สมบัติลับ<ผีเจ้าที่>...ถ้ำขมิ้น
สวัสดีครับ... วันนี้ผมมีเรื่อง ลี้รับซ้อนเร้น ของสถานที่ท้องเที่ยวสำคัญ ประจำ อำเภอ มาเล่าสู่กันฟังนะครับ นั้นก็คือ....
ถ้ำขมิ้นนั้นเอง
ขอเกริ่นก่อนนะครับ... ถ้ำขมิ้น...ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฏร์ธานี ถือว่าเป็นสถานที่ท้องเที่ยวสำคัญที่นึง ในจังหวัดสุราษฏร์ธานีเลย
เข้าเรื่องนะครับ
อย่างที่ทราบกัน "ถ้ำ" คำๆนี้ มันมีความลึกลับ ซ้อนเร้นอยู่ในตัว เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับ ถ้ำขมิ้น นั้น มันอาจทำให้คุณกลัว หรือ แม้กระทั้งทำให้คุณอยากมาสักครั้งนึงในชีวิตได้เลย....
ต้องบอกก่อนนะครับ เรื่องที่ผมจะเล่านี้ มันแบ่งเป็น 3 ยุคนะครับ
ยุคสมัยโบราณ
Spoil
สมัยก่อน มีเจ้าเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย <เจ้าเมืองแถบมาเลย์> ได้เดินเรือทางทะเลมายัง เมืองๆนึง <มีพื้นที่เก่าตั้งอยู่ เขต อ.บ้านนาสาร> <คือสมัยก่อนพื้นที่แถบนี้ จะเป็นน้ำทะเล ท่วมสูงประมาณ ยอดภูเขาได้เลย>
พวกท่าน เดินทางมาพร้อมสมบัติ แก้ว,แหวน,เงินทอง บรรจุมาเต็มหีบขนาด 4x6 เมตร 2 หีบ นำมามอบให้เจ้าเมือง เพื่อมาสู่ขอ พระราชธิดา นางนึง ซึ่งมีพระโฉม สวยงาม<สาวใต้หน้าคม>
แต่ขะบวนเรือทั้ง 3 ลำของพระองค์ เกิดอัปปางเพราะโดนลมพายุ พัดไปฝาดกับ ยอดภูเขาลูกนึง มีแค่ พระองค์ และองค์รักษณ์ อีก 5 คน ที่รอดตายมาได้...โดยใช้วิธีการ...ลอยคอเกาะหีบสมบัติ ทั้ง 2 หีบ ลอยคอจนน้ำพัดพวกเขาทั้ง 5 พร้อมหีบสมบัติ พัดเข้าไปในช่องๆนึง...กลางหุบเขา <ปากถ้ำขมิ้น>
และแน่นอน นั้นคือพื้นที่ด้านในของถ้ำ<ขมิ้นในปัจุบัน>นั้นเอง... ในถ้ำไม่มีทั้งน้ำ ทั้งสะเบียง ถึงแม้จะมีค้างคาว หรือ รังนก แต่ก็ไม่สามารถ จับนำมาทำเป็นอาหารได้... มีแค่ทางน้ำที่ไหลมาจากด้านบนของ ผนังถ้ำ...นั้นคือสิ่งเดียวที่ยื้อชีวิตของทุกคนเอาไว้... และชะตากรรมของทุกคนใกล้ถึงจุดจบเข้ามาทุกที...
หลังจากผ่านไปได้ 4 วัน ทุกคนเริ่มมีอาการขาดสารอาหาร...ใกล้สิ้นลมเต็มที่
พระองค์เลย ตรัสกับ คนติดตาม ทั้ง 5 คนว่า...
