อะไรที่ไม่เกี่ยวกับความรู้ในตำรา พวกนี้เก่งครับ
แต่อะไรที่เกี่ยวกับความรู้ในตำรา นี่ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาอธิบายดี

เด็ก เจน Z ใน SS มาอ่านเข้าคงช้ำใจ

เอาแบบมองการศึกษาละกัน ยุคก่อนมหาลัย เลือก นศ คัดเอาคุณภาพเข้ามาเรียน

สมัยนี้ก็ยังคัดแหละ แต่ เอาปริมาณเข้าว่าด้วย เพราะหลายๆอย่าง เช่น การเปิดวิชา การอยู่รอดของหลักสูตร ดูงานของรุ่นต่อๆมามันเห็นชัดเลย มันเห็นว่าความตั้งใจมีแค่ไหน มันค่อยดรอปลงทุกๆปี

เออ อันนี้ผมเป็นจริงๆ แบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวขาด จะยอมอยู่ทำงานดึกๆต่อในเคสที่แบบ deadline บีบคอแล้วยังทำไม่เสร็จเท่านั้นอะ

ผิดกับหัวหน้า(อายุราวๆ40) แกกลับบ้านไวสุดน่าจะสี่ทุ่มตลอดเลย

ตอนเด็กอาจจะถูกพ่อแม่สปอยล์มากจนเคยตัว

ผมเองคือเด็กหนึ่งในนั้นที่ถูกสปอยล์ แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนวิธีคิดและมุมมองไปทั้งหมดแล้ว (ไม่โทษพ่อแม่ท่านทำดีที่สุดแล้ว เราต่างหากที่เxี้ยเอง555+)

ความจนมันน่ากลัวกว่าทุกสิ่งครับ(สำหรับผม) มันจะบีบให้เรามองในมุมมองที่กว้างมากขึ้นและพยายามถีบตัวเองขึ้นไปบนยอดพีระมิดให้ได้

ตอนนี้ผมมีหลานอยู่คนนึงอายุประมาณ8-9ขวบ โดนพ่อแม่สปอยล์หนักมาก (หนักกว่าสมัยผมอีก555+)

ผมเองก็ห่วงๆหลานคนนี้อยู่เหมือนกันแต่พูดอะไรมากไม่ได้

ดูเหมือนว่าหลานผมคนนี้มันจะนับถือนักแคสเกมเป็นศาสดาของมัน พ่อแม่พูดอะไรนี่แทบไม่เชื่อ

จะว่าไปสื่อก็มีอิทธิพลต่อแนวคิดของเด็กมากอยู่นะครับ พ่อแม่ต้องหันกลับมาดูลูกตัวเองบ้างว่าที่ดูๆอยู่ในyoutubeแล้วนั่งหัวเราะทั้งวัน มันคือเรื่องอะไร ลองหาเรื่องคุยกับลูกดูบ้างก็ดี สอนเด็กบ้างก็ดีว่าคำหยาบมันไม่ควรเอามาพูดในชีวิตจริงกับผู้ใหญ่อะไรประมาณนี้

สาเหตุที่พ่อแม่ปล่อยให้เด็กนั่งดูyoutubeในไอแพดทั้งวัน ก็เหตุผลง่ายๆครับถ้าได้ดูมันจะไม่ดื้อ ไม่งอแง ถ้าวันไหนไม่ได้ดูมันจะร้องโวยวายหรือทำในสิ่งที่เรียกร้องความสนใจไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะได้ดู

ผมว่าเด็กเจนหลานผมนี่น่าห่วงมากที่สุดแล้วแหละในอนาคต

ปล.อาผมท่านก็เป็นคนดีในระดับหนึ่งเลยนะ แต่ชอบตามใจลูกมากเกินไปนี่แหละคือข้อเสียใหญ่เลย

เมื่อก่อนเจน Y เด่นเรื่องเทคโนโลยี เดี๋ยวนี้กลายเป็น X เริ่มแซงเรื่องนี้ละ
อายุเยอะกว่าก็จริงพอปรับตัวได้ +กับมี ปสก. พอถนัดเทคโนโลยีเท่านั้นแหละ
มันบีบเจน Y จนลาออกรัวๆเลย

