VAR สร้างความยุติธรรม หรือทำลายเสน่ห์ในเกมฟุตบอล ?
#VAR (Video Assistant Referee) หรือระบบภาพช้า เกิดขึ้นครั้งแรกในเกมระหว่างนิวยอร์ก เรดบูล และออร์แลนโด ซิตี บี ในเมเจอร์ลีก ซ็อกเกอร์ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม 2016
#กรณีที่จะใช้ VAR ได้แก่
1.จังหวะการได้ประตู มีการทำฟาวล์เกิดขึ้นหรือไม่
2.จังหวะจุดโทษหรือไม่จุดโทษ
3.การให้ใบแดงโดยตรง กรณีที่มีการฟาวล์หนักๆ และ
4.การให้ใบเหลืองหรือใบแดงผิดคน
#วิธีการทำงานของ VAR ในเกมฟุตบอลจะเกิดขึ้นเมื่อกรรมการในสนามส่งสัญญาณมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพื่อขอดูภาพช้าอีกครั้ง จากนั้นกรรมการที่อยู่ในห้องมอนิเตอร์จะตรวจสอบดูเหตุการณ์ดังกล่าวจากภาพที่มีความละเอียดสูง และส่งรายงานการตัดสินกลับไปให้กรรมการในสนาม
#ในฤดูกาลนี้ ฟุตบอลลีคดังของอิตาลีอย่างกัลโช เซเรีย อา และบุนเดสลีกาของเยอรมันต่างก็นำร่องใช้ VAR เข้ามามีส่วนในการตัดสินเกมแล้ว ส่วนพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ และลาลีกาของสเปน ยังไม่ได้นำมาใช้ คาดว่าคงรอดูว่ามันจะเวิร์กหรือไม่ ส่วนฟุตบอลโลก 2018 ก็อาจจะมีการนำ VAR มาใช้
#ข้อดีแน่ๆ ที่ได้จากการใช้ VAR คือการตัดสินเกมมีความแม่นยำและถูกต้องมากยิ่งขึ้น เป็นการลดความกดดันของกรรมการในสนาม นักเตะที่ชอบพุ่งล้มหรือชอบเล่นนอกเกมจะระวังตัวมากขึ้น ไม่กล้าทำในสองกรณีดังกล่าว
#จันนี อินฟันตีโน ประธานฟีฟาคนปัจจุบัน ประกาศสนับสนุนการใช้ VAR โดยบอกว่า “มันเป็นตัวช่วยในการตัดสินของกรรมการ และในกรณีที่มีการตัดสินผิดพลาด VAR ก็จะช่วยเปลี่ยนให้มันเป็นการตัดสินที่ถูกต้องได้ นับเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมที่เราสามารถนำ VAR เข้ามาใช้ในเกมฟุตบอล หลังจากมีการพูดคุยเรื่องนี้กันมาหลายปี”
#ซีเนอดีน ซีดาน เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสของรีล มาดริด ก็ให้ความเห็นว่า VAR สร้างความสับสนให้กับนักเตะ แต่ปัญหาคือพวกเขาก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่ฟีฟาต้องการ
#ลูกา โมดริช กองกลางชาวโครเอเซียของรีล มาดริดก็ให้ความเห็นเรื่องนี้ในทำนองเดียวกับซีดานที่ว่า VAR เป็นสิ่งใหม่ในเกมฟุตบอล “แต่อย่างสัตย์จริง ผมไม่ชอบมัน มันสร้างความสับสน และนี่ไม่ใช่เกมฟุตบอล”
#จานลุยจิ บุฟฟอน ผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลีของยูเวนตุสก็บ่นว่า “มันไม่ใช่เกมฟุตบอลแล้ว มันหยุดนานเกินไป และเหมือนเรากำลังเล่นโปโลน้ำ”
ข้อมูล :
https://themomentum.co/var-soccer/