ทำไมหลายๆคนถึงบอกว่าตัวเองเห็นผี??
เห็นมีมู้ผีๆเยอะเหลือเกินหลายคนก็หลายความเห็น มีจริงบ้าง ไม่มีบ้าง มู้นี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อบอกว่า ผีมีจริง หรือ ผีไม่มีจริง แต่เราจะพยายามมาอธิบายกัน ว่าอะไรคือ ผี
ย้ำ!! เราจะอธิบาย ไม่ใช่สนันสนุน หรือต่อต้าน แต่อธิบาย ว่าอะไรคือผี ทำไมคนมากมายถึงเคลมว่าพวกเค้าเห็นผี??
อันดับแรกความเชื่อเรื่องผี เกี่ยวข้องกับความเชื่อหลังความตาย และไม่ใช่แค่ที่ไทยที่เราสงสัยว่า
ตายแล้วไปไหน? แต่คนทุกวัฒนธรรมสงสัยครับ และทุกคนเชื่อว่า ผี นี้แหละที่มาหลังความตาย แต่ที่เราต้องการไม่ใช่ความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้เพราะนั้นคือความงมงาย เราจะลองมาหาเหตุผลเพื่ออธิบายความเชื่อด้วยความรู้ ให้ความเชื่อกลายเป็นความจริง และตอบว่า
ผีมีจริงไหม??
แต่อะไรคือผีครับ? อะไรคือนิยามของคำว่าผี?
สิ่งของตกเองจากชั่นวาง = ผี
เงา หมอก หรือ เบ้า ในรูปภาพ = ผี
ร่อยลองปริศนาตามพื้น รอยเท้า ชิ้นส่วนผ้าปริศนา = ผี
เสียงหมาหอน = ผี
ประตูเปิดปิดเองผับๆๆ = ผี
เสียงต่ำๆหวิวๆปริศนาท่ามกลางความเงียบ = ผี
ลุกจากที่นอนไม่ได้ พูดไม่ได้ = ผี
เดินละเมอ จำอะไรไม่ได้ = ผี
นิยามของคำว่าผีกว้างมาก กว้างเกินที่จะทำงานวิจัยแบบเฉพาะเจาะจงได้ แต่มันมีความคล้ายคลึงกันอยู่นะครับ คือ:
1) ผีเป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจน
2) ผีเป็นสิ่งไม่รู้ที่มาที่ไป
และเป็นเรื่องปกติมากสำหรับสัญชาตญาณมนุษย์ ที่เราจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ เราลองเอาเคสในอดีตมาเป็นตัวอย่างนะครับ
เคส1: เมื่อก่อนฟ้าผ่า คนไม่รู้เพราะอะไร เราก็ปกผิดความกลัวตัวเองความที่ตัวเองไม่รู้ และบอกว่าพระเจ้ากำลังโกรธ ทุกวันนี้เราพิสูจน์ได้ว่ามีประจุไฟฟ้าในก้อนเมฆ ความเชื่อกลายเป็นความรู้ ความงมงายก็หายไป
เคส2: เมื่อก่อนเจอภัยแล้งฝนไม่ตก คนแห่บูชาสัตว์กันเพื่อขอฝน เพราะไม่รู้ว่าทำไมฝนหายไป ไปโทษสัตว์โทษสิ่งลี้ลับ ทุกวันนี้รู้ว่าเป็นเพราะฤดูกาลและสามารถสร้างฝนเทียมได้ พอมีความรู้กิจกรรมทางความรู้สึกที่ไม่มีเหตุผลก็หายไป
เคส3: เมื่อก่อนเจอโรคแปลกๆ คนสติไม่ดีไม่สมประกอบ เราหาว่าผีเข้า ทุกวันนี้เราใช้วิทยาศาสตร์+เคมีต่างๆในร่างกายอธิบาย สามารถรักษาโรคได้นับไม่ถ้วน แถมยังตั้งชื่อให้โรคใหม่ได้ด้วย เช่น โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว (Bipolar Disorder) โรคผีเข้า/โรคภูมิแพ้ตัวเอง (NMDA receptor)
เหลืออีก1คำถามที่ต้องตอบ
“คนตายแล้วไปไหน?” ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า ความรู้สึกนึดคิดต่างๆเกิดจากกระบวนการเคมีในร่างกาย มีพลังงานไฟฟ้าในสมองเราสั่งให้เราคิด สั่งให้เราเศร้า สุข ร้องไห้ เครียด บวกกับฮอร์โมนอีกมากมายที่ทำหน้าที่นี้ เพราะฉะนั้น คนมันก็แค่ก้อนพลังงานเดินได้ที่มี feature เพิ่มมาคือ ความรู้สึก คนตายก็หมายความว่าพลังงานหมดไป พลังงานถูกเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊สก๊าซ และของเหลวต่างๆ ความตายคือแค่นี้ครับ
แต่ถ้าผีไม่มีจริง ทำไมหลายคนถึงเคลมว่า ตัวเองเคยเห็น??
คุณเห็นผีไม่ได้แปลว่าคุณบ้า หรือมันเป็นเรื่องไร้สาระ หรือสิ่งที่คุณเห็นมันไม่จริง แค่มันต้องการคำอธิบาย ว่า คุณเห็นอะไร?
