(FCB) 10ปีของบุสเก็ตส์กับคำสอนของโยดา เป๊บและโยฮัน ครัฟฟ์
ปี2008-09 บาร์ซ่าเปิดม่านเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้การทำทีมของโค้ชหนุ่มไฟแรง โจเซ็ป กวาร์ดิโอล่า เป๊บเปลี่ยนสตาร์แกนนำจาก รอนนี่ เดโก้ เอโต้ สู่ เมสซี่ ชาบี้ อิเนียสต้า แต่ในปีเดียวกันนี้เอง ดาวรุ่งหน้าละอ่อนรายนึงก็กำลังก้าวขึ้นมา ดาวรุ่งที่ต่อมาจะเข้ามาสร้างสมดุลให้แดนกลางได้อย่างลงตัว ชื่อของเขาคือ เซอร์จิโอ บุสเก็ตส์
ไอ้หนูบุสเก็ตในวัย19หยกๆในนัดเดบิวท์
ไอเดียการแทนที่สตาร์ที่กำลังอยู่ในช่วงพีคๆอย่างยาย่าด้วยเด็กลามาเซียโนเนมคนนึงเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ นับเป็นโชคดีของบุสเก็ตที่มีคนบ้าเป็นโค้ช เป๊บบ้าพอที่จะเสี่ยงดวงกับดาวรุ่งรายนี้
ตัวรับที่ดีในความเชื่อของคนสมัยก่อนต้องมี3ข้อ เร็ว แกร่งและสูงใหญ่ ดาวรุ่งรายนี้ดันสอบตก2ข้อแรกไปแบบไม่ต้องสงสัย แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับยาย่าที่มีทั้ง3ข้อได้เล่า?
อะไรเป็นสาเหตุให้เป๊บมั่นใจเหลือเกินว่าบุสเก็ตมีดีพอจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้ทีมได้แน่นอน?
คำตอบที่ดูจะสมเหตุสมผลที่สุดคงจะเป็น เป๊บเห็นเงาตัวเองตอนมองไปที่บุสเก็ต ทั้งคู่เล่นcdmเหมือนๆกัน สไตล์การเล่นก็คล้ายคลึงกัน ซึ่งตัวเป๊บเองก็เคยยอมรับว่าบุสเก็ตนั้นเหมือนกับตัวเองในสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่มาก
บุสเก็ตพูดถึงวันวานครั้งเมื่อเดบิวท์
"ผมตื่นเต้นสุดๆเลย ตอนนั้น 13กันยา ปี2008 ตอนนั้นทีมจะเจอกับเรซิ่ง ในอีก2อาทิตย์ ผมมารู้ว่าจะได้วันวันก่อนหน้านั้นวันเดียวเอง มันกำลังจะกลายเป็นครั้งแรกของผมที่จะได้เล่นในคัมป์นูว์"
"ทุกคนบอกให้ผมอย่าตื่นเต้น เพราะโค้ช(เป๊บ)กับผมเคยร่วมงานกันมาแล้วในทีมเบ แล้วโค้ชก็รู้จักผมดีว่าผมทำอะไรได้"
"ผมไม่เคยคิกฝันเลยว่าจะได้สัมผัสถ้วยแชมป์ต่างๆ ได้เล่นเกมแชมป์เปียนส์ลีค รวมทั้งประสบการณ์ต่างๆนาๆ"
"ผมคิดว่าผมเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์ขึ้นนะ จากการลงเล่นไปหลายๆปี ตอนนี้ผมนิ่งขึ้นด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้น"
อีกหนึ่งจุดขายของบุสเก็ต ลูกจ่ายตัดไลน์
อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในซีซั่นแรกของบุสเก็ตก็คือโยฮัน ครัฟฟ์ได้กล่าวชื่นชมดาวรุ่งรายนี้และทำนายทายทักว่าเจ้าหนูคนนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของทีมในอนาคตอันใกล้ได้แน่นอน....
