[บทความ] ปัญหาอุบัติเหตุบนถนนต้องเป็นวาระเเห่งชาติ
จากข่าวหลายๆข่าวที่ผ่านมา ที่ผ่านหูผ่านตากันจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติไปเเล้ว มันทำให้เห็นว่า อุบัติเหตุทางท้องถนน ณ ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเเล้วนะครับ เรียกได้ว่า ท้องถนนของประเทศไทย เป็นทุ่งสังหารก็ว่าได้ เเละความน่ากลัวมันมากกว่าที่เราคิดไว้มากๆนะครับ
"ผลการศึกษาปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศ 21,429 ราย ลดลงจาก ปี 2555 ที่มี 23,601 ราย เท่ากับเสียชีวิต 32.90 รายต่อแสนประชากร ทุก 24 นาที จะมีคนเสียชีวิตบนท้องถนนอย่างน้อย 1 คน จำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุ 3 ใน 4 หรือ 76 % (857,572 คน) ใช้รถ จยย. รองลงมาเป็นจักรยาน 8% (99,298 คน) และคนเดินเท้า"
ข้อมูลจาก : ข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 25 สิงหาคม 2559
จากสิถิติคนตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทย
เฉพาะในห้วงเวลาหนึ่งปีที่ผมเเปะมา (ปี 2557) เป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการของจำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศอิรักที่มีสงครามในปีเดียวกันซะอีกนะครับ (รวม 20,218 คน)
อ้างอิงข้อมูลสิถิติจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเมืองในอิรักตั้งเเต่ปี 2003 - 2017 รายปี : https://www.statista.com/statistics/269729/documented-civilian-deaths-in-iraq-war-since-2003/
ว่าง่ายๆ คนที่ตายจากสงครามยังมีจำนวนน้อยกว่าอุบัติเหตุทางถนนในบ้านเราเลย ภาคใต้ว่าระเบิดกันรุนเเรงอะไรก็เถอะ ยังไม่มีจำนวนผู้เสียชีวิตเท่าคนถูกรถชนตาย เเต่หน่วยงานรัฐกลับละเลยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป อารมณ์ว่า
"อุบัติเหตุเป็นเรื่องสุดวิสัย" หรือก็ตามความเชื่อเเบบไทยๆว่า
"เเล้วเเต่เวรเเต่กรรมที่ทำมา" ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วไม่ใช่เลย มันเกิดจากหลายปัจจัยมาก อาธิเช่น
1. มาตรฐานการอบรมการสอบใบขับขี่ไม่เข้มงวด ออกใบขับขี่ให้กันง่ายๆ เเค่ผ่านทดสอบการขับขี่ง่ายๆไม่กี่ท่าก็ได้ใบขับขี่อย่างถูกต้องเเล้ว การให้ดูคลิปวิดีโอในเวลาที่นานขึ้น หรือการให้ทำข้อสอบปรนัยที่เยอะขึ้นยากขึ้น ไม่ทำให้คนขับรถระวัง หรือขับเป็นมากขึ้นเลย หากเทียบกับมาตรฐานการทดสอบเพื่อให้ได้ใบอนุญาตขับขี่ของประเทศที่พัฒนาเเล้ว เป็นคนละเรื่องกันเลย
2. มาตรฐานของการสร้างถนน เเละมาตรฐานของรูปเเบบป้ายสัญลักษณ์ สัญญาณเตือน การมีเเสงสว่างที่เพียงพอในเวลากลางคืน ยังไม่มีมากพอ โดยตามเเหล่งที่มีชุมชน หรือเเยกที่มักจะเป็นจุดบอด ต้องมีการเพิ่มสัญลักษณ์เตือน รวมไปถึงการใช้สีบนพื้นถนน ที่ทำให้คนขับเกิดการตอบสนองมากกว่านี้ในการที่จะชะลอความเร็วลง หรือระมัดระวังมากขึ้น
3. การรณรงค์ เเละตอกย้ำให้คนเห็นความสำคัญของการขับขี่อย่างปลอดภัยยังไม่เพียงพอที่จะเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของคน กระบวนการการปลูกฝังจิตใต้สำนึกในการขับขี่อย่างปลอดภัยต้องเเทรกซึมอยู่ในทุกที่ให้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณา ป้ายข้อความต่างๆที่เตือนใจ หรือโฆษณาตามสื่อต่างๆ เเทนที่จะมีเเต่โฆษณามากมายที่มุ่งเเต่ผลประโยชน์ทางการค้าเท่านั้น รัฐหรือสังคมจะมาตื่นตัวกันในระยะเวลาสั้นๆหลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ มันไม่ได้อีกเเล้ว ถ้าอยากจะหยุดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้ไม่พุ่งมากไปกว่านี้
ยังมีมาตรการอีกมากมายที่รัฐทำได้ เเละยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากพอ การพัฒนาโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการคมนาคม เช่น การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะทางรางที่ตามสิถิติเเล้วมีความปลอดภัยสูงกว่าการขนส่งทางถนนนั้น ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี เเต่การเเก้ไขปัญหาที่มันเกิดอยู่ตรงหน้าเเล้ว ผมมองว่ารัฐยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควรเลย เเละทุกคนในสังคมต้องช่วยกันด้วยในอีกด้านหนึ่่ง
เพราะปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกต่อไป ประเทศไทยต้องสูญเสียบุคลากรของชาติไปกี่คนเเล้วจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์อย่างประเมินค่าไม่ได้ ทุกชีวิตที่ต้องเสียไป อาจหมายถึงบุคลากรคุณภาพที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญได้อีกมาก