ครั้งนึง สเปอร์ส เจอ มาดริด ตอนนั้น..ผมยังเป็นแค่เด็กเชิญธง
แฮร์รี่ วิงค์ส ถึงกับทำตาเป็นประกายวิ้งๆ
เมื่อต้องรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2011
ตอนที่เขาเป็นเพียงกองเชียร์วัยรุ่นของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์คนหนึ่งซึ่งอยากลงเล่นให้กับทีม
“ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นผมเพิ่งเข้าเป็นนักเรียนทุนกับทีมเป็นปีแรกครับ ปีนั้นทีมเราได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งต้องเจอกับเรอัล มาดริด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ” เจ้าตัวเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นให้เราได้ฟัง เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังทราบว่าสเปอร์สต้องโคจรมาพบกับทีมราชันชุดขาว, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และอาโปเอล ในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้”
“วันนั้นผมได้เป็นคนถือธง ตรงเส้นกลางสนามเลยด้วย เป็นช่วงเวลาที่สุดยอดมากเลย ได้เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ห่างไม่ถึง 10 หลากับตาตัวเองตอนที่กำลังโบกธงอยู่ เป็นเรื่องพิเศษสำหรับผมจริงๆ ครับ”
โรนัลโด้กับการฉลองหลังยิงประตูที่ไวท์ฮาร์ทเลน
ไล่ตามความฝัน
มาวันนี้ดาวรุ่งวัย 21 มีโอกาสที่จะได้ปะทะแข้งกับสตาร์ดังชาวโปรตุเกสแล้ว และเมื่อบวกกับการที่อาจได้ดวลกับทีมแชมป์ยุโรปก็ยิ่งบ่งบอกว่าเขามาไกลมากเพียงใดในรอบไม่กี่ปีมานี้ แต่เจ้าตัวก็ยังถ่อมตน และย้ำว่าเขายังรู้สึกเช่นเดิม เหมือนตอนที่ได้ลงสนามให้สเปอร์สเป็นครั้งแรก
“ผมตื่นเต้นเสมอยามได้เล่นให้กับทีมนี้ครับ” เขากล่าว “เมื่อได้โอกาสลงสนามคราใด ผมใส่สุดๆ เสมอเพราะผมเป็นแฟนบอลทีมนี้ และก็เป็นวิถีของนักฟุตบอลอาชีพด้วย
ยิ่งได้เล่นให้กับทีมที่เชียร์แล้ว ผมก็ต้องจัดเต็ม 100% ทั้งในสนามซ้อมและสนามแข่ง
เชื่อสิถ้าเป็นคุณ คุณก็ทำ เพราะคุณก็อยากทำผลงานดีๆ ช่วยเหลือทีมเท่าที่จะทำได้ สำหรับผมแล้ว ที่นี่คือสโมสรซึ่งผมมีความสุขที่ได้ลงเล่นเสมอเมื่อได้รับโอกาส”
ทัศนคติของเขาคือบทพิสูจน์ถึงคาแรฺคเตอร์ของวิงค์ส ซึ่งอาจช่วยให้เขายึดตำแหน่งในทีมชุดใหญ่อย่างถาวรได้ นักเตะทีมชาติอังกฤษชุดยู 21 ผู้นี้เข้ามาอยู่กับสโมสรตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบจนเจ้าตัวถึงกับกล่าวติดตลกว่า
“ผมว่าผมต้องได้เล่นเทสติโมเนียลแมตช์ในเร็ววันนี้ละนะ”
เขาลงสนามให้กับทีมแล้ว 33 นัดให้กับทีมของ
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เมื่อฤดูกาลก่อนและพร้อมบินสูงกว่าเดิมแล้วในปีนี้
ลิงโลดสุดๆหลังยิงประตูแรกให้ไก่เดือยทอง
หลังจากนั้นไม่นานโปเช็ตติโน่ก็ตัดสินใจเก็บวิงค์สไว้ในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ต่อไป ไม่ปล่อยให้ย้ายไปอยู่ทีมอื่นแบบยืมตัว เพื่อให้เรียนรู้จากทีมโค้ชและแข่งขันเพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม เป็นการตัดสินใจที่ทำให้ดาวรุ่งผู้นี้มีความมั่นใจ ในขณะที่มุ่งมั่นสร้างตัวตนกับสโมสรขวัญใจของเขา
“ไม่ว่าใครก็อยากได้ลงเล่นทั้งนั้นแหละครับ” วิงค์สเผย “ที่สุดแล้วคุณก็คงหวังลึกๆ ว่าจะได้เล่นให้กับทีมที่เชียร์ ทีมที่เติบโตมา สำหรับผมแน่นอนว่าความฝันคือการได้เล่นให้สเปอร์ส ซึ่งแน่นอนว่ามันดีต่อใจมากเมื่อผู้จัดการเข้ามาบอกกับคุณว่า เขาต้องการให้ผมอยู่กับสโมสรต่อไป ฝึกซ้อม และต่อสู้เพื่อติดทีมชุดใหญ่ให้ได้”
“ขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอสำหรับการมอบโอกาสของเขาครับ เพราะยุคนี้ก็ถือว่ายากเหมือนกันที่ผู้จัดการจะมอบความไว้วางใจให้โอกาสดาวรุ่งสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีกซึ่งแข่งขันกันหนักมาก เมื่อมีใครสักคนที่พร้อมหยิบยื่นโอกาสให้แบบที่เขาทำแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรให้นอกจากความปลาบปลื้มในตัวเขา”
และวิงค์สก็สร้างความประทับใจด้วยสัมผัสบอล, ความเยือกเย็นในการเล่น รวมถึงการผ่านบอลในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถที่มีมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่โปเช็ตติโน่ก็ได้เพิ่มสิ่งอื่นๆ ในตัวเขาให้มีมากกว่าสัญชาติญาณที่ติดตัวมาด้วยเช่นกัน
“ผมคิดว่าความเกรี้ยวกราดในการกดดันไล่บอลของผมดีกว่าเดิมนะ” วิงค์สเผย “เพราะเขาชอบให้เราเล่นเกมกดดันคู่ต่อสู้ และต้องการให้มีพลังงานในการเล่นล้นเหลือ เขาสอนผมในช่วงการซ้อมเพื่อให้เราเล่นอย่างเร่าร้อนแบบเดียวกันตอนแข่งจริงและให้คู่ต่อสู้เล่นกับเรายากที่สุด ผมค้นพบแล้วว่ายิ่งเราเล่นด้วยความเร่าร้อนมากเท่าไหร่ การเล่นของผมก็จะดีขึ้นด้วย”
ดวลกับ ก็องเต้ อย่างดุเดือด
ไม่ลืมรากเหง้า
แต่โปเช็ตติโน่ก็ไม่ใช่คนเดียวที่มีส่วนให้วิงค์สพัฒนาขึ้น เพราะจากการที่ใช้เวลาอย่างยาวนานกับระบบเยาวชนของสโมสร และร่วมงานกับโค้ชมากมายตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เขาจึงถือเป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของสเปอร์สโดยแท้ ตอนนี้วิงค์สได้กลายเป็นต้นแบบของดาวรุ่งมากมายในศูนย์ฝึกไปแล้ว แต่เขาก๋็ให้เครดิตกับนักเตะรุ่นพี่คนหนึ่งที่ช่วยให้เขาพัฒนากว่าเดิมเช่นกัน
“ทุกวันนี้ผมก็ยังติดต่อกับพวกเขาตลอดครับ” วิงค์สูดถึงสตาฟฟ์โค้ชในอคาเดมี่ “อย่างเช่น จอห์น แม็คเดอร์ม็อตต์ ผู้จัดการที่นั่น ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ยังอยู่และก็ได้พูดคุยกันอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสได้เจอ การอยู่ในอคาเดมี่ถือเป็นอีกส่วนสำคัญในชีวิตทั้งในฐานะนักเตะและส่วนตัว มันเป็นอะไรที่ลืมไม่ลงครับ”
“แต่ถ้าย้อนไปถึงช่วงที่ผมเป็นนักเรียนทุนนั้น ผมมักจะเฝ้าสังเกตการเล่นของ สก็อตต์ พาร์คเกอร์ อยู่เสมอ” เจ้าตัวเสริม “เขาเป็นผู้เล่นที่ผมมองว่าคล้ายกันมากทั้งส่วนสูงและร่างกาย ผมเคยเฝ้ามองเขาด้วยความรู้สึกที่ว่านี่แหละผู้เล่นชั้นยอด และเป็นผู้นำทีมตัวจริง”
“ตอนนั้นเขาเริ่มเข้าสู่ช่วงบั้นปลายอาชีพนักเตะ และผมก็ได้มีโอกาสได้ดวลแบบตัวต่อตัวกับเขาอยู่บ้าง เขาช่วยสอนการเล่นให้กับผม ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้มาก หลังจากนั้นเขาก็พาผมเข้าห้องไปดูคลิป ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเล่นของผม”
ปาร์คเกอร์ คือไอดอล
ความฝันสู่ทีมชาติ
พาร์คเกอร์ซึ่งปัจจุบันกลับสู่สโมสรแห่งนี้ในฐานะทูตและโค้ชทีมยู 18 ไม่ใช่กองกลางเพียงคนเดียวที่วิงค์สได้เรียนรู้ กองกลางวัย 21 ผู้นี้เชื่อว่าการได้ซ้อมร่วมกับ มูซ่า เดมเบเล่, เอริก ดายเออร์ และ วิคเตอร์ วานยาม่า ในทุกๆ วันจะยิ่งเป็นประโยชน์ในขณะที่เขากำลังพยายามเป็นผู้เล่นที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
“คุณคงหวังอะไรน้อยกว่านี้จากสโมสรอย่างสเปอร์สไม่ได้แล้ว” วิงค์สพูดถึงการแข่งขันในตำแหน่งกองกลาง “มูซ่า เดมเลเล่ เป็นกองกลางระดับโลกซึ่งทุกคนรู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน ส่วนเอริกและวิคเตอร์ก็เป็นอีก 2 ผู้เล่นชั้นยอด พวกเขาอยู่ในระดับแนวหน้าของเกมลูกหนังตอนนี้และก็เล่นได้ดีมากๆ พวกเราโชคดีเหลือเกินที่มีแผงกองกลางแข็งแกร่งขนาดนี้”
“ผมชอบดูดเทคนิคและความรับผิดชอบจากผู้เล่นทุกๆ คนมาศึกษาและทำตาม เพราะแต่ละคนก็จะมีคุณภาพเฉพาะตัวที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อยู่แล้วน่ะนะ อย่างมูซ่านั้น การเล่นของเขาคือสิ่งที่คุณเอามาใช้เป็นแบบอย่างได้ ผมพยายามที่จะเก็บการเล่นของพวกเขาทุกคนมาศึกษาและพัฒนาในส่วนของผมเองครับ”
ตอนนี้วิงค์สอาจจะกำลังนึกถึงการติดทีมชุดใหญ่ของสเปอร์สให้ได้อย่างถาวรก่อนเป็นอันดับแรก แต่ยังมีอีกสิ่งที่เขาคงหวังลึกๆ แม้อาจยังทำไม่ได้ในตอนนี้ นั่นคือการติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เพราะถึงเขาจะติดทีมชาติชุดเยาวชนมาแล้วทุกชุดก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าการติดทีมชาติชุดใหญ่ยังเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อม ยิ่งมีฟุตบอลโลก 2018 รออยู่อีกไม่ไกลจากนี้ด้วย
“แน่นอนครับ” เจ้าตัวตอบถึงคำถามที่ว่าอยากติดทีมสิงโตคำรามไปรัสเซียหรือไม่ “ผมเคยติดทีมชาติอังกฤษตั้งแต่รุ่นยู 17 มาจนถึงชุดยู 21 ดังนั้นการติดทีมชาติชุดใหญ่จึงถือเป็นความฝันของผมเสมอ แต่ผมก็ยังไม่อยากคิดอะไรให้มากไปในตอนนี้ สิ่งที่ผมต้องทำคือพัฒนาเกมของตัวเองก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่ามันจะพาผมไปถึงจุดไหน”
เมื่อจะได้เหยียบเบอร์นาเบว
ตอนนี้แน่นอนว่าเขาตั้งโฟกัสกับการเล่นให้สเปอร์สเป็นอันดับแรก รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะได้ดวลแข้งกับทีมดังอย่างมาดริดและดอร์ทมุนด์ในฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปด้วย
“มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากที่จะได้ไปเล่นที่นั่นครับ” วิงค์สกล่าว “แค่ตัวสนามซานติอาโก้ เบอร์นาเบวเองก็สุดยอดแล้ว และนี่คือแชมเปี้ยนส์ลีก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณได้เจองานหนักแน่ แต่มันก็เป็นเรื่องดี เพราะหากคิดที่จะเป็นสุดยอดทีมแล้วล่ะก็ คุณก็ต้องชนะสุดยอดทีมเหล่านี้ให้ได้ก่อน”
“ผมยังจำได้ดีเลยว่าไม่กี่ปีก่อนผมเข้ามาดูเกมแชมเปี้ยนส์ลีกในฐานะแฟนบอล แต่การที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม ได้รู้ว่าผมกำลังจะมีโอกาสเล่นรายการระดับนี้ขึ้นมาจริงๆ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก และผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้แฟนๆ ผิดหวังครับ”
เครดิต FourFourTwo
Spoil
https://www.fourfourtwo.com/th/features/tawttawkab-aehrrii-wingkhs-khrang-seprs-ecch-maadrid-rbnanphmyangepnaekhedkechiythng
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะได้ไปเยือน เรอัลมาดริด ที่ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว
ในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยน รอบแบ่งกลุ่ม H วันที่ 18 ตุลาคม 2560