[บทความ] หงส์เเดง กับ รองเเชมป์ในความทรงจำ
ตั้งเเต่ลีคดิวิชั่นสูงสุดของอังกฤษ เปลี่ยนจากชื่อเดิม มาเป็นพรีเมียร์ลีค หงส์เเดง ลิเวอร์พูลเเม้ว่าจะยังไม่เคยขึ้นครองบัลลังก์เเชมป์มาเลยก็ตาม เเต่ก็มีปีเเห่งความทรงจำที่สามารถคว้ารองเเชมป์มาได้ทั้งหมด 3 ฤดูกาล นั่นก็คือ
1.) 2001/2002;
2.) 2008/2009; และ
3.) 2013/2014
ฤดูกาล 2001/2002
รองเเชมป์ครั้งเเรก เป็นปีที่เลือนลางมากในความทรงจำของผม อาจเป็นได้ว่าเพราะผมคงยังเป็นเด็กอยู่ประมาณนึงเลย ปีนั้นเป็นปีที่อาเซน่อลชุดไร้พ่ายยังเล่นกันอยู่ในทีมเต็มไปหมดคว้าเเชมป์ไปครอง ตอนนั้นเราจบที่อันดับ 2 โดยมีเเต้มห่างกับทีมเเชมป์ถึง 7 เเต้ม สมัยนั้นเป็นช่วงที่ขุมกำลังหงส์มีดีอยู่ทีเดียว อาธิเช่น อาเนลก้า, ฮามันน์, รีเซ่ตีนระเบิด เเละ เมอร์ฟี่ของเเสลงผี (ยิงเเมนยูได้อย่างบ่อย) จะมีเพียงโอเว่นเท่านั้นล่ะที่โดดเด่น เเละยังพีคสุดๆ เป็นผู้เล่นลิเวอร์พูล และผู้เล่นสัญชาติอังกฤษคนเดียวที่ผมจำความได้ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์
ฤดูกาล 2008/2009
ครั้งต่อมาต้องรอมาอีกเกือบ 7 ปี ในยุคของเอลบอสหน้าหนวด ช่วงนั้นขุมกำลังหงส์ถือว่าพีคมากเเทบทุกตำเเหน่งเรียกได้ว่าระดับโลกได้เลย เจอราร์ด อลองโซ่ มาสเชราโน่ ตอเรส สี่เเกนหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนลิเวอร์พูลในยุคนั้น เรน่าช่วงพีคๆ เเอกกเกอร์ สเคอเทล ช่วงวางใจได้สุดๆ อเบลัว ออเรริโอ้ สองเเบ๊คที่ทำเกมรุกเเละรับได้อย่างไม่เคอะเขิน รวมไปถึงเดิร์คเค้าจอมขยัน จนทุกวันนี้ผมก็ยังให้ทีมชุดนี้เเข็งเเกร่งสุดตั้งเเต่ผมดูหงส์มา เเต่ปีนั้นก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันอยู่ดี โดยมีคู่ปรับตลอดการอย่างเเมนยูเอาเเชมป์ไปครอง โดยมีเเต้มเหนือเรา 3 เเต้ม หรือ ห่างเพียงชัยชนะเเค่ 1 เกมเท่านั้น ... เชื่อมั๊ยครับว่าปีนั้น เราเเพ้เพียงเเค่ 2 เกม ในขณะที่ทีมเเชมป์อย่างเเมนยู เเพ้ไปมากกว่าเราอีกที่ 4 เกม แต่ความต่างสำคัญที่สุดคือ หงส์มีผลเสมอเยอะมากถึง 11 เกม ซึ่งหมายถึงเเต้มที่หล่นหายไปถึง 22 เเต้ม เเละนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทีมที่จะเป็นเเชมป์จะต้องไม่เป็นเเบบนี้ ที่เค้าว่ายอมเเพ้ 1 เกม เเล้วไปชนะอีกเกม ดีกว่า เสมอสองเกมนี่จริงเลย ที่น่าเศร้าคือ ฤดูกาลนี้เราก็เเพ้ไปเพียงเเค่ 2 เกมเช่นกัน เเต่เรากำลังเดินไปในทิศทางที่เสมอเยอะเท่าฤดูกาล 08/09 เเละอาจจะเสมอมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ (ฤดูกาลปัจจุบันเสมอไปเเล้ว 7 เกม)
