BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2018
ตอบ: 210
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jun 16, 2018 11:16
ถูกแบนแล้ว
ศึกสายเลือดระหว่าง Puma กับ Adidas ที่ทำให้ชาวโลกได้ยลโฉมรองเท้าที่ดีที่สุด



ถ้าพูดถึงแบรนด์กีฬาที่ทรงอิทธิพลในโลกคงจะมีชื่อของ Puma กับ Adidas อยู่เป็นแน่แท้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเจ้าของ และผู้ก่อตั้งทั้งสองแบรนด์นี้เป็นพี่น้องกัน ที่เริ่มแรกทำงานด้วยกัน แต่เกิดขัดใจกันจนเป็นเรื่องราวบาดหมางเกือบทศวรรษ

ย้อนไปเมื่อปี 1920 ชายผู้หนึ่งชื่อว่า Adolf Dassler เป็นลูกชายของช่างทำรองเท้า อาศัยอยู่ในประเทศ Germany ต้องการผลิตรองเท้าสำหรับนักวิ่งที่มีเดือยแหลมใต้รองเท้าเพื่อเพิ่มประะสิทธิภาพในการวิ่ง โดยในตอนนั้นรองเท้าของพวกเขายังเป็นแถบสี 2 เส้น ไม่ได้เป็นสามขีดแบบทุกวันนี้








Adolf หรือ Adi Dassler เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาของเขาเองหลังจากกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และพี่ของเขา Rudolf (Rudi) Dassler ร่วมทำธุรกิจในนาม Dassler Schuhfabrik (Dassler Brothers Shoe Factory) ซึ่งสามารถขายรองเท้าได้ถึง 200,000 คู่ต่อปี พี่น้องก็ happy มีความสุขกันไป

ภาพตัดมาที่ช่วงก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสองได้มาเช่าพื้นที่ทำโรงงานผลิตรองเท้ากีฬาในปี 1927 และปีต่อมา รองเท้าของตระกูล Dassier ได้ถูกใช้ในกีฬา Olympic ที่ Amsterdam เป็นครั้งแรก และได้ออกสินค้าใหม่เป็นรองเท้าเทนนิสในปี 1931




Jesse Owen นักกีฬาวิ่งทีมชาติสหรัฐอเมริกา


จุดเปลี่ยนสำคัญของรองเท้า Dassler คือในปี 1936 ที่ Jesse Owens ผู้กวาดเหรียญทอง 4 รางวัลในการแข่งขัน Berlin Olympic Games ได้สวมรองเท้ากีฬาของ Dassler ในการเข้าแข่งขัน ทำให้รองเท้าของ Dassler เป็นที่ยอมรับกว้างขวางมากขึ้นในหมู่นักกีฬา และปีเดียวกันนี้เองลูกชายของ Adi Dassier ได้กำเนิดขึ้นมีชื่อว่า Horst Dassler






เมื่อถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานถูกพวก Nazis เข้าครอบครอง และสั่งให้ผลิตรองเท้าบูทเพื่อทหารของเยอรมัน และ Rudolf ถูกเรียกตัวให้ร่วมรบกับกองทัพเยอรมันด้วย และเขาก็ถูกทหารของ Allied จับในฐานะนักโทษสงคราม เขาต้องใช้ชีวิตเป็นนักโทษสงครามอยู่ในค่ายทหารถึง 1 ปี

หลังสงครามจบเขาก็ได้กลับมาที่ โรงงาน Dassler ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว บ้างก็ว่า Rudolf โกรธเรื่องแฟนสาวของตน มีใจให้พี่ชาย บ้างก็ว่าเพราะพี่ชายไม่ไปเจรจาต่อรองเพื่อขอแลกนักโทษ บ้างก็ว่าอาจเป็นเพราะบริษัทเติบโตเร็ว และไปได้ดีเกินไป จนการจัดสรรผลประโยชน์กลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่างสองพี่น้อง






ต่อมาในปี ค.ศ. 1948 ด้วยผลประโยชน์ Rudolf Dassler ตัดสินใจแยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่เอง โดยใช้ชื่อบริษัท พูมาอาเกรูดอล์ฟดาสส์เลอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นผู้ผลิตรองเท้าและอุปกรณ์กีฬายี่ห้อ Puma โดยใช้ สิงโต Puma หรือ สิงโตภูเขา เป็นสัญลักษณ์ เนื่องจาก Puma เป็นสัตว์ที่ปราดเปรียวกระฉับกระเฉงสามารถปีนป่ายภูเขาได้เป็นอย่างดี



Rudolf ขณะร่วมออกแบบรองเท้า Puma


ในขณะที่ Adolf ก็ตั้งบริษัทของตัวเองภายใต้ชื่อ Adidas โดยการรวมชื่อกับนามสกุลของเขา [Adi+Dassler=Adidas] โดยใช้ลักษณะเฉพาะของแถบ 3 แถบเป็นโลโก้ โดยเพิ่มเข้าไปอีก 1 แถบจากโลโก้เดิมของ Dassler และเมื่อทำธุรกิจแบบเดียวกัน ย่อมต้องห่ำหั่นกันเป็นเรื่องธรรมดา ถึงขนาดที่ว่าสองพี่น้องไม่เคยกลับมาคุยกันอีกเลย และสร้าง Attitude ให้กับคนในบริษัท และครอบครัวที่ว่า ลูกหลานจะต้องไม่เรียนในที่เดียวกัน บริษัทจะดื่มเบียร์ต่างชนิดกัน ห้ามสุงสิงกัน