คำชมจากบุคคลที่เปรียบเสมือนพระเจ้าของบาร์ซ่าแม้จะหอมหวานแต่ก็มาพร้อมความกดดันมหาศาล
.....1ปีผ่านไป บุสเก็ตก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงให้กับทีมได้สำเร็จ เกิดเป็น3ประสานในแดนกลาง แม้คนทั่วไปจะมองไม่เห็นหัว แต่ดาวเตะวัย20ยังก้มหน้าก้มตาทำงานจนไปเตะตาลุงหนวด เดลบอสเก้ที่กุมบังเหียนทีมชาติในเวลานั้น
"บุสเก็ตเป็นนักเตะที่มักจะคิดถึงภาพรวมของทีมไว้ก่อนเหนือสิ่งอื่นใด นั่นแหละที่ทำให้เขาโดดเด่นในแบบของตัวเอง" ลุงหนวดได้กล่าวไว้
นับจากวันที่เดบิวท์จวบจนถึงปัจจุบัน10ปี บุสเก็ตสวมใส่เบอร์5พร้อมสืบทอดจิตวิญญาณของอดีตเอลกัปปิตันของทีมอย่างปูโยลเอาไว้
10ปีที่สวยงาม 486นัดในสโมสร 13ประตู ลาลีก้า7สมัย โคปาเดลเรย์6สมัย ซุปเปอร์โคปา6สมัย แชมป์เปียนส์ลีค3สมัย ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ3สมัย และแชมป์สโมสรโลก3สมัย
"บุสเก็ตนะหรอ เขาก้าวข้ามผมไปไกลแล้ว นี่รู้อะไรมั้ย ถ้าผมย้อนเวลากลับไปเตะบอลได้อีกครั้งผมอยากจะเก่งให้ได้เท่าเขานั่นแหละ" เป๊บพูดถึงอดีตศิษย์เอกรายนี้พร้อมรอยยิ้มบางๆ บางทีการสั่งสอนและเฝ้าดูการเติบโตของกองกลางเชิงสูรายนี้อาจจะเป็นหนึ่งในงานระดับมาสเตอร์พีชของเป๊บก็เป็นได้
หากศิษย์นั้นไปได้ไกลกว่าตัวอาจารย์ ก็ถือว่างานของอาจารย์ผู้สอนได้สำเร็จไปแล้ว ดังเช่นที่ครั้งหนึ่งโยฮัน ครัฟฟ์ได้กล่าวถึงเป๊บไว้ว่าเขาไม่มีอะไรต้องชี้แนะหรือสั่งสอนเป๊บอีกต่อไป วิชาทั้งหมดในตัวเขาได้ส่งต่อไปให้กับเป๊บไปหมดแล้ว (ในด้านโค้ช)
เฉกเช่นเดียวกับที่เป๊บได้ส่งต่อองค์ความรู้ เทคนิคต่างๆในการเล่นในตำแหน่งของตัวเองไปให้กับบุสเก็ตทั้งหมดแล้วเช่นเดียวกัน
เฉกเช่นเดียวกับปรมาจารย์เจไดตัวเขียวได้เคยกล่าวไว้(งงละสิว่าเนื้อหามันเกี่ยวอะไรกับหัวกระทู้55 เกี่ยวตรงนี้แหละ)
"ศิษย์นั้นต้องไปได้ไกลกว่าตัวเรา นี่คือหน้าที่แท้จริงของเหล่าอาจารย์"
"We are what they grow beyond. That is the true burden of all masters."
10ปีและอีก1วันก่อนเซอร์จิโอ บุสเก็ตส์ลงสนามในนัดเดบิวท์ และที่เหลือคือประวัติศาสตร์และตำนาน!
อ้างอิงบางส่วน
https://www.fcbarcelona.com/football/first-team/news/2018-2019/video-sergio-busquets-i-never-would-have-imagined-winning-so-many-titles?utm_source=twitter&utm_medium=fcbarcelona&utm_campaign=83b4e811-e385-4480-938b-e0d6dba46712
http://www.marca.com/en/football/barcelona/2018/09/13/5b998f5d468aeb0e7d8b45be.html