"พวกท่านจงมีชีวิตอยู่ต่อและกลับไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด" "ข้าจะอยู่ที่นี้จะรอวันที่ข้ากลับมาเอาสมบัติทั้งหมดของข้ากลับเมืองบ้านเกิด"
และนั้นคือ คำสั่งเสียสุดท้ายที่พระองค์ ได้ตรัสไว้กับ คนติดตามทั้ง 5
แต่มี 1 ในนั้น อาสาจะอยู่เคียงข้างพระองค์ จนลมหายใจสุดท้าย
สรุป
- ทั้ง4คน เกาะหีบสมบัติเปล่าๆ ลอยออกไปวัดดวงเอา ไม่ทราบชะตากรรมทั้ง 4คน <อาจมีคนนึงรอดกลับไปยังมาเลย์>
- เจ้าเมืองและคนติดตาม มีแค่สองคนนี้ที่ไม่ได้ออกจากถ้ำ
ยุคสมัยก่อน <ราว 70-80 ปีที่แล้ว สมัยปู่ยังเด็กๆ>
Spoil
คราวนี้เข้าเรื่องยุค ประวัติศาสตร์ ที่มีการจดบันทึกแล้วนะครับ
คือสมัยก่อน...ตอนนั้นปู่ผมยังเด็กมาก ปู่เล่าให้ฟังว่า แถบนั้น<อ.บ้านนาสาร> มันเป็นป่าทึบ มีทั้งเสือทั้งช้าง คือป่าสมบูรณ์มาก...
แต่มันก็มีคนไม่น้อย ที่ยอมเสี่ยงดวงเสี่ยงชีวิตเพื่อ โอกาสกลายเป็น มหาเศษฐี...?
ใช่แล้วครับ นั้นคือ มหาขุมสมบัติ ที่ถูกเล่าขาน มาจากรุ่นสู่รุ่น "ขุมศัพท์ ถ้ำเลย์" <ชื่อก่อนเป็นถ้ำขมิ้น>
คือก่อนจะถึงยุคปู่ผม เคยมีคนเล่าต่อๆกันว่า มีชาวอังกฤษ เคยเกณชาวบ้านกับ พรานฝีมือดี ขึ้นไปขนแร่เหล็กดำ ออกมาจากปากถ้ำ <คนรุ่นหลังรู้อยู่แก่ใจสมบัติแน่นอน>
ซึ้งที่จับต้องได้เห็นจริง...ในยุคนั้นที่มีการยืนยันตัวตน ก็คือ กำไลข้อมือทองประดับพลอยของ ผู้ใหญ่บ้าน ยุคนั้น <คล้ายๆสินบนมั้ง>
และก็เหมือนเดิมในทุกๆยุค ทุกสมัย พวกผู้ใหญ่ในสมัยปู่ผม ต่างก็ได้เกณท์ คนเพื่อที่จะออกล่าสมบัติเก่าแก่ตั้งแต่โบราณ พยามทำเหมือนคนรุ่นก่อนๆ...
แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายและสวยงามขนาดนั้น คือ หลังจากที่ทุกคนปีนขึ้นไปถึงปากถ้ำ ก็เริ่มออกสำรวจ ต่อโดยไม่หยุดพัก...คือใช้แค่ตะเกียงกับจุดพลัพเพลิงในการส่องสว่างแค่นั้น... <ชุดนี้ไปกัน4 คน> จำตาเอี้ยม ไว้นะ
หลังเริ่มสำรวจ ไปได้แค่ ไม่ถึง 2 ชัวโมง อยู่ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงแว่วๆลอยมาเหมือนมีคนพูดอะไรสักอย่าง...ทุกคนหยุดฟังเป๊ปนึง พอไม่มีอะไรก็เดินกันต่อ คงคิดว่าเป็นเสียงสะท้อนมั้ง... แต่แล้วเสียง คนตะโกนเป็นภาษาอะไรสักอย่างไม่ใช่ภาษาไทย ตะคอกดังมากๆ...<น่าจะภาษายาวี> แต่คือรู้เลย ไม่ดีแล้วแน่ๆ
ทุกคนแตกตื่นกันไปคนละทิศละทาง ทั้ง 4 คน แยกย้ายกันไปคนละทาง คือ หลงทางนั้นแหละ <ต่อจากนี้จะเดินเรื่องโดยตาเอี้ยมคนเดียวแล้วนะเพราะตั้งแต่ พลัดหลังกัน นี้คือครั้งสุดท้าย ที่รู้ว่าทุกคนยังมีชีวิตอยู่>
จากปากของตาเอี้ยม
<ตาเอี้ยม> คือด้วยความที่ตัวแกเอง อายุเยอะสุดในกลุ่ม แถมยังเป็นคนขี้กลัวผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แกบอกว่า ตอนนั้น อยากจะขาดใจตายตรงนั้นให้ได้เลย เพราะมันมืดแล้ววังเวงมาก แถมยังมีเสียงคนเดินตามหลังอยู่ตลอดเวลา
และมีเสียง ฟู่ฟู่ฟู่ เหมือนเสียงงู ขนาดใหญ่ เลื้อยอยู่บนเพดานถ้ำอีก แต่พอส่องไฟไปก็ไม่มีอะไร....