เห็นได้ยังไง? และวิทยาศาสตร์อธิบายได้ครับ
1)
INFRASOUND: คลื่นเสียงที่ต่ำกว่า20Hz เกิดได้จากหลายอย่าง เช่น สภาพอากาศ ปลาวาฬ หรือแม้แต่ พัดลม กับ เครื่องยนต์ต่างๆ มีงานวิจัยจากปี 1998 โดย Vic Tandy, The Ghost in the Machine หาในกูเกิ้ลได้ครับ สรุปความว่า
คลื่นinfrasound ที่สัมผัสมนุษย์ จะชักนำให้เกิด ความเครียด ความรู้สึกวาบหวิว ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งอยู่ใกล้ๆเรา ได้ ยิ่งกว่านั้น infrasound ยังทำให้เกิดภาพหลอนได้ เพราะที่คลื่นที่ต่ำระดับ18Hz
ถึงแม้เราจะไม่ได้ยิน แต่มันสั่นสะเทือนต่อโครงสร้างตามนุษย์ได้ และทำให้เราเห็นในสิ่งที่มันไม่มีอยู่ตรงนั้น
2)
SLEEP PARALYSIS: เป็นชื่อโรคที่มีลักษณะว่า คุณรู้สึกว่าคุณตื่นและมีสติ แต่ไม่สามารถขยับตัวหรือพูดได้ และมุมมองที่คุณเห็นจะไม่ชัด ทำให้คุณคิดว่าคุณจะเห็นเงาคน ลูกแก้ว อะไรต่างๆ เป็น sleeping disorder ชนิดหนึ่ง เกิดจากความเครียดสะสม อ่อนล้า เพลีย การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในร่างกาย ในขณะที่เรานอน สมองไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ขณะที่เรานอน
3)
GRIEF (ความเศร้า): บ่อยครั้งหลังจากที่เกิดการสูญเสียคนที่เป็นที่รัก คนสูญเสียจะอ้างว่าได้
พบเจอ มองเห็น ได้ยินเสียง หรือรู้สึกได้ถึงความเป็นอยู่ ของคนๆนั้น ซึ่งของไทยเจอบ่อยมากในงานศพ ซึ่งหนังสือ Hallucination ของ Oliver Sacks นักประสาทวิทยา อธิบายว่า มันเป็นกลไกในร่างกายที่สร้างขึ้นมาเพื่อปรับสมดุลไม่ให้คุณเศร้าจนคุณตกอยู่ในภาวะที่เป็นอันตราย ใช่ครับ
ภาพหลอนไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้คุณกลัวแต่เพื่อปรอบโยนคุณมันเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการรักษาของร่างกาย เพราะการสูญเสียครั้งใหญ่ทิ้งช่องโหว่เบ้อเร้อในชีวิตคุณ และการมีอยู่ของกลไกจะช่วยให้ช่องโหว่นั้นเล็กลง ให้ร่างกายค่อยๆรักษาความสุญเสียได้ง่ายขึ้น
4)
HOPE & FEAR (ความหวังและความกลัว): ธรรมชาติมนุษย์ทุกคนกลัวความตาย และ
ความหวังที่ว่าผีมีจริง สามารถมาเติมเต็มช่องโหว่ความกลัวความตายของมนุษย์ได้ เพราะว่าถ้าผีมีจริง ความตายก็จะไม่มีจริง เราจะแค่เปลี่ยนเป็นผี คนรักเราไม่ได้จากไปไหน เค้าจะยังอยู่รอบๆตัวเราและมีอยู่จริง ความเชื่อเรื่องผีจึงโต้เถียงยากมาก เพราะทุกความกลัวมันทรงพลังและอยู่เหนือเหตุผลครับ
สรุป: นิยามของผีกว้างมากครับ กว้างจนเราไม่รู้จะเริ่มพิสูจน์ตรงไหน คนเจอก็พิสูจน์ไม่ได้คนจะพิสูจน์ก็ไม่เคยเจอ แต่จากคำอ้างของผู้เจอเราเอามามัดรวมๆกันและสรุปว่า ผีคือสิ่งที่คนไม่รู้ เราไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรและเราก็ขี้เกียจหาคำอธิบายเราโทษเป็นผีหมด มันง่ายดี ทั้งๆที่หลายอย่างพิสูจน์ที่มาที่ไปได้แล้วว่าทำไมคุณถึงเห็นผี แต่ความเชื่อเรื่องผีนั้นแหละที่มีจริง และสำคัญกับมนุษย์มากๆด้วยมันเป็นกลไกทางร่างกายที่ธรรมชาติออกแบบมาเพื่อรักษาเราจากความเศร้า เราต้องแยกแยะไม่ใช่เอามาปนกันหมดจนเกิดเป็นความงมงาย มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหตุผลครับ ถ้าคุณจะอ้างว่าผีมีจริง คุณต้องพิสูจน์ไม่ใช่มาอ้างว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ หาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาหักล้าง เปลี่ยนความเชื่อด้วยความรู้ ให้เป็นความจริงดีกว่าครับ
***สุดท้ายถ้าทั้งหมดเป็นจริง สิ่งที่คนกลัวคือ
“ความไม่รู้” หรือ
“ผี” ครับ???
ที่มา ครับ
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุข ใช้ชีวิตด้วยเหตุผลครับ