[ไลป์ซิก] สโมสรที่ถูกต่อต้าน
แอร์แบ ไลป์ซิก สโมสรขวัญใจสาวกกระทิงแดง
สโมสรที่ถูกต่อต้านจากแฟนบอลเยอรมัน ซึ่งประเด็นที่ถูกต่อต้านนั้น กลับเป็นประเด็นที่ลีกอื่นๆสามารถทำได้โดยไม่ถูกต่อต้าน นั่นก็คือ การที่กลุ่มนายทุนทำการเทคโอเวอร์ สโมสร ใดสโมสรหนึ่ง โดยจุดเริ่มต้นนั้น ต้องย้อนไป 7 ปีก่อนที่จะได้ขึ้นมาโลดแล่นในเวทีบุนเดสลีก้า จะว่าไปแล้วบอร์ดบริหารของไลป์ซิกก็ดูจะมีความตั้งใจจริงและรอคอยเวลาที่ทีมจะขึ้นมาสู่บุนเดสลีก้าเหมือนกัน "ตั้ง 7 ปีนะ"
ย้อนมาที่ "กฏระเบียบ 50+1" ที่ทุกสโมสรอาชีพในเยอรมันจะต้องปฏิบัติตามคือ สโมสรสามารถถือหุ้นได้เพียง 50% ส่วนที่เหลือก็จะเป็นสิทธิ์ในการถือหุ้นของแฟนบอลของสโมสร แต่สิ่งที่ไลป์ซิก ทำนั้นแตกต่างออกไป ในช่องว่างของกฏนี้เอง ไลป์ซิก ได้ทำการ Take over สโมสร "เอสวีวี มาร์ครานสตัดต์" จากดิวิชั่น 5 และอัดฉีดเม็ดเงินก้อนโตเพื่อสร้างทีมขึ้นมา แต่การถือหุ้นนั้นค่อนข้างเบ็ดเสร็จ โดยกลุ่มนายทุน และ พนักงานของตัวเองเป็นผู้ถือหุ้น เท่ากับว่าอำนาจเบ็ดเสร็จ ยังไงก็เป็นของสโมสร
กระแสชัดเจน เมื่อไลป์ซิกกลายเป็นทีมที่สามารถขึ้นมาคานอำนาจ ของขั้วเก่าและสามารถตีตั๋วไปเล่น UCL ได้ จึงทำให้แฟนบอลทีมอื่นๆไม่พอใจ เพราะไลป์ซิก มีเม็ดเงินปริศนาคอยอัดฉีด และแน่นอน การไม่ให้สิทธิ์แฟนบอลของตัวเองได้มีส่วนในการตัดสินใจใดๆกับทางสโมสร ถือเป็นการไม่ให้เกียรติแฟนบอลของทีมตัวเอง ซึ่งแตกต่างกับ สโมสรอย่าง บาเยิร์น, ดอร์ทมุน และทีมอื่นๆใน บุนเดสลีก้า ที่ให้สิทธิ์แฟนบอลได้มีส่วนร่วมกับสโมสร และใช้เงินจากผลประกอบการที่เป็นกำไรของทีม (ป้องกันไม่ให้เกิดกรณีทีมล้มละลายเพราะหนี้สิน) การกระทำดังกล่าวของไลป์ซิก จึงเหมือนกับการแหกกฏที่ทีมอื่นๆยึดถือกันมา เพราะว่าท้ายที่สุด Redbull ก็สามารถจ่ายเงินอัดฉีดมาสนับสนุนทีมเท่าที่ต้องการ มันอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อทีมอย่างบาเยิร์นเท่าไหร่ แต่ทีมเล็กๆอื่นๆนั้นเสียบเปรียบไลป์ซิกมากๆ อย่างที่เราเห็นทีมอย่าง PSG และ ManCity เคยใช้หลบกฏการเงินของ UEFA (ตรงข้อนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมทีมอื่นๆในบุนเดสลีก้าจึงขายนักเตะให้บาเยิร์นง่ายๆ นั่นเพราะต้องการเงินหมุนเวียนนั่นเอง)
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยนะ ไลป์ซิก ก็มีข้อดีที่น่าสนใจเหมือนกัน นั่นคือนโยบายการสร้างทีมที่เน้นพลังหนุ่ม ที่สร้างทีมจากเยาวชน และเซ็นสัญญากับนักเตะที่มีอายุน้อยเป็นหลัก ซึ่งก็ดูเข้ากับ Concept ของ Redbull ดี แถมยังไม่ใช่ทีมที่จะขายนักเตะให้ใครง่ายๆอีกด้วย การที่ไลป์ซิก ขึ้นมาสู้กับทีมใหญ่ๆได้ ถือเป็นการปลุกให้เกิดการตื่นตัวในบุนเดสลีก้า สโมสรอื่นๆต่างก็จะต้องพัฒนา เพราะไลป์ซิกเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในเวทีบุนเดสลีก้าแล้ว และดูท่าว่าจะเป็นทีมที่ยึดพื้นที่หัวตารางได้ไม่ยากเลย
สำหรับผมแล้ว ไลป์ซิกใช้ช่องว่างของกฏสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในบุนเดสลีก้าแม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับการยอมรับ แต่วิธีแบบนี้มันก็พอที่จะพิสูจน์ได้บ้างว่า ผู้บริหารของไลป์ซิกมีความอดทนและตั้งใจในการสร้างทีมให้ขึ้นมาโลดแล่นบนเวทีบุนเดสลีก้าจริงๆ หากเทียบกับการเทคโอเวอร์สโมสรอื่นๆแล้วนั้น จะเห็นได้ว่า มีนายทุนหลายกลุ่มที่หวังเพียงแค่เข้าไปกอบโกยเพียงอย่างเดียว มันเป็นการทำลายฟุตบอลทางอ้อม เพราะท้ายที่สุดมนต์สเน่ห์มันจะถูกกลืนกินด้วยเม็ดเงิน น้อยนักที่จะโชคดีได้เจอเศรษฐีที่หลงใหลในฟุตบอลจริงๆ เอาจริงๆ ถ้ากลุ่มทุนที่อยากจะ Take Over สโมสรกล้าที่จะสร้างสโมสรแบบบอร์ดบริหารไลป์ซิก คุณอาจจะได้ทั้งแฟนบอลที่จงรักภักดีไม่ใช่แค่หวังเงินจากคุณ และสโมสรก็ไม่ต้องมารับภาระหนี้สินจากการกู้มาซื้อสโมสรแบบที่นักลงทุนบางกลุ่มนิยมทำกัน เหตุผลเหล่านี้เองที่แฟนบอลในเยอรมันพร้อมใจกันต่อต้านกลุ่มนายทุนที่ไม่รู้จริงเรื่องฟุตบอล
สรุป: จริงๆแล้วแฟนบอลเยอรมัน เขาต่อต้านกลุ่มนายทุนต่างหาก