ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โพสต์เฟซบุ๊ค Thon Thamrongnawasawat มีใจความว่า #เรื่องยาววันหยุด ผมจะเล่าเรื่องที่ผมคิดว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปราดเปรื่องที่สุด แน่นอนว่าพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในทุกด้าน ดังที่เราทราบกันดี
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งผมไม่เคยเห็นว่าใครทำได้อย่างพระองค์ในโลกที่ผู้คนต้องการฮีโร่ เราจะเห็นผู้นำของคนแต่ละกลุ่ม
ผมเน้นย้ำว่าแต่ละกลุ่ม
ในกลุ่มคนที่ด้อยโอกาส มีฮีโร่ที่พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง คนพวกนั้นเรียกร้องและผลักดัน โดยยึดถือประโยชน์ของกลุ่มที่หนุนหลังเขาเป็นที่ตั้ง
ในกลุ่มคนที่มีโอกาส ก็มีผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทุ่มสุดตัวดันให้เกิดการลงทุน เศรษฐกิจ ฯลฯ โดยยึดถือประโยชน์ของพวกเขาเป็นเอกอุ
ในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา หากลองย้อนพิจารณา เราจะเห็นฮีโร่เช่นนี้ทั้งนั้นผู้นำหลายคนเป็นฮีโร่สำหรับนายทุน ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยมหาศาล แต่เกิดความแตกแยกของชนชั้น คนจนไม่ยกย่อง เช่นเดียวกัน นายทุนก็ไม่ชอบคนอย่างเช กูวารา หรือนักปฏิวัติเพื่อปากท้องชาวบ้าน เพราะคนเช่นนั้นไม่เห็นความสำคัญของเศรษฐกิจเสรี ไม่สนใจการลงทุน
แล้วมีไหมคนที่เป็นฮีโร่ของคนทั้งสองกลุ่ม ?
ผมยังไม่ตอบตอนนี้ ขอขยับไปสู่อีกประเด็น การอนุรักษ์และการพัฒนา นักอนุรักษ์ส่วนใหญ่ก็ต้องอนุรักษ์จ๋า เกลียดการพัฒนาทุกรูปแบบ นักพัฒนาก็ต้องพัฒนาเข้าไว้ เราจะดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุด (แต่น้อยกว่าโรงงานของเรานิดนึง)
สมดุลที่โลกตามหา คือ สมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนา
ฮีโร่ที่โลกตามหา คือ คนที่สามารถนำทั้งสองเรื่องมาผสมผสานเป็นเรื่องเดียว ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดผลกระทบให้มากที่สุด นั่นคือสโลแกนของโลกอุดมคติ
แต่มีบ้างไหม ฮีโร่ในโลกแห่งความเป็นจริง ?
คราวนี้มาดูผลงานของพระองค์
พระองค์สร้างเขื่อน แต่พระองค์ก็รักษาป่า
พระองค์เปิดโรงแยกก๊าซโรงกลั่นน้ำมัน แต่พระองค์ก็ดูแลทะเล
พระองค์ปลูกต้นไม้ พระองค์ก็ตัดถนน
พระองค์เป็นกษัตริย์นักพัฒนา แต่พระองค์ก็เป็นกษัตริย์นักอนุรักษ์
พระองค์เป็นพ่อหลวงของชาวเขา เป็นพ่อพระของคนยากไร้ในแดนกันดาร
แต่พระองค์ก็เสด็จเป็นประธานในงานลงทุนขนาดยักษ์ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ถ้อยคำกล่าวถึงผลงานของพระองค์จึงมาจากคนทั่วสารทิศ จาก CEO บริษัทใหญ่ที่สุดของประเทศ
จากผู้ยากลำบากทั่วแผ่นดิน
จากคนที่อยู่กับป่ากับทะเลมาตลอดอายุขัย และจากคนที่อยู่กับการสร้างนั่นสร้างนี่มาตลอดชีวิต
ผมพยายามหาคนเช่นนี้ในอดีต คนที่เมื่อไม่อยู่แล้ว สามารถทำให้นายทุนร้องไห้ ทำให้คนยากร่ำไห้
คนที่เมื่อจากไป ทำให้นักพัฒนาเศร้าใจ ทำให้นักอนุรักษ์ปาดน้ำตา
ผมหาไม่เจอ…
นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่า นี่แหละคือความสามารถสูงสุดของพระองค์
การก้าวไปแบบไม่เอียงซ้าย ไม่เอียงขวา แต่ตรงไปข้างหน้า
ไม่เลือกนายทุน ไม่เลือกชาวบ้าน ไม่เลือกคนยาก แต่ก็ไม่เลือกคนรวย
เพราะพระองค์ทรงเลือก “คนไทย”
แล้วต่อจากนี้เราจะไปกันต่ออย่างไร ?
ผมไม่เชื่อว่าโลกจะมีคนอย่างพระองค์อีกแล้ว
ในอดีตไม่เคยมี ในอนาคตก็ใช่ว่าจะมี
พระองค์คือความโชคดีสูงสุดของคนไทย
เคราะห์ดีที่เหลืออยู่ของพวกเรา คือ พระองค์ยังทรงจารึกไว้ในแผ่นดิน
หากพวกเราเรียนรู้และช่วยกัน
คนหลายล้าน ช่วยกันทำในสิ่งที่คนเดียวสามารถทำได้
แต่คนเดียวคนนั้นไม่อยู่กับเราแล้ว
เราปล่อยให้เป็นภาระของเขาไม่ได้แล้ว
เราต้องช่วยกัน
มองหน้าอีกฝ่ายให้เต็มตามากขึ้นหน่อย
คิดถึงผลประโยชน์ของเรา แล้วคิดถึงของเขาบ้าง
คิดถึงนกถึงปลา ถึงฟากฟ้าและสายน้ำ ถึงเศรษฐกิจและรายได้
คิดถึงให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงมือทำ
และก่อนทำ ย้อนคิดอีกนิด
คิดถึงพระองค์ และสิ่งที่พระองค์รักมากที่สุด
คิดถึง…คนไทย
ที่มา
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-62067