ฤดูกาล 2013/2014
ครั้งล่าสุดคือครั้งที่เจอราร์ดโดนวลี ลื่น หลอกหลอนมาจนถึงทุกวันนี้ ฤดูกาล 2013/2014 เป็นปีที่น่าตื่นเต้นที่สุดอีกปีตั้งเเต่ผมเชียร์หงส์มา สาเหตุหลักอาจจะเป็นเพราะโดยสภาพขุมกำลังเเล้วนั้น ผมไม่คิดว่ามันจะยืนระยะได้ไกลถึงขนาดนั้น แต่พอมันพ้นช่วงปีใหม่ไปเเล้วทีมก็ยังรั้งอันดับหนึ่งของตารางอยู่ ฟีลลิ่งมันเลยมาเต็ม เเละมันมาจนปริ่มมากเมื่อเกมที่เราชนะตัดเเต้มเเมนซิตี้คู่เเข่งสำคัญที่สุดในตอนนั้นได้ วินาทีนั้นผมไม่โกหกเลยว่า ภาพในหัวผมคือ "เราเป็นเเชมป์เเน่ๆ" เเต่ในเกมถัดๆมา หงส์ทำพลาดกันเองที่ไม่สามารถเอาชนะทีมที่เล็กกว่าได้ เเต่ถึงอย่างนั้นในเกมที่เจอเชลซี ขอเพียงเเค่ผลเสมอ เราก็จะยังไปต่อได้ เเต่ฝันนั้นก็ต้องถูกดับสลายไปจากลูกยิงปิดกล่องของ เดมบ้า บา ลูกนั้นล่ะ ยังติดตาผมมาจนทุกวันนี้ ภาพซัวเรสร้องไห้กลางสนาม กับสีหน้าเจอราร์ดในฟีลที่มันดาวน์สุดๆ มันทำให้ใจผมเเตกสลายไปด้วยจริงๆ ปีนั้นจบฤดูกาลด้วยการที่เเมนซิตี้คว้าเเชมป์ไปครองโดยมีเเต้มมากกว่าเราที่เข้าวินอันดับสองอยู่เพียงเเค่ " 2 เเต้ม " เท่านั้น
บทสรุป
เเละทั้งหมดก็คือ 3 ฤดูกาล ที่หงส์เคยเข้าใกล้เเชมป์มากที่สุด เเละเป็นสามฤดูกาลในความทรงจำ ที่บางครั้งก็เจ็บปวดถึงที่สุด เเต่ในฐานะเเฟนหงส์อย่างผมก็ไม่เคยหมดความหวังว่า ในวันหนึ่งมันก็ต้องเป็นทีของเราบ้าง ไม่ว่าจะต้องรอเเค่ไหน ก็เชื่อว่าเเฟนหงส์ท่านอื่นๆก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน ปัจจุบันทีมเราอยู่ภายใต้การนำของเทรนเนอร์ เดอะนอมอลวัน ฟันเหลือง(ที่ฟอกขาวเเล้ว) ส่วนตัวผมก็คิดว่าเราก็ยังมีอนาคตกับเทรนเนอร์ร่างยักษ์คนนี้อยู่ เเม้ว่าเค้าจะมีอีโก้บางอย่างที่สูงก็ตามในเรื่องปรัชญาการทำทีม แต่ถ้าเค้าเรียนรู้ได้ในปีนี้(ซักที) ปีหน้าก็จะดูมีความหวังมากๆทีเดียว โดยเฉลี่ยเเล้วเราจะต้องรอ 4-6 ปี ถึงจะครบไซเคิลการกลับมาลุ้นเเชมป์อีกรอบ ดังนั้นถ้าหลักความน่าจะเป็นนี้มันยังใช้ได้ดีอยู่ วงรอบต่อไปก็ควรจะไม่เกินฤดูกาล 2019/2020 ก็คงต้องอดใจรอดูกันต่อไป
#Redcap
#YNWA