Freddie เป็นไบเซ็กซวล !
Freddie เป็นเกย์ !
เรื่องนี้แฟนเพลงทั่วโลกของวง Queen ต่างก็รู้ดี
และข่าวคาวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเกย์อย่างสุดขั้วของเขาก็ลือกระฉ่อน

แต่เรื่องแฟนสาวผู้หญิงคนแรกของเขา ผมว่่าคนทั่วไปรู้น้อยมาก..
รวมทั้งผมด้วย !

ผมเพิ่งมารู้จากหนังเรื่องนี้ (Bohemian Rhapsody)
และยังแคลงใจด้วยว่า
เป็นเรื่องจริง หรือแต่งเพิ่มขึ้นมาในหนัง เพื่อให้บทหนังเชื่อมโยงราบรื่นต่อเนื่อง

และในหนังยังมีตอนที่ Freddie แต่งเพลง Love of my life กับเปียโน และบอกว่าแต่งให้ Mary แฟนสาว

ผมก็เลยยิ่งสงสัย ว่านี่น่าจะเป็นเรื่องจริง (รึเปล่า?)
ด้วยความสงสัยอยากรู้ เลยไปสืบหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
และพบว่า...

นอกจากจะเป็นเรื่องจริงแล้ว
ยังเป็นความรักที่ซาบซึ้งน่าประทับใจมากๆ
ไม่น่าเชื่อว่าความรักระหว่าง Freddie และแฟนสาวที่คบกันตั้งแต่ก่อนจะมีชื่อเสียง
จะลึกซึ้งขนาดนั้น
เป็นความรักที่มั่นคงเที่ยงแท้ยิ่งกว่าชายแท้เสียอีก

พูดง่ายๆคือ เรื่องราวในหนังเกี่ยวกับแฟนสาวของ Freddie เป็นแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง

ลองมาฟังเรื่องราวดูครับ

- - - - - - - - - - - - -

Mary Austin เกิดในปี 1951 พ่อของเธอทำงานเป็นช่างในร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แม่ของเธอเป็นแม่บ้าน แต่ด้วยฐานะที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้แมรี่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 15 ปี หลังจากนั้นเธอก็ทำงานรับจ้างไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอายุ 19 ปี เธอพบกับไบรอัน เมย์ (มือกีตาร์วง Queen) ที่คอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดทกัน แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด แต่ก็ยังคงติดต่อกันเสมอในฐานะพี่ชายและน้องสาว

วันหนึ่ง.... ไบรอันพาแมรี่มาแนะนำให้กับเพื่อนร่วมวง ซึ่งในขณะเฟรดดี้ก็อยู่ด้วย เขาหลงใหลและประทับใจแมรี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และเฟรดดี้เริ่มที่จะถามไบรอันเกี่ยวกับแมรี่อยู่เสมอ ไบรอันดูออกว่าเพื่อนของเขาหลงรักแมรี่เข้าให้แล้ว จึงหลีกทางให้เฟรดดี้
เฟรดดี้เริ่มที่จะไปหาแมรี่ที่ร้านเสื้อผ้าชื่อ Biba ที่เธอทำงานอยู่เสมอ บางครั้งก็ไปคนเดียว บางครั้งก็ไปกับโรเจอร์ เทย์เลอร์ (มือกลองวง Queen) เขาใช้เวลาไปหาแมรี่ที่ร้านนี้อยู่ 6 เดือน จนในที่สุดเขาก็ขอแมรี่ไปเดทในวันเกิดอายุครบ 24 ปีของเขา

ในเดทแรกของทั้งคู่ เฟรดดี้อยากดู Mott The Hoople ที่ Marquee Club แต่เขาไม่มีเงินมากพอ... หลังจากนั้นก็ตัดสินใจคบกัน

ต่อมาในวันคริสมาสต์ เฟรดดี้ซื้อแหวนวงหนึ่งให้แมรี่ และขอเธอแต่งงานในวันนั้น แล้วทั้งคู่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่อพาร์ตเมนต์ของเขา

