและกันเอง และมารบกันเองบ้าง
ไม่ใช่ทุกเผ่าจะยอมรับโรมัน เมื่อโรมันเขามาครอบครองดินแดนนี้
และดูเหมือนว่าพฤติกรรมลักขโมย ปล้นสะดมยังอยู่
ใครๆก็อยากได้ดินแดนที่ โรมันสร้างขึ้น เพราะอุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่น
ในเกาะบริทเทนเนียมีคนที่ท้าทายโรมันอยู่ตลอด คอยเข้ามาตี
จนโรมันต้องขนทัพขึ้นเหนือขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปราบเผ่าต่างๆ และพวกคนเถื่อน
และตั้งเมืองใหญ่ไว้ทางเหนือเพื่อดูแล ขับไล่พวกคนเถื่อนไร้อารยธรรม
ไม่ให้มารุกรานอาณานิคมหลวงลอนดอน ที่เมือง ยอร์ค York ปัจจุบัน
ซึ่งกลายมาเป็น Winterfell ใน game of throne นั้นเอง
โรมันได้แต่งตั้งเจ้าทางเหนือ เป็นผู้ปกครองเมืองนี้ให้กับโรมัน
โดยมีหน้าที่ป้องกันชาวเถื่อนไม่ให้รุกรานลงใต้ ยังอาณานิคมหลวง
แต่ทว่า ชาวโรมันยังคุกรุกขึ้นเหลือไปเรื่อยๆจึงถึงสก็อตแลนด์ในปัจจุบัน
จนชาวสก็อตแลนด์ได้หนีถอยออกไป
เมื่อคนเถื่อนถูกขับไล่ออกไป จึงสูญเสียพื้นที่ทำการเกษตรไปด้วย
จึงกลับมาปล้นสะดมอีก จนสร้างความรำคาญใจให้กับชาวโรมัน
จักรพรรดิ ฮาดิอานุส แห่งโรมัน จึงอนุญาตให้สร้างกำแพง
เพื่อป้องกันการรุกรานจากคนเถื่อน ในภาคเหนือ
กำแพงนี้จึงมีชื่อว่า กำแพงของกษัติรย์ฮาเฮียน ในภาษาอังกฤษ
จักรพรรดิ ฮาดิอานุส
กำแพงฮาเดี่ยน จึงเป็นสิ่งที่กั้นระหว่างมนุษย์ศิวิไลซ์ และคนเถื่อนไร้อารยธรรม
ชาวเถื่อนผู้ถูกทิ้งไว้หลังกำแพง ยังคงถูกโรมันขับไล่ออกไปเรื่อยๆ และมีกำแพงอีกอัน
ต่อจากนี้จะเข้าถึงเรื่องของกำแพงที่เป็นต้นแบบของ The Wall
กำแพงฮาเดี้ยน จาก
wikipedia
กำแพงฮาดริอานุสมีความยาวทั้งสิ้นด้วยกัน 80 โรมันไมล์ (73.5 ไมล์หรือ 117 กิโลเมตร)ความหนาและความสูงของกำแพงก็ขึ้นอยู่กับวัสดุก่อสร้างที่หาได้ในบริเวณที่สร้าง กำแพงทางด้านตะวันออกของแม่น้ำเอิร์ทธิง (River Irthing) สร้างจากหินสี่เหลี่ยมหนา 3 เมตร (9.7 ฟุต) และสูง 5-6 เมตร (16-20 ฟุต) ขณะที่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำสร้างด้วยดิน/หญ้าที่หนา 6 เมตร (20 ฟุต) และสูง 3.5 เมตร (11.5 ฟุต) ตัวเลขนี้ไม่รวมโครงสร้างอื่นๆ นอกตัวกำแพงที่รวมทั้งคู, หอสังเกตการณ์ และป้อม ส่วนกลางของกำแพงหนา 8 โรมันฟุต (7.8 ฟุต หรือ 2.4 เมตร) บนฐานกว้าง 3.0 เมตร (10 ฟุต) บางส่วนของกำแพงที่เหลือยู่ก็สูงถึง 3.0 เมตร (10 ฟุต)
และภาพของจริงคือ
นี่แหละที่เป็นกำแพงกั่นระหว่างคนมีอารยธรรมกับคนเถื่อน
เกิดจากจักรพรรดิ ฮาดิอานุส เดินทางมาบริเทนเนีย แล้วประสงค์ให้สร้างกำแพง
เพื่อป้องกันการรุกราน จากคนเถื่อน ให้ทหาร และชาวเมืองรู้สึกปลอดภัยมากกว่าเดิม
สร้างความมั่นคงให้กับอาณาจักร และความยิ่งใหญ่ของตัวเอง โดยมีป้อมสนับสนุนเป็นระยะๆ
ป้อมสนับสนุน
ช่างออกแบบสมัยใหม่ได้ออกแบบตาามโครงสร้างที่หลงเหลือ
รูปแบบการสร้าง
ทิศเหนือของกำแพงจะเป็นล่องคูน้ำ
และถัดไปเป็นคันดินจากคู ให้ชะลอการรุกราน
วิธีการก่อสร้างเป็นรูปแบบสถาปัตยธรรมโรมัน
เมื่อลองเอามาเทียบกับขนาดของคนในปัจจุบัน
หลังจากที่ได้สร้างกำแพง ชาวเมืองก็อยู่ในความสงบมาหลายร้อยปี
จนกระทั้ง โรมันถูกรุกรานโดยคนเถื่อนชาวเยอรมัน
จึงสั่งให้ถอนกำลังทหาร และหน่วยงานดูแล ออกจากอาณานิคมอื่นทั้งหมด
ทำให้เกิด การปกครองตนเองขึ้นมาใหม่
และสิ่งก่อสร้างถูกทิ้งร้างไร้การดูแลในยุคต่อมา
จบไปแล้วสำหรับต้นแบบกำแพง The Wall ใน Game of Throne หวังว่าทุกท่านจะได้รับชมภาพยนต์ชุดนี้ในฤดูกาลสุดท้าย อย่างมีความสุขในช่วงวันหยุดสงกรานต์นะครับ