ตอนนี้ในมือแกเหลือแค่ พลัพเพลิงอยู่อันเดียวแล้ว ไม่รู้ทำตะเกียงหล่นไปตอนไหน...
พอแกเดินคลำทางไปสักพัก อยุ่ๆแกก็เห็นเงาไกลๆ คลับคล้ายคลับคลา...เหมือนคนแต่งกายแบบคนสมัยโบราณยืนรออยู่หน้าช่องของถ้ำช่องนึง...
พอแกเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วส่องไฟดูใหม่อีกที อยู่ๆสิ่งที่แกเห็นมันเป็นไก่ตัวนึง ตัวเล็กๆ พอมันหันหลังให้ปุ๊ป อยู่ๆมันก็เดินนำหน้าเลี้ยวเข้าไป ซอกๆนึงของถ้ำ
คือ แกบอก ต้องคล้านลอดเข้าไปถึงจะเข้าไปได้.... และแกก็คลานตามไก่ไปจริงๆด้วย...
พอคล้านเข้ามาด้านในห้องนั้น...พอแกหยิบพลัพเพลิงขึ้นมาส่องแค่นั้นแหละ แกถึงกับเข่าอ่อน... ภาพที่เห็นตรงหน้าแกนี้มัน สวรรค์ ใช่ไหม นี้ แกตายแล้วแน่นอน... ทอง เงิน พลอย ทับทิม ระยิบระยับตรงหน้าแก...
และแน่นอน ในใจแกจริงๆ อยากจะกระโจนเข้าหากองทองกองสมบัติเหล่านั้น...
แต่แกบอกว่า มันเหมือนมีคน กวักมือแกให้เข้าไปยังกอง ทอง เหล่านั้น คือ มันยั่วยวนใจแกสุดๆ <มีไอบ้าที่ไหนบ้างเห็นทองระยิบระยับแล้วไม่วิ่งเข้าใส่>
แต่ ?... ในจังหวะที่แกจะตัดสินใจเดินเข้าไปตามแสงสีของสมบัตินั้น อยู่ๆ ก็มีพระธุดง รูปนึง ได้เตือนสติแกว่า "อะไรที่ไม่ใช่ของๆเราก็ไม่ควรที่จะเอามาเป็นของตัวเอง โยมกลับไปสะเถอะ นี้ไม่ใช่ที่ของโยม....."
ตาเอี้ยมแก เห็นเต็มสองตา นั้นพระแน่นอน ทำไมพระมาอยู่ในถ้ำ <แกฉุกคิดในใจ ว่าเห้ย หรือว่าที่เห็นตรงหน้านี้คือผี ผีแน่นอน หลังจากนั้นแกก็ไม่หันกลับไปมอง กองเงินกองทอง ด้านหลังแกอีกเลย >
พอแกได้สติ แกก็รีบคลานออกมาจากถ้ำ และพยามเดินตามหลังพระรูปนั้นไปเรื่อย แต่พยามไล่ให้ทันยังไง...ก็ไล่ไม่ทันพระรูปนั้นสักที
คือไล่ตามมาเรื่อยๆ...จนว่าแกเดินจนมาออกปากถ้ำจนได้อ่ะ... แล้ว ตาเอี้ยม แกก็รอคนอื่นๆประมาณ 30-40 นาที หน้าปากถ้ำ <สมัยนั้นไม่มี นาฬิกาหรอก กะเวลาเอา> จนแกแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครมา คือคิดในแง่ดี คนอื่นๆคงลงไปกันหมดแล้ว
แต่พอแกกลับถึงหมู่บ้าน ปากฏว่า มีแกคนเดียวที่กลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัยไม่ตาย อีก 3 คน จนปัจจุบันยังไม่ทราบชะตากรรม กลายเป็น บุคคลสาบสูญ....
....นี้คือเรื่องในยุคของปู่ผม ตาเอี๊ยมเล่า ให้ปู่ฟัง ส่วนปู่ ก็เล่าผมมาอีกทีนึง...
ยุคปัจจุบัน สมัยผมเอง
Spoil
คราวนี้ถึงยุคสมัยปัจจุบันของพวกเราสักทีนะครับ...
