เข้าช่วงสัปดาห์ทีมชาติ ในพาร์ทนี้ผมจะพาไปทำความรู้จักกับปราการหลังร่างยักษ์จากแดนกังหันลม ผู้ที่เข้ามาครองหัวใจของชาว The Kop ได้อย่างรวดเร็ว กำแพงเหล็กแห่งแอนฟิลด์ Virgil Van Dijk
VVD นั้นได้เข้าอคาเดมี่ของ Willem II ในวัยเด็ก โดยได้รับมอบหมายให้เล่นในตำแหน่ง CB มาตั้งแต่เด็กจากรูปร่าง
ทักษะเกมรับและสรีระของเขา ซึ่งภายหลังเจ้าตัวออกมาเผยว่าอยากเล่นเป็นกองหน้าและมีไอดอลเป็นโรนัลดิญโญ่
และในช่วงเวลาที่ Willem II นี้หลังจากการฝึกซ้อม VVD เองยังได้ทำงานพาร์ทไทม์อีกด้วย โดยเขาได้เป็นเด็กล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่งใน Breda เพื่อหาเงินช่วยพ่อแม่อีกทางหนึ่ง และเพื่อสานฝันตัวเองที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพราะอยากให้ครอบครัวสบาย
เส้นทางที่ใหญ่ขึ้น
หลังจากที่เจ้าตัวได้เลื่อนขั้นมาติดทีมตัวจริงของ Willem II ชุดเยาวชนได้เพียง 1 ปีก็มีการติดต่อจากสโมสรที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ FC Groningen (ทีมในลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์) ทีีมองเห็นแววของยอดกองหลังรายนี้ และเจ้าตัวก็ต้องจากบ้านเกิดไปไกล 255 กิโลเมตรเพื่อไปอยู่กับสโมสรใหม่เพียงลำพัง
ซึ่งมาเพียงปีแรกก็ฉายแววคุ้มทันที เพราะเล่นจับคู่กับ Jose Fonte ได้อย่างเหนี่ยวแน่น โดยมีส่วนสำคัญพาทีมจบอันดับที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก และได้สิทธิไปเล่นบอลยุโรปในรายการยูโรป้า แต้มตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอันดับ 5 เพียง 3 แต้มเท่านั้น และที่สำคัญ VVD ได้รางวัล Player of the year ของสโมสรมาครอบครองในปีแรกที่ย้ายมาทันที
แต่เป็นนัดชิงที่ค่อนข้างน่าเสียดายสำหรับชาว The Kop เพราะในเกมมีทั้งความผิดพลาดส่วนบุคคลของ Loris Karius อาการบาดเจ็บหัวไหล่ของแนวรุกตัวเก่งอย่าง Mohamed Salah ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้แก่เรอัลมาดริดไป 1-3 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าผิดหวัง แต่ฟอร์มของ VVD ทำให้เขามีชื่อติดทีม Squad of the season ของยูฟ่าร่วมกับ Salah และ Firmino ในปีนั้น
ตอนนี้เจ้าตัวได้ใช้ความสามารถที่มีตอบให้ทุกคำถามแล้ว และเข้ามาเป็นขวัญใจเบอร์ 1 ของชาว The Kop หลายคน โดยมีเขาเป็นหนึ่งในแสงจุดประกายความหวังของแฟนบอลในการเป็นส่วนสำคัญที่จะพาทีมคว้าแชมป์สักรายการ และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของปราการเหล็กกัปตันเงาของทีม หนึ่งในผู้ที่เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญของลิเวอร์พูล "Virgil Van Dijk"