เฟรดดี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า "ความรักเป็นสิ่งที่ยากที่จะประสบความสำเร็จ และความรักก็สามารถทำให้คุณผิดหวังได้มากที่สุด ผมได้สร้างความผูกพันอันยิ่งใหญ่กับแมรี่ และเธอก้าวผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ กับผม และอยู่เคียงข้างผมเสมอ"

ในช่วง 6 ปีให้หลัง แมรี่สังเกตุได้ถึงความผิดปกติของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟรดดี้ แมรี่ตัดสินใจจะคุยกับเขาเรื่องนี้ สุดท้ายเฟรดดี้ก็ยอมรับกับแมรี่ว่าเขาเป็น Bisexual หรือรักร่วมสองเพศ และเขาคิดว่าเขาชอบผู้ชาย

แมรี่นั่งฟัง และเฟรดดี้เองก็มองเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขากอดเธอแล้วบอกกับเธอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขายังต้องการให้เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาเสมอ แมรี่ตัดสินใจจะย้ายออก แต่เฟรดดี้ยืนยันว่าเธอไม่ควรย้ายออกไปไกลจากเขา
แม้สุดท้ายความสัมพันธ์ในฐานะคนรักของพวกเขาจะจบลง แต่ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนยังคงอยู่ เธอเข้าใจและยอมรับกับสิ่งที่เฟรดดี้เป็น และไม่เคยโกรธหรือเกลียดแม้แต่น้อย
แมรี่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอดีใจที่เห็นเฟรดดี้มีความสุข

หลังจากทั้งคู่เลิกกัน เฟรดดี้มีรักครั้งใหม่ แมรี่เองก็เช่นกัน เธอพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งและแต่งงานกับเขา ภายหลังเธอก็มีลูก และเฟรดดี้ก็รับลูกชายของเธอเป็นลูกบุญธรรมอีกด้วย
เฟรดดี้เก็บเรื่องที่เขาป่วยไว้เป็นความลับ และก่อนที่เฟรดดี้จะเสียชีวิตลง เขาได้มีโอกาสคุยกับแมรี่เรื่องมรดก เฟรดดี้บอกกับแมรี่ว่ายังไงเธอเป็นภรรยาของเขา และมรดกนี่ควรจะเป็นของเธอ

หลังจากเฟรดดี้เสียชีวิตลง พินัยกรรมของเขาระบุว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่และบ้านสไตล์จอร์เจียที่ย่านเคนซิงตันที่เขารัก รวมถึงลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดตกเป็นของแมรี่ ออสตินเพียงผู้เดียว

แมรี่บอกว่าเธอรู้สึกสูญเสียครอบครัวจริง ๆ ก็ตอนที่เฟรดดี้จากไป เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ เป็นส่วนหนึ่งของลูก ๆ เธอด้วย
ไม่กี่ปีต่อมาแมรี่ก็หย่ากับสามีของเธอ และพบรักครั้งใหม่ แต่หลังจากนั้น 2 ปี เธอก็หย่าอีกหน แมรี่ตระหนักได้ว่า เฟรดดี้เป็นรักแท้ในชีวิตของเธอเสมอมา และความทรงจำของเธอที่มีร่วมกับเขาจะไม่มีวันจางหายไป

มีบทสัมภาษณ์ของเฟรดดี้อันนึงที่กินใจมาก
คือในช่วงที่เฟรดดี้ยังมีชีวิตอยู่ และภายหลังจากเลิกกับแมรี่แล้ว นักข่าวถามเฟรดดี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาและแมรี่
เฟรดดี้ตอบนักข่าวว่า...

ผมไม่สามารถรักใครได้เหมือนกับที่ผมรักแมรี่
คนรักของผมทุกคนมักถามผมเสมอว่า

ทำไมพวกเขาถึงแทนที่แมรี่ไม่ได้ล่ะ ?

ผมตอบว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เพื่อนที่ผมมีเพียงคนเดียวคือแมรี่ และผมไม่ต้องการใครอื่นอีก
สำหรับผม เธอคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย
มันคือการสมรส เราต่างเชื่อมั่นในกันและกัน
และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม

หลังจากเลิกกับแมรี่ เฟรดดี้ได้แต่งเพลง Love of My Life เพื่อบรรยายถึงความรักของเขาที่มีต่อแมรี่

"When I grow older,
I will be there at your side to remind you,
how I still love you
I still love you"

เมื่อได้รับรู้เรื่องราวความรักของเขากับแมรี่
ถึงได้เข้าใจความหมายในอีกหลายๆเพลงที่ Freddie แต่ง

จากที่เคยคิดว่า
ก็เป็นแค่เพลงที่ถูกแต่งจากจินตนาการ
กลับกลายเป็น"สาส์นจากเบื้องลึก" ของ Freddie

ไม่ว่าจะเป็น
-Love of my life
-Somebody to love

และอีกหลายๆเพลง
รวมทั้งเพลงมหากาพย์อย่าง Bohemian Rhapsody ที่ Roger Taylor มือกลองเล่าว่า....
Freddie ได้บอกความหมายแต่ละจุดให้เขาฟังถึงความรู้สึกของเขากับ Mary ที่แฝงเอาไว้ในบทเพลงนี้ด้วย

และ Roger ยืนยันว่า เขาจะไม่มีวันอธิบายถึงความลับของความหมายที่ว่านี้ให้ใครฟัง
ปล่อยให้มันตายไปกับตัวเขาเอง (หมายถึง Roger)

และเหตุผลหลักๆที่ Freddie ยกมรดกลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดของเขาให้แมรี่เพียงผู้เดียว
มีสองเหตุผล

เหตุผลแรก...
มันมีค่ามหาศาล
ทำให้เขามั่นใจได้ว่า แมรี่ คนที่เขารักที่สุด
จะมีชีวิตที่มั่นคงสุขสบายไปตลอดอายุของเธอ

เหตุผลที่สอง..
เป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด
นั่นคือ...
เขาอยากให้สาส์นที่เขียนจากเบื้องลึกหัวใจของเขาในบทเพลง

อยู่กับแมรี่ไปตลอดกาล !


อ.เอก
12/11/61
cr.https://www.facebook.com/rjarn.aek/posts/2194154684012095

Bohemian Rhapsody เอาไป 9 เลยสำหรับผม

FREDDIE นี่ใช้ชีวิตคุ้มล่ะ

ผมรอดูเรื่อง Bohemian Rhapsody ตั้งแต่รู้ว่าจะมีหนัง... บอกเลยว่า "รอ" จน "ลืม" และต้อง "แกล้งลืม" เพื่อไม่ให้มันแลดูนานเกินไป.. จนวันที่หนังเข้าโรงภาพยนตร์ในที่สุดก็ได้ดู

สำหรับคนอื่นผมไม่รู้แต่ผมแล้วมันคือ 10/10 แถมอยากให้หนังทำออกมานานกวา่นี้ด้วยกับหลาย ๆ ฉาก ๆ หลาย ๆ เรื่องราวที่หนังไม่ได้บอกละเอียดนักด้วยเพราะเวลาจำกัด.. และก็ไม่ผิดหวังกับการรอคอย

จากที่เคยมีหนังในดวงใจท๊อปเทนในลิสท์ .. Bohemian Rhapsody คือหนังอีกเรื่องที่เบียดเข้ามาในใจผมได้แบบงดงาม..

ผมก้อไปดูมา ให้ 10 เลย รอซื้อแผ่นด้วยอยากดูฉากเต็มในคอนเสิร์ต live aid เพราะในหนังเอามาแค่บ้างส่วน