Adolf ขณะออกแบบรองเท้าสตั๊ดให้ทีมชาติเยอรมนี


การแข่งขันก็ดำเนินเรื่อยมาจนเมื่อ Adolf เสียชีวิต ธุรกิจตกอยู่ในมือของลูกชายซึ่งย่ำแย่ลงอย่างหนัก จนต้องขายให้ Bernard Tapie ผู้มาซื้อกิจการไปดูแลต่อ แต่เมื่อ Tapie ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยจากการกู้เงินมาซื้อ Adidas จึงคืนให้กับธนาคารเครดิตลีอองส์ ธนาคารแปลงหนี้เป็นหุ้น แล้วขายหุ้นให้กับ Robert Louis- Dreyfus เมื่อปี ค.ศ. 1993 ในราคา 4.485 พันล้านฟรังก์ ซึ่งสูงกว่าหนี้ที่ Tapie กู้จากแบงค์มา 2.85 พันล้านฟรังก์เสียอีก เรียกว่าหวานหมูธนาคารกันเลยงานนี้



เปเล่นักฟุตบอลชื่อดังชาวบราซิล


ต่างกับ Puma ที่ได้นักกีฬาระดับโลกหลายคนไม่ว่าจะเป็น เปเล่ ไข่มุกดำของบราซิลที่พาทีมคว้าแชมป์โลกด้วยรองเท้าพูม่า หรือจะเป็น ดีเอโก้ มาราดอนน่า หัถษ์พระเจ้าที่ช่วยให้ทีมชาติอาเจนติน่าผงาดคว้าแชมป์โลก และนี้ก็ทำให้แบรนด์ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนใครๆ ก็ต้องใช้ Puma ในขณะนั้น





แต่เมื่อการแข่งขันอยู่ในสายเลือด Adidas ก็ไม่ยอมให้ Puma ได้ดีอยู่ฝ่ายเดียว หลังวุ่นวายอยู่กับการเปลี่ยนเจ้าของมาหลายมือ ก็หันมามุ่งสร้างแบรนด์กันอีกครั้ง และเหมือนถูกหวย เลือก Presenter ถูกคน Adidas ได้ มาร์ค สปิตซ์ ยอดนักว่ายน้ำชาวอเมริกัน ถือรองเท้า Adidas รุ่น Gazelles ในพิธีรับเหรียญทองโอลิมปิกปี 1972 ไหนจะได้ทีมชาติเยอรมันตะวันตก ที่ประกาศศักดาคว้าแชมป์โลกภายใต้อุปกรณ์ของ Adidas ก็ทำให้แบรนด์กลับมาได้รับความนิยมขึ้นมาได้อีกครั้ง





เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ว่าทั้งชีวิตของ Rudolf และ Adolf ไม่เคยคุยกันอีกเลย และปล่อยให้ความบาดหมางล่วงเลยมาจนสสยเกินแก้ ทั้งคู่เหมือนปรปักษ์กันมาตลอด ทั้งสิทธิการฟ้องร้อง การลอกเลียนแบบมามากว่า 60 ปี แต่ล่าสุดเมื่อปี 2009 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้งสองบริษัทก็ได้ทำการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ เพราะเขาได้จัดเตะบอลกระชับมิตร เป็นกิจกรรมที่สองแบรนด์ออกเพื่อสนับสนุน หน่วยงาน One Day Peace





จากเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องร้ายสำหรับครอบครัว Dassier ที่พี่น้องร่วมสายเลือดไม่ยอมพูดคุยกันเลยตลอดชีวิต แทบจะไม่เผาผีกันเลย แต่มันเป็นเรื่องโชคดีของชาวโลก เพราะแรงแค้นตัวนี้ กลับไปเป็นตัวพลักดันให้ทั้งสองพยายามผลิตอุปกรณ์กีฬาคุณภาพสูงเพื่อมาแข่งขันกับอีกฝ่าย ด้วยความที่ไม่ยอมกัน ทำให้ชาวโลกได้รับนวัตกรรมรองเท้าที่ดีที่สุดไปโดยปริยาย





Credit: Unlockmen

อ่านแล้วน่าสนใจดีครับ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าต้นกำเนิดมาจากครอบครัวเดียวกัน แล้วตีกันเอง Brand ดีทั้งคู่

แต่ส่วนตัวชอบใช้ Adidas มากกว่า คงติดBrandนี้ไปแล้ว


แก้ไขล่าสุดโดย ว่าว เมื่อ Sat Jun 16, 2018 11:27, ทั้งหมด 5 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: ลูกเขย มูริญโญ่
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Oct 2013
ตอบ: 5225
ที่อยู่: บ้านมูริญโญ่
โพสเมื่อ: Sat Jun 16, 2018 16:18
ศึกสายเลือดระหว่าง Puma กับ Adidas ที่ทำให้ชาวโลกได้ยลโฉมรองเท้าที่ดีที่สุด
สรุปใครเป็นพี่เป็นน้องอ่ะครับ

ช่วงต้น adolf และพี่ของเขา rudolf


ส่วนตอนrudolf ไปสงครามโลก โกรธที่แฟนตัวเองไปมีใจให้พี่ชายของเขา



โอยย งง55555

ชี้แจงผมทีเถิด

โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

via GIPHY


ยินดีเป็นเพื่อนและแลกเปลี่ยนทัศนะกับทุกคนทุกทีมนะครับ แอดมาได้เลยครับ
ส่วนตัวเป็นติ่งพ่อมู เชียร์แมนยู และ ชอบบิลเบา
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel