มองด้านลบมากไปไหม

สมัยก่อน การหาหมอจิตแพทย์ หมายถึงเป็นบ้า ใครมันจะอยากไปหาละ

สมัยนี้เปิดกว้างขึ้น

ผมว่ามันก็ดีออกนะ ที่พวก wanna be อย่างที่ท่านว่า เริ่มกล้าไปหาหมอมากขึ้น

ผมว่าเป็นกันมานานแล้วครับ แต่สมัยก่อนยังไม่นับว่าเป็นโรคนะ

เพราะ Social network เลย พวก IG Facebook ต่างๆ
ทำให้เราเกิดความอยากได้อยากมี อิจฉาคนอื่นๆ

คนมองคุณค่าของตัวเองลดลง
ไปมองคุณค่าของคนอื่น..แล้วเอามาเปรียบเทียบ

ผมเห็นด้วยกับเม้นบนนะ คนที่เป็นจริง ๆ อะมีไม่เยอะหลอกที่เหลือช่วยมากหลอกมโนขึ้นมาเห็นว่าเป็นโรคยอดฮิตแค่นั้น

ผมเชื่อว่าคนเรายิงเห็นมากยิ่งทุกมาก รับรู้เรื่องคนอื่นมากยิ่งทุกมาก ผมลองกับตัวเองแล้วผมปิด Facebook ตัวเองมาได้อาทิตย์กว่าละ ผมรู้สึกมีความสุขมากขึ้นนะ เพราะผมไม่ต้องเสือกไปรู้ความสุขของใคร สมัยก่อนผมเห็นใครโพสเที่ยว หรือ ซื้อรองเท้า หรือ อวดนั้นนี่ผมคิดนะ ทำไมกูไม่มีบ้างวะ เห็นเด็กขายครีมโพสซื้อรถ ผมก็มานั่งคิดละ กูจะ 30 อยู่อีกไม่กี่วันละ ยังผ่อนได้แค่ jazz เลย

คือตอนปิดวัน สองวันแรกก็มึนเหมือนกันทำไรไม่ถูก ก็คิดกับตัวเองจะรับรู้อะไรกับเขาไหม สรุปทุกวันนี้ถ้าผมอยากอ่านข่าว ผมเข้าเวปข่าวสด ไทยรัฐ อยากผลบอลผมเข้า SS ไล่อ่านกระทู้ผมก็รู้มากขึ้นแล้วนะ อยากรู้อะไรอัพเดดก็เข้าเวปตรงของสิ่งนั้น ตอนนี้ผมมีความสุขขึ้นพอสมควรเลย คิดว่าคงปิดอีกอาทิตย์ก็คงกลับไปเล่นละ เพราะผมทำงานยังไงก็ต้องใช้นั้นละ แต่แค่ลองดูว่ามันจะเป็นยังไงแค่นั้นเอง

ช่วงนี้ผมก็เครียดๆ กลัวเป็นเหมือนกัน

ดาราก้ฆ่าตัวตายเยอะขึ้นนะ มันเกิดการเปรียบเทียบตลอดแม้แต่ในโลกออนไลน์
ใครไม่มีภูมิ ไม่สตรองพอ เป็นเหยือโรคซึมเศร้าง่ายๆเลย วิธีสร้างภูมิง่ายๆผมว่า ต้องพอใจในตัวเอง พอใจในส่งที่เรามี

เป็นกันทุกยุคแหละ แค่สมัยก่อนไม่รู้จักโรคนี้ ข่าวฆ่าตัวตายมีให้เห็นในหนังสือพิมพ์ตลอด

แถมยังถูกประนามเรื่องบาปเรื่องกรรมอีก

คุณรู้จัก motor tension รึเปล่าครับ การที่จะวินิจฉัยว่าคน ๆ นึงเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ใช่ว่าจะอยู่ดี ๆ จะวินิจฉัยได้นะครับ มันมี criteria ของมันอยู่ เอาจริง ๆ ผมไม่มั่นใจว่าหมอคนนั้นวินิจฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวล แล้วคุณเข้าใจผิดว่าเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า แต่ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขออภัย

ส่วนนึงอาจมีคนเครียด สุดท้ายจะฆ่าตัวตาย หรือฆ่าตัวตายไป เพราะหาทางออกไม่ได้ เลยถูกเหมารวมไปด้วย

เพราะ social network ครับ มีส่วนทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

คนส่วนใหญ่ก็ป่วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะทั้งกายหรือจิตใจ

ผมว่า โลกเราตอนนี้มันแข่งขันกันมากขึ้นอะ เกิดการเปรียบเทียบกันมากขึ้น

ลองคิดดูสมัยก่อนสิ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เกิดมา ทำงานเพียงแค่ให้พอมีกิน เกิดลูก จบ

สมัยนี้ เกิดมา ใช้ชีวิตเรื่อยๆอย่างมีความสุขไม่ได้นะ มีคนมาบอกต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ต้องประสบความสำเร็จในชีวิต อย่าเป็น Loser ต้องทำยอดขายให้บริษัท ต้องชนะคนอื่น เห้ยคนอื่นห้ามเด่นเกินหน้าฉันนะ เห้ย ลูกต้องเก่งกว่าคนอื่นนะ

ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกเช่น คนเราเหยียดคนอื่นที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ในสังคม

ผลลัพธ์คือ คนเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น

แต่ก็มีบางคนที่แค่รู้สึกเศร้าๆกับชีวิตไปแค่ระยะเวลาหนึ่ง ดันคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าก็มีเหมือนกัน

จะว่าผมมองแง่ร้ายก็ได้ มีไม่น้อยผมว่าซึมเศร้ามโน

เคสนึงที่ทำให้คิด เพื่อนผมคนนนึงบอกในเฟสทุกวันว่าเป็นโรคซึมเศร้า บอกว่าป่วยตลอด

ถ่ายรูปแอดมิตรพ. ถ่ายรูปแขนเจาะสายน้ำเกลือ แต่พอคลิกขวา search by google ก็เจอรูปว่ามาจากเน็ต


depress จนทำให้มีพฤติกรรมแบบนั้นก็ไม่รู้ เห็นเช็คอินที่่รพ.บ่อยมาก แล้วไม่ค่อยซ้ำที่ด้วยนะ

ไปบ่อยมาก แต่บอกหมอหาโณคไม่ได้ จริงๆหมอน่าจะสงสัย munchausen อยู่บ้างนะ

ผมว่าเมื่อก่อนก็มีเยอะ แต่โรคนี้ยังไม่ค่อยรู้จักกันเลยถูกมองเป็นแค่เครียดมากไปเฉยๆ