เข้าเรื่องเลยนะครับ ตอนผมอยู่ ป.6 ตอนนั้น โรงเรียนเรา มีทัศนศึกษาประจำปี ประจำรุ่น ก่อนเข้าค่ายลูกเสือ นั้นก็คือ ไปถ้ำขมิ้น + น้ำตกดาดฟ้า แต่โปรแกรม ถ้ำขมิ้นโดนยกเลิกโดนกรมป่าไม้ ตอนแรกเข้าใจมาตลอดว่า คงปิดปรับปรุง...
แต่เอาเข้าจริงๆ เพื่อนผมในห้อง ชื่อ บ... คือ พ่อเขาเป็นหัวหน้ากรมป่าไม้ ณ เวลานั้น
เอาตรงๆคือเพื่อนมันได้ยินพ่อมันคุยกับแม่มัน คือมีความกังวลเรื่องกลุ่มวัยรุ่น หายเข้าไปในถ้ำขมิ้น 1 คน ผ่านไป 4 วันแล้วยังหาไม่เจอ...
พอมีประเด็น ก็เกิดข่าวลือ ปากต่อปากมาเรื่อยๆ...
จนเรื่องหลุดจากปาก เด็ก 2 คนนั้นที่รอดมาจากถ้ำขมิ้น
<ฟังพร้อมๆกันนะครับความเป็นมาของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้>
คือ วัยรุ่น 3 คนนี้ มันคงคึกคะนองไม่เข้าเรื่อง ชวนกันแบขึ้นไปบนถ้ำขมิ้นแล้วพกเหล้าขึ้นไปกินบนนั้นด้วย... คงอารมณ์ ขึ่นไปชมวิว...
หลังจากนั่งเฮฮาได้ไม่นาน มันก็ชวนกันเข้าไปเดินเล่นในถ้ำกัน ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งลึกลงเรื่อยๆ พกไปแค่ สปอตไลท์ 1 อัน
<ปรกติถ้ำขมิ้นจะไม่เปิดไฟในถ้ำหากไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะเหตุนี้ ในถ้ำ ณ เวลานั้น มืดสนิท เพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้ มันแอบขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ>
จากปาก ทั้งสองคนเล่าพร้อมกัน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...
ตอนนั้น ทั้งสามคนเห็นไก่ ตัวเล็กๆ ตัวนึง มันยืนรออยู่ ตรงร่องๆนึง คือถ้าเดินผ่าน ก็จะมองไม่เห็นเลย ว่าร่องนั้น สามารถ ลอดเข้าไปด้านในได้ ....
ทั้งสาม พอเห็นไก่ ก็ตื่นเต้นกันใหญ่ ตามประสาวัยรุ่น พอเห็นอะไรแปลกๆ ก็ยิ่งทำให้อยากหนักกว่าเก่าอีก...
ก็เลยตัดสินใจเดินตามหลังไก่ กันไปเรื่อยๆ จนไม่มีใครได้สังเกตุเลย ว่า ตอนนี้ตัวพวกเขาเอง อยู่ส่วนไหนของถ้ำขมิ้น...
<จำจุดนี้ไว้ให้ดีๆนะครับ>
หลังจากเดินตามไปสักพักใหญ่ๆ อยู่ๆไก่ตัวนี้ก็มุดซอกเล็กๆซอกนึงเข้าไป คือ ตอนนั้นทุกคนมองหน้ากันว่าจะเอาไงดี... ของมันมืดมาก สปอตไลท์ ก็ยังอันเดียว ...
แต่ก็ตามนั้น เป็นไงเป็นกัน ก็มุดช่องเล็กๆ กันไปทีละคนๆ จนทุกคน เข้าไปอยู่ในห้องลับห้องนึงในถ้ำขมิ้น... คือไม่มีแม้แต่กลิ่นขี้ค้างคาว หรือ แมลงตัวเล็กๆก็ยังไม่มีเลย...
<จุดนี้แหละสำคัญ>
และแล้วภาพตรงหน้า... จากปากเด็กสองคน... คือมันมี กองทอง กองใหญ่มาก มันสะท้อนแสงสปอตไลท์ ของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ ระยิบระยับ ชวนลุ่มหลงมาก...