ข้อดีข้อเสียต่างกันไป

ถ้าเอาความสดใหม่ ความคิดใหม่ๆ ก้าวไปไม่กลัวเสี่่ยงก็เด็กยุคนี้
จะเก่ง มั่นใจ ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ก็ขาดความรอบคอบ ยับยั้งชั่งใจ ใจร้อน

คนต้นๆเจน Y ก็จะยังคาบเกี่ยวคนเจน X มา ผ่านการรอ การอดทน
จะไม่กล้าเสี่ยง แต่การทำงานก็จะเป้นกระบวนการกว่า

อันนี้พูดรวมๆ มันขึ้นอยู่กับคนต้นเจน Y ปรับตัวกับสมัยใหม่ยังไง
ยกตัวอย่างก็พวก บี้เดอะสการ์ ทำอะไรแปลกแนวไปก่อนเลยในเรื่องโซเชียล

กับเด็กยุคนี้เจน Z ที่ทำธุรกิจ เปิดบริษัทแนวใหม่ๆ มีเรื่องการคุมคนเจน Y ด้วยซ้ำ
ก็ต้องปรับตัวบริหารคนยุคเก่า จนรวยไปหลายคน

ส่วนเรื่องการศึกษา ผมว่าถ้ามีเน็ตใช้ มันขึ้นกับตัวบุคคลละครับ สมัยนี้


*ผมเป็นคนต้นเจน Y ทำบริษัท งานเป็นรูทีน ที่รับเด็กเจน Z เยอะ แต่ก็อยู่ร่วมกันได้
ความคิดต่างๆปรับเปลี่ยนเข้าหากันทั้งฝ่ายบริหาร และพนักงานยุคใหม่

ขอถามหน่อยครับพวกGENทั้งหลายนี่เค้านับยังไงครับ
มีตั้งแต่Aเลยมั้ย

แค่นิยามคำว่าอดทนก็ต่างกันแล้ว gen x ทำงานหนักคืออดทน gen z ทำงานยากคืออดทน บางคนดีหน่อยยังยืดหยุ่น บางคนนี่อ่านมามากเกิน กลายเป็นความคิดอิสระแบบสุดโต่งไปเลยถึงกับมองว่าคนทำงานหนักคือคนไม่เก่งก็มี

ส่วนเรื่องความสามารถ ผมว่าจริงๆเด็กสมัยนี้เก่งกว่ารุ่นก่อนๆเยอะแหละ ถ้าเทียบกับซีเนียร์มันสู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ลองเทียบกับสมัย gen x จบใหม่อายุเท่าเด็กๆดู ทั้งภาษาทั้งวิชาการอะไรต่างๆเด็กสมัยนี้แน่นจริงๆนะ แต่เวลาทำงานจริงมันไม่ได้ใช้แค่นั้น ซึ่งตรงนี้คนรุ่นก่อนก็บอกเด็กรุ่นใหม่กระจอก เด็กก็บอกผู้ใหญ่ห่วย ก็ไม่รู้เหมือนกันปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่

อันนี้พูดถึงเฉพาะแค่คนที่จบมหาลัยที่ได้มาตรฐานนะ เดี๋ยวนี้ยี่ห้อมหาลัยสำคัญมาก จบมอรัฐใน กทม กับมอใกล้บ้านตามต่างจังหวัดบางที่คุณภาพต่างกันลิบลิ่วสุดๆ ผมไม่ลงลึกมากเดี๋ยวหาว่าดูถูกอีก แต่ที่ได้ยินพี่ๆ HR บ่นคือมันต่างมากจริงๆ