แต่ ยังไม่ทันไร เพื่อน คนนึง อยู่ๆมันก็ วิ่งเข้าไปกระโดดเล่นบนกองทองกองนั้น...
อีกสองคน ยังไม่ทันได้หือได้อือ อยู่ๆ แสงอะไรไม่รู้มันวาบเข้าตาจนมองอะไรไม่เห็น <ประมาณโดนไฟสูงของไฟซีน่อลแยงตา>
พอตาหายเบลอ หายฝ้า อ้าวเห้ย...? ไอ้... มันหายไปไหน แล้ว ทองละ หายไปไหนแล้ว <เพื่อนหายไป 1คน พร้อมกองทองกองใหญ่>
แตยังไม่ทันให้หายตกใจ อยู่ๆก็มีงูเผือกมีงอน ตัวใหญ่เท่าๆงูหลาม ตัวใหญ่มาก พันอยู่กับ หินย้อยด้านบน เหมือนมันขู่ กำลังจะพุ่งชกมาที่เด็ก 2 คนนั้น <อารมณ์ เหมือนไล่กัด ไล่ฉก >
เด็กสองคนนนั้น หันหลังมุด รูเล็กๆนั้นออกมา พร้อมเสียงหัวเราะ และ เสียงฟู่ๆๆ ของงูเผือกตัวนั้น....
จนเด็กสองคนนั้น วิ่งร้องไห้กันจนไปถึงปากถ้ำจนได้ <กลางวันมีแสงเลยออกมากันถูก>
ตอนแรกเด็กสองคนนี้หนีกลับบ้านไปเลยนะครับ จนพ่อแม่เด็กอีกคนถามหาลูกตัวเอง จนเรื่องมันแดง กว่าเด็กสองคนนั้นจะเล่าเรื่องและสารภาพมา มันก็ปาไป ครึ่งค่อนคืนแล้ว มาเดือดร้อนกรมป่าไม้ ต้องขึ้นไปตามหากันให้วุ่นเลย...
ปัจจุบัน ยังไม่มีใครเจอวัยรุ่นคนนี้นะครับ.... เรื่องผ่านมากี่ปี่แล้ว ลองเอาอายุผม 24 - กับตอนผม ป.6 ดูครับ นั้นคือช่วงที่เกิดเรื่อง
สรุป ความเชื่อมโยงและความบังเอิญของยุคสมัยที่เชื่อถือได้ นะครับ
- ตาเอี้ยมเจอไก่ตัวเล็ก
- ตามไก่ไปจนเจอกับขุมสมบัติ
- ได้ยินเสียง ฟู่ฟู่ฟู่ เหมือนเสียงงูตัวใหญ่
- ได้พระเตือนสติ ไม่ได้เดินไปหาขุมสมบัติ และ มีชีวิตรอดกลับมา
- เด็กสามคนเจอไก่ตัวเล็ก
- ตามไก่ไปจนเจอกับขุมสมบัติ
- เจองูเผือกมีหงอนสีขาวตัวใหญ่ไล่ทำร้าย
- วัยรุ่น2คนรอดกลับมาโดยยังมีชีวิต ส่วน คนที่วิ่งเข้าไปในกองทอง หายสาบสูญ
#คนพื้นที่ อ.บ้านนาสาร หรือ จ.สุราษฏร์ธานี ถ้าคุ้นเคยหรือได้ยินแว่วๆ อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม IB มาครับ <ไม่มีการบอกชื่อหรือนามสกุล ชี้เป้าได้แค่ หมู่บ้านผู้เสียหาย เต็มที่ได้แค่นั้นครับ>
Adjunct มันมีเรื่องเล่ากันมาปากต่อปาก ว่าถ้าใครมีบุญพอ จะได้เห็นไก่ฟ้า นำทางไปหาขุมสมบัติ แต่ถ้าไม่ใช้สายเลือก ของกษัตริย์ องค์นั้น จะไม่สามารถ นำสมบัติเหล่านั้น กลับออกมาได้... <คือถ้าพยามเอาออกหรือขโมยชะตากรรมคงเหมือนคนก่อนๆหน้านี้...ที่หายสาบสูฐไปอย่างไม่มีวันกลับ>
ขอขบคุณทุกท่านๆนะครับ บอกตรงๆ ผมพิมพ์จนนิ้วหงิก...
คิวถัดไป อาฆาตุ เชือกรัดคอ หมวดสยองขวัญ...