น่าจะเป็นเพราะการเข้าถึงของ Internet กับ Social Media ด้วยส่วนนึงกับทางเลือกที่หลากหลาย ประกอบกับช่วงอายุของคนแต่ละ Gen ครับ Gen Y ในช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอายุประมาณ 23-30 กลางๆเป็นช่วงที่กำลังหาความท้าทายในชีวิต การหางานก็มีมาให้เลือกหลายทางตามเพจต่างๆ มันก็เลยง่ายที่จะเปลี่ยนหรือทดลองอะไรใหม่ ซึ่งในขณะเดียวกันคน Gen X คือคนที่ อายุเฉลี่ยประมาณ 30 กลางๆ ไปถึง 40 เป็น Gen ที่มองหาความมั่นคงในชีวิตมากกว่าที่จะท้าทายอะไรใหม่ๆ +สมัยก่อนการหางานไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ Gen X ส่วนใหญ่ต้อง Walk in หรือโทรเข้าไปสมัคร ซึ่งการจะเปลี่ยนงานแต่ละครั้งมันเป็นไปได้ยากถึงยากมากๆ ก็ต้องอดทนทำงานกันไปเรื่อยๆ ถามว่าถ้า Internet ความเร็วสูงเข้าถึงคน Gen X ตอนวัยรุ่น คน Gen X ก็จะเป็นเหมือนคน Gen Y ขณะเดียวกันถ้าคน Gen Y เติบโตไปถึงช่วงอายุของคน Gen X เขาก็จะเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิตเหมือนกัน แล้วคน Gen Z ก็จะถูกบ่นเหมือนกันครับ....

ถ้าทำงี้ตั้งแต่เกิดนี่ บอกลาอนาคตเด็กได้เลยครับ โตมาไม่ฉลาดแน่ๆ เผลอๆเป็นออทิสติกเทียมด้วย ผู้เชี่ยวชาญบอกห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ใช้เครื่องมืออิเลกทรอนิกส์ใดๆ

อันนี้ ผมว่าไม่จริงอะครับ สมัยผมจบใหม่ๆ ทั้งผมและเพื่อนผมหลายๆคน แน่ใจว่า วิชาการ หรืออะไรในตำรานี่ ดีกว่าเด็กเจน Z แน่ๆ

เพื่อนผมเกรดเฉลี่ยราวๆ 2.5
วิชาการมันนี่ พอๆกับเด็ก เจน Z ที่ได้เกรด 3.0+

ผมดูแลเด็กฝึกงานมาซัก 10 ปีนิด ๆ ละ gen z นี่เห็นละเหนื่อยหน่าย

y นี่โอเคปรับตัวได้ทั้งแบบยุคเก่าและยุคใหม่ อยู่ในระดับกลาง ๆ ก็จะประมาณจิ้งจกเปลี่ยนสีนั่นแหละ "อยู่เป็น"

z นี่เจอมาหลังนี่ค่อนข้างเหนื่อยครับ แต่เจนนี้ข้อดีคือคนเก่งก็จะเก่งแบบโดดไปเลยนะ แต่ส่วนใหญ่ที่เหมือนกันคือความมั่นใจที่มากเกินไป ทำให้คิดว่าตัวเองเจ๋งอยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เจ๋งแบบนั้นเนี่ยสิ ความสามารถมีแต่ไม่รู้จักใช้ให้ถูก ไม่รู้จักฟัง

ติดความอิสระจนไม่รู้จักมารยาทและกาลเทศะ ติดเทคโนโลยีและโซเชียลมากเกินไป เรื่องพวกนี้มันไม่มีปัญหาหรอกถ้าคุณทำงานอยู่บ้านพ่อแม่คุณเป็นเจ้าของเอง แต่ถ้าทำงานในองค์กรมันมีปัญหาแน่นอน ทั้งจากสายตาของคนทั่วไปและสายตาจากผู้ใหญ่ในองค์กร

มีตัวอย่างที่พอจะเผยแพร่ได้เล่าให้ทราบกันบ้างไหมครับ

ผมไม่แน่ใจนะ ผมคิดว่าผมปลายเจนวาย ปี 92

ออฟฟิศผม พวกที่อยู่ดึกๆ เข้าทำงานวันหยุด มักจะเป็นเด็กวัยรุ่น เจน Y

เจน X มักจะกลับตรงเวลา เนื่องจากภาระหน้าที่ ไปรับลูก สอนการบ้านลูก ฯลฯ

เบบี้บูม เข้าออฟฟิศสาย เข้าทำงานเป็นบางวัน เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งบริหารไปแล้ว

ซึ่งรุ่นเดียวกันในออฟฟิศผมไม่ได้รู้สึกแย่ถ้าหากต้องทำงานเกินเวลา

เนื่องจากนอกเหนือจากเงินเดือน จะมีค่างานเป็นเคสๆ+

ไม่แน่ว่าถ้าผมทำอาชีพอื่นที่เงินเดือนฟิกคงที่ ผมก็คงกลับตรงเวลาอ่ะครับ